WS บทที่ 254 ลูกศิษย์?
ร่างของบลูเบิร์ดจมอยู่ในเปลวเพลิงสีขาว เหลือเพียงเสียงสาปแช่งของเธอ “เมอร์ลิน!! ไคลส์จะตามล่าหาแกจนเจอ แกจะไม่มีวันแซงหน้าไคลส์ไปได้ ฮ่าฮ่า…”
ด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่าเมอร์ลินเฝ้าดูงบลูเบิร์ดอย่างเงียบ ๆ ภายใต้ความบ้าคลั่งของเปลวไฟ ทุกอย่างสิ่งที่ถูกเผาโดยเพลิงวินาศ แม้ว่าจะมีเสื้อคลุมแต่ก็ไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงดั่งอเวจีได้
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งบลูเบิร์ด ได้หายไปพร้อมกับชีวิตของเธอ ในไม่ช้า ร่างของเธอก็กลายเป็นเถ้าถ่าน เหลือเพียงแหวนที่ตกลงสู่พื้น
“ไคลส์? เป็นเพราะเขา คุณเลยมาที่นี่เพื่อฆ่าฉัน? แต่น่าเสียดายที่คุณยอมขัดคำสั่งของออซมู คุณจึงจบลงแบบนี้ ไคลส์ของคุณก็ไม่สามารถช่วยคุณได้”
เมอร์ลินพึมพำด้วยเสียงต่ำ ตอนนี้มีแหวนไหม้อยู่ในมือของเขา นี่คือแหวนของบลูเบิร์ดซึ่งตอนนี้อยู่ในความครอบครองของเขาแล้ว
เขาคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างบลูเบิร์ดกับไคลสได้ลาง ๆ จากคำพูดของบลูเบิร์ดก่อนหน้านี้
บลูเบิร์ดได้ขัดกับคำสั่งของออสมูเพราะเธอไม่ได้ ‘ชักจูง’ เมอร์ลินแต่เธอกลับพยายามจะฆ่าเขาทันที ส่งผลให้เธอตายด้วยน้ำมือของเขา
เมื่อบลูเบิร์ดตาย สายตาของนักเวทย์ทุกคนในบริเวณก็เปลี่ยนไปที่หนังสือแห่งนิรันดร์ที่วางอยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ระหว่างบลูเบิร์ดกับเมอร์ลินทำให้เกิดความกลัวขึ้นในใจ พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะออกมาหยิบหนังสือแห่งนิดันดร์ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ได้เหลือบมองที่หนังสือแห่งนิดันดร์บนพื้นเลย เขาหันกลับหลังทันทีและพูดกับเลอแรนก้าว่า
"เลอแรนก้าไปกันเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว"
“หืม? เขาไม่ต้องการหนังสือแห่งนิดันดร์?”
เหล่านักเวทย์ต่างพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินไม่ต้องการหนังสือแห่งนิดันดร์ที่วางอยู่บนพื้น พวกเขาก็เริ่มคิดที่จะเอามัน
ในไม่ช้า พ่อมดไรนด์ หัวหน้าตระกูลชาเดอสันก็หยิบหนังสือแห่งนิดันดร์ขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว เขาจ้องไปที่มันแล้วมองที่เมอร์ลินที่กำลังหันหลังจากไป สีหน้าของเขาปั้นยาก เขากำลังตัดสินใจบางอย่างที่มันสำคัญมาก ๆ
ในท้ายที่สุด พ่อมดไรนด์กัดฟันอย่างรุนแรงและส่ายหัวเล็กน้อย “พ่อมดเมอร์ลิน เดี๋ยวก่อน!”
“หืม? พ่อมดไรนด์เกิดอะไรขึ้น?” เมอร์ลินขมวดคิ้วและถามเสียงต่ำ
พ่อมดไรนด์ถือหนังสือแห่งนิดันดร์ไว้ในมือด้วยใบหน้าที่ดูซับซ้อน เขากัดกรามและส่งหนังสือแห่งนิดันดร์ให้เมอร์ลินและพูดเบา ๆ ว่า
"พ่อมดเมอร์ลิน ฉันขอมอบหนังสือแห่งนิดันดร์เล่มแรกให้คุณ ฉันตระหนักว่าหากตระกูลของฉันยังดื้อรั้นครอบครองมันอีก หลังจากนี้ตระกูลชาเดอสันคงไม่พบความสงบสุขอีกตลอดไป”
พ่อมดไรนด์มองไปหาสมาชิกของตระกูลชาเดอสันที่อยู่รอบ ๆ อย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลชาเดอสัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะครอบครองหนังสือแห่งนิดันดร์ แม้ว่าพวกเขาจะเปิดเผยเวทย์มนตร์ในหนังสือต่อสาธารณะ พวกเขายังคงดึงดูดความสนใจของเหล่านักเวทย์ด้วยข่าวลือที่ว่ามีตำแหน่งของเล่มสองและเล่มสามอยู่ในเล่มแรก
ดังนั้น ภายใต้แรงกดดันของสถานการณ์เหล่านี้ พ่อมดไรนด์รู้ว่าตระกูลชาเดอสันจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อเมอร์ลินได้รับหนังสือหนังสือแห่งนิดันดร์ไป
เมอร์ลินไม่เพียงมีพละกำลังมหาศาลแต่เขายังสามารถฆ่าบลูเบิร์ดจากออซมูได้อีกด้วย นอกจากนี้ เมอร์ลินยังมาจากดินแดนมนต์ดำที่คอยสนับสนุนเขา นี่เป็นองค์กรนักเวทย์และไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเมอร์ลินเพียงหนังสือแห่งนิดันดร์เล่มเดียว การตอบโต้ของดินแดมนต์ดำไม่ใช่สิ่งที่พ่อมดพเนจรหรือตระกูลนักเวทย์รับมือได้อย่างแน่นอน
เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่พ่อมดไรนด์แล้วพยักหน้าเบา ๆ เขารู้อย่างชัดเจนถึงสถานการณ์ที่ตระกูลชาเดอสันกำลังเผชิญกับอะไรอยู่และเข้าใจเหตุผลของพ่อมดไรนด์ถึงตัดสินใจเช่นนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถครองครองหนังสือแห่งนิดันดร์ไว้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงอาจมอบมันให้กับเมอร์ลินต่อหน้าทุกคนเพื่อผูกมิตรกับเมอร์ลินและอาจเปลี่ยนความสนใจของพ่อมดพเนจรไปที่เขาแทน
“ได้ ฉันจะขอรับเอาหนังสือแห่งนิดันดร์นี้ไป!”
เมอร์ลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ในที่สุดเขาก็ตกลงรับหนังสือแห่งนิดันดร์ มันมีคาถามากมายในนั้นซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขาในการเติมเต็มจำนวนข้อมูลคาถาภายในเดอะเมทริกซ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือเล่มแรกของหนังสือแห่งนิดันดร์อาจมีตำแหน่งของหนังสือเล่มที่สองและสามของหนังสือแห่งนิดันดร์อยู่
“หนังสือแห่งนิดันดร์เป็นของขวัญที่ล้ำค่ามาก แน่นอนว่าฉันต้องตอบแทนความใจกว้างของพ่อมดไรนด์เหมือนกัน!”
รอยยิ้มลึกลับผุดขึ้นที่มุมปากของเมอร์ลิน ทันใดนั้นเขาก็หันไปหาพ่อมดซาบิส นักเวทย์ระดับสี่แห่งตระกูลดอเร็ต
เมื่อเห็นการจ้องมองของเมอร์ลิน สีหน้าของพ่อมดซาบิสก็เปลี่ยนไปและคลื่นลมแห่งธาตุลมก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขาทันที จากนั้น เขาก็ถอยกลับอย่างรวดเร็ว โดยตะโกนว่า
"เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ พวกเราที่ตระกูลดอเร็ตจะไม่รบกวนตระกูลชาเดอสันอีกต่อไป!"
“พลังปีศาจแพนโดร่า เพลิงวินาศ!”
เมอร์ลินชี้นิ้วของเขาและเปลวไฟสีขาวที่น่าสะพรึงกลัวก็ลุกโชนขึ้นทันที คราวนี้มันมุ่งเป้าไปที่พ่อมดซาบิสเท่านั้น
พ่อมดซาบิสเคยเห็นมาก่อนว่าเปลวเพลิงสีขาวที่ปล่อยออกมาจากเมอร์ลิน มันทำให้บลูเบิร์ดกลายเป็นเถ้าถ่านดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเขาไม่มีโอกาสต่อต้านมันได้
*พรึ่บ!*
แม้ว่าพ่อมดซาบิสจะพยายามหาโอกาสที่จะหลบหนีแต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะความเร็วของเพลิงวินาศได้ เปลวเพลิงปกคลุมท้องฟ้า ก่อตัวเป็นม่านไฟขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบพ่อมดซาบิสไว้ตรงกลาง
แม้ว่าคาถาป้องกันของพ่อมดซาบิสจะเป็นคาถาระดับสี่แต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะเมอร์ลินได้ฝึกฝนขั้นแรกของเพลิงวินาศเรียบร้อยแล้ว คาถาป้องกันพวกนั้นหยุดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ในช่วงเวลาสั้น ๆ คาถาป้องกันของพ่อมดซาบิสได้พังทลายลงและเขาถูกไฟสีขาวกลืนกินแบบเดียวกับที่บลูเบิร์ด
"อ๊าก!!!"
แม้แต่พ่อมดไรนด์ก็ยังหวาดกลัวต่อพลังของเพลิงวินาศ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นว่าพ่อมดซาบิสตายแล้ว ลำแสงแห่งความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาในทันที
พ่อมดซาบิสเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลดอเร็ต เมื่อเขาตายแล้ว ตระกูลดอเร็ตที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับตระกูลชาเดอสันมาโดยตลอด ตอนนี้ตระกูลดอเร็ตไม่อาจต้านทานการโจมตีของตระกูลชาเดอสันได้อีกต่อไปแล้ว
“ฮ่าฮ่า พ่อมดเมอร์ลิน นี่เป็นของขวัญที่น่มาประทับใจจริงๆ!”
พ่อมดไรนด์อดไม่ได้ที่จะคำรามด้วยเสียงหัวเราะ ต่อจากนั้น สายตาของเขาก็จ้องมองไปยังนักเวทย์ที่เหลืออยู่จากตระกูลดอเร็ตอย่างคุกคาม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับตระกูลชาเดอสันจะกำจัดตระกูลดอเร็ตให้สิ้นซาก
“ไปกันเถอะ เลอแรนก้า!”
เมอร์ลินเก็บหนังสือแห่งนิดันดร์เข้าไปในแหวน ตอนนี้เขาได้จัดการกับพ่อมดซาบิสไปแล้ว หากไม่มีนักเวทย์ระดับสี่ตระกูลดอเร็ตก็ไม่มีกำลังที่จะรับมือตระกูลชาเดอสัน มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่ตระกูลดอเร็ตจะสูญหายไปจากเมืองโทลเล่
เลอแรนก้าส่ายหัว ในที่สุดก็ปล่อยลมหายใจที่เธอกลั้นไว้ข้างใน ออกมา ตอนนี้ตระกูลชาเดอสันสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤติและพลิกสถานการณ์ได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเมอร์ลิน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เมอร์ลินกำลังจะจากไป เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงหน้าเขา กำลังขวางทางอยู่
ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินรู้สึกว่าเขาเห็นคนคุ้นเคยแต่เขาจำไม่ได้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ ความทรงจำก็ผุดขึ้นในใจเขาในที่สุด
"ท่านอาจารย์!"
คนที่ขวางทางเขาคือเอ็มม่าซึ่งเคยเป็นเด็กสาวจากเมืองเดอตัส ตอนนี้เอ็มม่าโตเป็นสาวงามแล้ว ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นที่ไม่มีใครเทียบได้
“อาจารย์? พ่อมดเมอร์ลินเป็นอาจารย์ของเอ็มม่าเหรอ?”
ไชรีน, ฮายาและคนอื่น ๆ ที่อยู่กับเอ็มม่าต่างก็มึนงงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่เคยคาดหวังใด ๆ เกี่ยวกับ ‘อาจารย์’ ที่เอ็มมามองหามาตลอด
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ของเอ็มม่าเป็นพ่อมดเมอร์ลินที่ฆ่าบลูเบิร์ดซึ่งก่อนหน้านี้ สิ่งนี้ทำให้ไชรีนและฮายาสงสัยว่าอาจารย์ของเอ็มม่าน่าจะเป็นเมอร์ลินที่ทรงพลังอย่างแท้จริง เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เธอคิดไม่ถึง
“เอ็มม่า…”
ในใจของเขา เมอร์ลินยังคงนึกถึงเอ็มม่าผู้ไร้เดียงสา เมื่อสองถึงสามปีก่อน ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาได้ให้เวทมนตร์ระดับศูนย์แก่เอ็มม่าและยังทำข้อตกลงสามปีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายในสามปีนั้นมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนจนทำให้เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ถ้าเขาไม่ได้พบกับเอ็มม่าที่นี่ เขาจะจำไม่ได้เลยว่าเขายังมี ‘ลูกศิษย์’ ที่รอเขาอยู่ในเมืองเดอตัส
“เอ็มม่า เมื่อเธอมาถึงที่นี่แล้ว ตามฉันมาที่คฤหาสน์ชาดิสันก่อน”
เมอร์ลินพูดกับเอ็มม่า อย่างไรก็ตาม เอ็มม่ามองไปที่ไชรีน ฮายา และคนอื่น ๆ เมอร์ลินรู้จักไชรีนและฮายา พวกเขาเป็นนักวเทย์ที่เขาพบในระหว่างเดินทางมาที่เมืองโทลเล่
"พวกคุณก็มาด้วยกันสิ"
เมอร์ลินพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ ต่อจากนั้น ไชรีนและคนอื่น ๆ ก็มีท่าทางที่ร่าเริง พวกเขาตามหลังเมอร์ลินขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ชาเดอสัน