218 - ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปไวเสมอ
218 - ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปไวเสมอ
“หนานกงเจิ้งไปที่วังอมตะทองแดงด้วยใช่ไหม” เย่ฟ่านถาม
“ถูกต้อง ตามสิ่งที่ราชานกยูงกล่าวถึง หนานกงเจิ้งเหลือเวลาอีกร้อยปีเท่านั้น เขาไม่ต้องการที่จะนอนเอนหลังและรอจุดจบอันน่าสังเวช เขาต้องการเดิมพันสุดท้ายในการทะลวงฝ่าขึ้นไปอีกระดับ”
“เจ้าคิดว่าเขาจะเป็นผู้อมตะได้จริงๆหรือไม่?” เย่ฟ่านมีสีหน้างุนงง
“ตั้งแต่สมัยโบราณมีกี่คนที่บรรลุความเป็นอมตะอย่างแท้จริง? ราชานกยูงกล่าวว่าหนานกงเจิ้งเป็นเพียงต้องการปลอบประโลมหัวใจของตัวเองเท่านั้น
เขาไม่ต้องการที่จะเหี่ยวเฉาในโลกมนุษย์และอาจกำลังคิดที่จะใช้วังทองแดงเป็นที่พำนักแห่งสุดท้ายสำหรับกระดูกของเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เย่ฟ่านก็ถอนหายใจ การฝึกฝนไปสู่ดินแดนเช่นนั้นต้องใช้ความพยายามมากมายแค่ไหน แต่ตอนจบของพวกเขาทุกคนล้วนหน้าเศร้าเหลือเกิน
“ตระกูลจี้ยังคงค้นหาที่อยู่ของข้าอยู่หรือไม่” นี่เป็นคำถามที่เย่ฟ่านกังวลมากที่สุด
“ไม่ ทุกอย่างสงบมาก” ฉินเหยาส่ายหัว
"มันแปลก" เย่ฟ่านรู้สึกสับสน
“เจ้าได้รับการช่วยเหลือจากผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์อสูรของข้า แม้ว่าพวกเขาต้องการหาปัญหากับเจ้า พวกเขาจะต้องจัดการกับราชานกยูงก่อน” ฉินเหยาหัวเราะในขณะที่นางพูดต่อ
“เป็นไปได้ไหมที่เจ้าอยากให้พวกเขาค้นหาเจ้าอย่างต่อเนื่อง”
“ข้าแค่มีความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้”
เย่ฟ่านรู้สึกจางๆว่ามีบางอย่างผิดปกติ จี้เหรินเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าถึงแม้จะเป็นผู้นำของแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงได้รับคัมภีร์แห่งความว่างเปล่าของพวกเขาไป ตระกูลจี้ก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันคืนมา!
“เรากำลังจะมุ่งหน้าไปยังภาคเหนือ เจ้าอยากจะเดินทางไปกับพวกเราไหม?”
ขณะที่นางพูดเช่นนี้ดูเหมือนว่าแสงจะส่องออกมาจากดวงตาของฉินเหยา นางใช้ลิ้นน้อยของนางเลียริมฝีปากที่แดงก่ำเป็นเสน่ห์เย้ายวนถึงที่สุด
“ถ้าเจ้าอยากจะพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ เจ้าก็ตามเราไปที่ภาคเหนือ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้พิสูจน์ตัวเองอย่างแน่นอน”
“ข้าเป็นผู้ชายอยู่แล้ว!” เมื่อกล่าวเช่นนี้เย่ฟ่านก็ถามอย่างจริงจังว่า
“เจ้าแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่”
“เขายอมรับคำขอของราชามังกรเขียวแล้วและพวกเขากำลังเตรียมที่จะเปิดประตูเคลื่อนย้าย” ฉินเหยาแสดงสีหน้าจริงจังและกล่าวต่อไปว่า
“ราชานกยูงรู้สึกไม่ดีว่าจะมีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น และปรารถนาที่จะนำทายาทของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ไปยังภาคเหนือ”
เลือดของเย่ฟ่านกำลังเดือดพล่าน ในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะออกจากภาคใต้ ทิ้งปัญหาทั้งหมดไว้เบื้องหลัง
“ปัง!”
ในขณะนี้เย่ฟ่านรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โลกใบเล็กๆที่พวกเขาอยู่คล้ายกับมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้ามาทำให้ใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
"เกิดอะไรขึ้น?" เย่ฟ่านลุกขึ้นทันที
"ปัง ปัง!"
เสียงยังคงดังอย่างต่อเนื่องและครั้งนี้มันถี่เร็วขึ้นกว่าเดิม!
บนท้องฟ้าเบื้องบน รอยแยกขนาดมหึมาปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทันใดนั้นยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์สองคนก็ฉีกช่องว่างของความว่างเปล่าด้วยพลังที่เกินจินตนาการของเย่ฟ่าน!
ใบหน้าของฉินเหยาซีดเผือดในทันที บุคคลที่สามารถบุกเข้ามาในรังลับของราชานกยูงได้นั้นต้องเป็นตัวตนที่พิเศษอย่างแน่นอนมิหนำซ้ำตอนนี้ยังมีถึงสองคนด้วย!
แสงสว่างเจิดจ้าปกคลุมร่างของทั้งสองคนทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขา
พวกเขายืนอยู่บนท้องฟ้าปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่ากลัวสร้างความหวาดหวั่นให้ทุกคนที่อยู่ในโลกใบเล็กๆนี้ พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันแปลกๆที่พยายามทำให้พวกเขาคุกเข่าลง!
“ผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้!” การแสดงออกของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปทันที เขารู้ว่าการฆ่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
"ฆ่า!"
ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังก้องไปในอากาศขณะที่ร่างจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากรอยแยกที่อยู่กลางอากาศ
“เจ้าแก่ของแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงเจ้ายังไม่ตายจริงๆ ไม่นึกว่าพวกเจ้าทั้งสองคนจะตามหารังของข้าเจอ!”
ราชานกยูงอุทานด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อร่างกายของเขาลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ผู้คนมากมายที่ส่งเสียงโห่ร้องด้านหลังก็เงียบลงในทันที
นอกจากผู้นำศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้แล้ว คนอื่นๆต่างก็ถูกบังคับให้ถอยหนีโดยไม่สมัครใจ
การที่ต้องเผชิญกับผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่แปดร้อยปีที่แล้วไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถส่งเสียงเอะอะที่ด้านข้างได้!
“ราชานกยูง ที่พำนักของเจ้าช่างลึกลับจริงๆ เมื่อแปดร้อยปีที่แล้วข้าไม่สามารถหามันเจอได้ แต่ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จหลังจากใช้ความพยายามมาหลายปี”
แขนของผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงไขว้ไปข้างหลังเขาขณะที่แสงจ้าปกคลุมร่างกายของเขาไว้ เขาดูเหมือนเทพเจ้าที่ไม่สามารถมองทะลุผ่านได้
“ราชานกยูงเจ้ายั่วยุข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเชื่อจริงๆหรือว่าเจ้าจะไร้เทียมทานในภาคใต้?”
ผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจี้ยืนสูงบนท้องฟ้า ร่างกายของเขาดูปลดปล่อยกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าจากนั้นเขาก็คำรามเสียงดัง
“มาจบทุกอย่างในวันนี้กันเถอะ!”
“ดูเหมือนพวกเจ้าจะมีความมั่นใจจริงๆ?” ราชานกยูงหัวเราะเสียงดัง “ความคาดหวังของบุคคลย่อมไม่สามารถเทียบได้กับฟ้าลิขิต ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะต้องผิดหวังแล้ว!”
“พวกเจ้าการแกล้งเผ่าพันธุ์อสูรของเรามานาน ต่อให้พวกเจ้าไม่มาที่นี่เราก็จะไปหาพวกเจ้าอยู่แล้ว?”
เสียงคำรามดังกึกก้องทำให้กลุ่มคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้ใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ!
ชายวัยกลางคนที่มีแรงกดดันมหาศาลราวกับจะกลืนภูเขาและพลิกแม่น้ำได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เขายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับราชานกยูง
"เจ้าคือใคร?" ประมุขของแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงถาม
“ราชามังกรเขียว!”
ชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยชุดสีเขียวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หึหึ”
ที่ด้านหลังหลายคนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ ราชามังกรเขียวไม่ใช่บุคคลที่รายชื่อเสียงเรียงนาม นี่เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์อสูรของภาคเหนือ!
“แล้วถ้ามีอีกคนหนึ่งล่ะ!”
ผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับลำแสงหนึ่งร้อยแปดเส้นที่หมุนวนรอบตัวเขา
แสงแต่ละเส้นเป็นภาพพร่ามัวราวกับโลกขนาดใหญ่ร้อยแปดดวง จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวของเขาทำให้พื้นที่โดยรอบพังทลายอย่างรุนแรงแม้แต่กฏแห่งมิติกาลเวลาก็ยังสั่นไหว!
สำหรับผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจี้เขาเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋าอันยิ่งใหญ่ของความว่างเปล่า ในทันทีที่เขาขยับตัวท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นมืดดำคล้ายกับจักรวาลโบราณที่ไร้ก้นบึ้ง!
เย่ฟ่านรู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายมาก เขาเกลียดชังคนเหล่านี้มาก สถานการณ์ของเขากำลังดีอยู่แล้วเชียว สุดท้ายความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วและคนเหล่านี้ก็ตามเอาชีวิตเขาอีกครั้ง!
มียอดฝีมือมากเกินไปในท้องฟ้าเบื้องบน บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนและแม้แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง ฮั่วอวิ๋นเฟย หลี่โหยวโหย่วและคนอื่นๆก็อยู่ที่นั่นทุกคน!
ปฏิบัติการของพวกเขาในครั้งนี้มีความรัดกุมมากแค่ไหนเป็นที่ทราบได้ เพราะแม้แต่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ก็ยังถูกรวบรวมมาที่นี่เพื่อให้ต่อสู้กับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์อสูรเพื่อเป็นการฝึกฝนตัวเอง!
หากไม่มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะฆ่าพวกเขาทุกคนที่นี่ได้ มีหรือที่มหาอำนาจเหล่านั้นจะปล่อยให้เมล็ดพันธุ์อันล้ำค่าของพวกเขาไปเสี่ยงอันตราย!