ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 18 คำขอของหมอเฉิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 20 วิชาสิบสองเข็มประตูนรก

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 19 หวังไห่เฟิง


ตอนที่ 19 หวังไห่เฟิง

หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว หมอเฉินก็รีบร้องบอกเย่โม่ว่า “คุณหมอเย่ ผมได้รายงานเรื่องของคุณให้ผู้อำนวยการทราบแล้ว ตอนนี้ท่านผู้อำนวยการ กับหัวหน้าแพทย์อีกสองคนกำลังรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม!”

เย่โม่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเฟิงกั๋วตง แล้วจึงเดินตามคุณหมอเฉินไปที่ห้องประชุมทันที

เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องประชุมชั้น 8 แล้ว หมอเฉินก็ได้แนะนำเย่โม่ให้รู้จักกับหม่าไป๋ซังซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล หวังเว่ยหัวหน้าแผนกประสาทวิทยา และยู่จินหัวหน้าแผนกโรคหัวใจและหลอดเลือด

“ผู้อำนวยการหม่าครับ นี่คือคุณหมอเย่ที่ผมเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ครับ!”

ชายผมสีดอกเลาที่ชื่อว่าหม่าไป๋ซังยกมือขึ้นเขี่ยแว่นที่ตกอยู่ปลายจมูกขึ้นพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นจึงได้ทำท่าทางพยักพเยิดให้หมอเฉินกับเย่โม่นั่งลง

“เฉินจี๋ นี่คุณไม่ได้ล้อพวกเราเล่นใช่มั๊ย? เด็กหนุ่มหน้าตายังกับเด็กวัยรุ่นคนนี้น่ะเหรอ ที่คุณบอกว่าสามารถรักษาคนไข้พิเศษได้? อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ!

หมอหวังหัวหน้าแผนกประสาทวิทยาเอ่ยถามขึ้นทันที พร้อมกับทำสีหน้าที่ค่อนข้างจะดูถูกและไม่เชื่อหมอเฉินเท่าไหร่นัก

“นั่นน่ะสิหมอเฉิน! คุณต้องนึกถึงฐานะของคนไข้คนนี้ด้วยนะ นี่ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา พวกเราจะรับผิดชอบกันไม่ไหวนะครับ!”

หัวหน้าแผนกโรคหัวใจและหลอดเลือดยู่จินรีบเอ่ยสนับสนุนขึ้นทันทีเช่นกัน

เย่โม่ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ในเมื่อหมอเฉินเป็นฝ่ายต้องการความช่วยเหลือจากเขา จึงเป็นหน้าที่หมอเฉินที่จะต้องสะสางปัญหา และจัดการกับหมอเจ้าปัญหาสองคนตรงหน้าเอง

และก็เป็นอย่างที่เขาคาดคิด หมอเฉินรีบยกเอาเคสของหวงเจิ้งหมิง ซึ่งเย่โม่สามารถรักษาให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ขึ้นมาพูดทันที หลังจากได้ฟัง ผู้อำนวยการหม่าเองก็พูดสนับสนุนขึ้นทันที

“ที่หมอเฉินพูดมาก็ถูก! อย่าลืมว่าเคสของท่านรองนายกเทศมนตรีหวงเองก็ไม่ธรรมดา หมอกี่คนต่อกี่คนก็รักษาให้หายไม่ได้ เพราะฉะนั้น อย่าด่วนประมาทหมอเย่เพียงเพราะว่าเขาอายุยังน้อย!”

แต่ถึงจะได้ยินได้ฟังแบบนั้น หวังเว่ยกับยู่จินก็ยากที่จะเชื่อได้ว่า เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งอย่างเย่โม่จะมีความสามารถรักษาหวงเจิ้งหมิงได้จริงๆ

“หมอเฉิน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็รีบเอาแฟ้มของคนไข้นี่ให้หมอเย่ดูก่อน!”

ระหว่างที่พูดนั้น ผู้อำนวยการหม่าก็ยื่นแฟ้มคนไข้ในมือให้กับหมอเฉินทันที

หลังจากหมอเฉินส่งแฟ้มให้กับเย่โม่แล้ว เขาก็รีบเปิดออกอ่านอย่างละเอียดทันที จนกระทั่งผ่านไปราวสองสามนาที เขาก็ปิดแฟ้มลงและพูดขึ้นว่า

“จากที่ได้อ่านแฟ้มประวัติการรักษาของคนไข้ท่านนี้ ผมมั่นใจว่าอาการของเขา สามารถใช้วิธีการรักษาแบบโบราณได้อย่างแน่นอน!”

“จริงเหรอ? คุณมีความมั่นใจมากแค่ไหนหมอเย่?”

ผู้อำนวยการหม่าเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวังทันที ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถรักษาคนไข้พิเศษคนนี้ได้ แต่เป็นเพราะการรักษาจำเป็นต้องลงมีดผ่าตัด ซึ่งขัดกับความต้องการของคนไข้ ดังนั้น เมื่อเย่โม่ยืนยันหนักแน่นว่า เขาสามารถใช้วิธีการรักษาแบบโบราณรักษาเคสนี้ได้ มีหรือที่ผู้อำนวยการหม่าจะไม่ตื่นเต้นดีใจ

เย่โม่อยากจะบอกไปตามตรงว่า เขามั่นใจหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น แต่ท้ายที่สุดก็กลับบอกออกไปว่า “ผมมั่นใจ 90% ครับ!”

แต่ถึงอย่างนั้น แม้กระทั่งเป็นคำตอบที่พยายามถ่อมตัวมากแล้ว หม่าไป๋ซัง หวังเว่ย และยู่จินต่างก็พากันตกใจจนแทบช็อก!

“มั่นใจว่าจะประสบผลสำเร็จถึง90% แบบนี้ นับเป็นโอกาสที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยมีหมอคนไหนกล้าฟันธงมาก่อน!”

และคำพูดของหมอเฉินก็ได้ทำให้เย่โม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดหมอทั้งสามคนในห้องถึงได้ทำสีหน้าตกอกตกใจขนาดนั้น!

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย! ไม่ทราบว่าคืนนี้หมอเย่มีธุระอะไรมั๊ย? ถ้าไม่มี ผมจะได้นัดไปดูคนไข้ด้วยกัน เผื่อว่าอาจจะสามารถลงมือรักษาในคืนนี้ได้เลย” ประธานหม่าร้องบอกด้วยความร้อนใจ

“เอ่อ.. ก็ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร! เพียงแต่ ผมขอรบกวนผู้อำนวยการหม่าช่วยจัดหาเข็มที่ใช้สำหรับฝังเข็มให้ผมสักชุดนะครับ!” เย่โม่พยักหน้ารับปาก

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา! ถ้าอย่างนั้นเวลาหนึ่งทุ่มตรง มาพบกันที่ห้องประชุมนี้!” ผู้อำนวยการหม่ารีบทำการนัดหมายทันที

หลังจากปรึกษาหารือกันต่ออีกเล็กน้อย เย่โม่ก็ได้เดินลงไปที่ห้องพักของหวงเจิ้งหมิง และบอกกับทุกคนว่าคืนนี้เขามีนัดกับผู้อำนวยการหม่า

…………….

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และตอนนี้ก็ได้เข้าสู่เวลาสองทุ่มในยามค่ำคืน เย่โม่และประธานหม่ากำลังนั่งอยู่ในรถวอลโว่ XC90 ด้วยกัน ระหว่างทางที่รถเคลื่อนไปนั้น เย่โม่ก็ได้นั่งมองทัศนียภาพในยามค่ำคืนของเมืองจี่หนิงผ่านหน้าต่างรถอย่างเงียบๆ

“หมอเย่ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาจี่หนิงสินะ?”

เย่โม่ได้ยินผู้อำนวยการหม่าเอ่ยถาม จึงได้ตื่นจากภวังค์ พร้อมตอบกลับไปว่า “ใช่ครับ!”

“โบราณมีคำพูดว่าเพชรในตม ฉันไม่เคยเชื่อเลยจนกระทั่งได้มาพบกับหมอเย่ ไม่ทราบว่าผมขอถามหน่อยจะได้มั๊ยว่า หมอเย่อายุยังน้อยมาก ทำไมถึงได้มีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศแบบนี้ ไม่ทราบว่าไปร่ำเรียนมาจากที่ไหนกัน?”

เย่โม่เอ่ยตอบผู้อำนวยหม่ากลับไปโดยแทบไม่ต้องคิด “คุณปู่ผมเป็นคนถ่ายทอดวิชาให้ครับ!”

“อ่อ! แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้ปู่ของหมอเย่อยู่ที่ไหน? หากมีโอกาส ผมอยากจะไปทำความรู้จัก เพื่อที่จะได้ของคำชี้แนะและขอความรู้จากท่านบ้าง!”

“ปู่ของผมเสียไปแล้วครับ!” เย่โม่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกระซิบ

“เฮ้อ! ช่างน่าเสียดายแท้ๆ!”

ประธานหม่าได้แต่ถอนหายใจ ราวกับว่า การที่ไม่มีโอกาสได้พบกับปู่ของเย่โม่นั้น เป็นเรื่องที่ควรเสียใจที่สุดในชีวิตของเขา

ในเวลานี้ รถของผู้อำนวยการหม่าได้มาถึงบริเวณหมู่บ้านมู่หลิงซานซึ่งอยู่ในแถบชานเมืองจี่หนิง

โดยทั่วไปแล้ว คนร่ำรวยมีชื่อเสียงในมณฑลซานตง ย่อมรู้ดีว่าในบริเวณหมู่บ้านมู่หลิงซานแห่งนี้ เป็นบริเวณที่มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุดในเมือง และบริเวณนี้ก็ได้ชื่อว่ามีที่ดินราคาแพงที่สุด และเป็นหมู่บ้านที่มีความงดงามมากที่สุดอีกด้วย กระทั่งบ้านหลังที่ถูกที่สุดของหมู่บ้านแห่งนี้ ราคาเริ่มต้นยังอยู่ที่ห้าสิบถึงหกสิบล้านเลยทีเดียว!

เย่โม่สำรวจมองไปยังบ้านแต่ละหลังที่อยู่กระจัดกระจายรอบๆภูเขาแห่งนี้ และอดที่จะสะท้อนใจกับความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนไม่ได้ สถานที่ที่คนร่ำรวยอาศัยอยู่นั้น ดูราวกับสวรรค์นอกโลก ซึ่งแตกต่างจากที่อยู่อาศัยของคนยากคนจนราวฟ้ากับเหว

แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเย่โม่นึกถึงระบบทักษะที่อยู่ในร่างของตนเองเวลานี้ เขาก็เลือกที่จะหยุดคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ตราบใดที่เขาทำตามขั้นตอนเพื่ออัพเกรดระบบในร่าง ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็จะสามารถมีชีวิตที่น่าอิจฉาอย่างผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ได้!

จนกระทั่งสิบนาทีผ่านไป รถของผู้อำนวยการหม่าก็ได้มาหยุดอยู่ที่ระหว่างทางขึ้นเขา ผู้อำนวยการหม่าถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะส่งสัญญาณให้เย่โม่ตามเขาลงมาจากรถ

หลังจากนั้นไม่นานนัก เย่โม่ก็เห็นชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูบ้าน ด้านหลังของเขามีชายหนุ่มร่างสูงสองคนเดินตามมา

“ว่ายังไงเพื่อน ครั้งนี้คงต้องลำบากนายแล้วสินะ! ขนาดมีงานยุ่งที่โรงพยาบาลตลอดทั้งวันแล้ว ยังอุตส่าห์สละเวลามาเยี่ยมเยียนพ่ออีก!”

ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีร้องตะโกนทักทายผู้อำนวยการหม่าเสียงดัง พร้อมกับเดินตรงดิ่งเข้ามาหาทันที

“พ่อของนายเป็นผู้มีพระคุณของฉัน หากไม่ได้ท่านช่วยเหลือในครั้งนั้น ป่านนี้ฉันเองก็คงยังต้องเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองปินโจวแน่”

หลังจากเอ่ยตอบสหายเก่าแก่ไปแล้ว ผู้อำนวยการหม่าก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางเย่โม่ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เกือบลืม.. นั่นคือหมอเย่ที่ฉันเล่าให้นายฟังทางโทรศัพท์ยังไงล่ะ!”

แม้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นตัวจริงของเย่โม่ แต่เพราะได้รับการอบรมมารยาทมาดี เขาจึงไม่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก และได้แต่พูดขึ้นว่า

“โอ้! ฉันคิดว่าหมอเย่ที่นายพูดถึงจะเป็นคุณหมอสูงอายุผมขาวโพลนทั้งหัวซะอีก! คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะยังเด็กมากขนาดนี้!”

“หมอเย่ นี่คือหวังไห่เฟิง ส่วนคนไข้ที่ผมบอกคุณก็คือพ่อของเขาเอง!” ผู้อำนวยการหม่าเอ่ยแนะนำชายวัยกลางคนให้เย่โม่รู้จัก

“เอาล่ะๆ เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะ!”

หวังไห่เฟิงโบกมือเชื้อเชิญผู้อำนวยการหม่ากับเย่โม่เข้าไปในบ้านทันที

เย่โม่เดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ ระหว่างทางนั้นเขาก็ได้กวาดตามองไปรอบๆ และพบว่า เวลานี้สายตาของเขานั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนกว่าก่อนมาก แม้กระทั่งในเวลาค่ำมืดเช่นนี้ก็ตาม

ลานบ้าน ทางเดิน ชายคาบ้าน ศาลานั่งเล่น สะพานเล็กๆ สายน้ำไหลริน ทุกอย่างภายในคฤหาสน์ใหญ่หลังนี้ ตกแต่งไว้ราวกับย่อส่วนมาจากสวนในวังหลวง

ไม่เพียงเท่านั้น เย่โม่ยังสังเกตเห็นว่า รอบๆบ้านมียอดฝีมือแข็งแกร่งที่ดูเลือดเย็นซ่อนตัวอยู่รอบๆบริเวิณคฤหาสน์หลังใหญ่นี้อีกด้วย!

‘ดูท่าฐานะของคนในบ้านหลังนี้จะไม่ธรรมดาเลย! มิน่า กระทั่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลยังถึงกับเอ่ยปากบอกว่า เป็นคนไข้พิเศษที่มาก!’ เย่โม่แอบคิดอยู่ภายในใจเงียบๆ

ไม่นานนัก ในที่สุดหวังไห่เฟิงก็เดินนำผู้อำนวยการหม่ากับเย่โม่ ไปถึงห้องรับแขกที่หรูหราโอ่โถงอย่างมาก!

--------------------------

ติดตามนิยายแปลสนุกๆอีกหลายเรื่องได้ที่เพจ  : แปลสนุก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด