ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 14 กลับไปโรงเรียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 16 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของมณฑล

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 15 อิ่มแล้วก็ไปได้แล้ว


ตอนที่ 15 อิ่มแล้วก็ไปได้แล้ว

“ว่ายังไงเย่โม่? ฟื้นแล้วเหรอ? โอ้โห แบบนี้คงต้องเลี้ยงฉลองกันหน่อยแล้วมั๊ง?”

จางเชาที่ยืนประจันหน้ากับเย่โม่อยู่ร้องตะโกนออกมา สายตาของเขาจ้องมองเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับพูดกระแนะกระแหนต่อว่า

“โอ๊ะๆๆ ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็น วันนี้ไอ้ลูกคนจนแต่งตัวดีชะมัด! คงจะอยากถีบตัวเองขึ้นมามากสินะ?”

“ฮ่าๆๆ พี่เชา ฉันว่าหมอนี่มันตลกมากกว่า พยายามที่จะตะเกียกตะกายขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับพวกเรา!”

“นั่นน่ะสิ! โคตรน่าสมเพชเลย!”

จากนั้น ลูกน้องของจางเชาต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากที่ได้พูดจาถากถางเย่โม่ด้วยความสะใจ

ตอนนี้หวู่ชวงได้แต่กำหมัดแน่นพร้อมกับหายใจแรงด้วยความโกรธ ในขณะที่เย่โม่เพียงแค่หรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองจางเชาด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก

จางเชาดูเหมือนจะพอใจกับการพูดจาเยาะเย้ยถากถางเย่โม่ของลูกน้องทั้งสอง เพราะมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก!

จากนั้น จางเชาก็ก้าวเดินออกมาข้างหน้าสองก้าว และเวลานี้ร่างของเขาก็อยู่ใกล้ชิดกับเย่โม่มากขึ้น หลังจากที่คิดว่าเย่โม่คงจะเสียสติไปแล้วถึงได้กล้ามาที่นี่ เขาจึงได้พูดกับเย่โม่ด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันว่า

“ไอ้เด็กยากจน! ดูท่าแกคงจะไม่รู้จริงๆสินะว่า ฉันกับแกห่างชั้นกันแค่ไหน? ฉันจะบอกอะไรให้ คนอย่างฉัน ถ้าคิดจะกระทืบแกจนตาย ก็ทำได้ง่ายซะยิ่งกว่าบี้มดตัวนึงซะอีก จำใส่กะลาหัวไว้ด้วยล่ะ!”

“ฉันไม่เข้าใจที่แกพูด!” เย่โม่ตอบกลับเสียงเย็น

“หืมม?! นี่แกกล้ากวนตีนฉันเหรอไอ้กระจอก ฉันจะฆ่าแก…”

จางเชาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่า เย่โม่จะกล้าตอบโต้เขากลับมาแบบนั้น จึงได้แต่โมโหโกรธเกรี้ยว และร้องตะโกนใส่หน้าอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้

แต่ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต ลูกน้องสองคนก็รีบเข้าไปห้ามไว้ และกระซิบข้างหูว่า “พี่เชาใจเย็นๆก่อน! อย่าบุ่มบ่ามไป ที่นี่เป็นโรงเรียนนะ คนแม่งอยู่เต็มไปหมด! ฉันว่าพวกเราบีบไอ้เวรนี่ให้ไปที่เนินเขาหลังโรงเรียนจะดีกว่า ถึงตอนนั้น พี่เชาอยากจะกระทืบมันยังไง ก็เอาที่สบายใจเลย!”

หลังจากที่ได้ยินคำแนะนำของลูกน้อง จางเชาก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที แล้วจึงหันไปบอกกับเย่โม่ว่า “ว่ายังไงเย่โม่? แกกล้าไปเจอกับฉันที่เนินเขาหลังโรงเรียนมั๊ย? พวกเราสองคนต่างก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ควรจะต้องไปทำการรื้อฟื้นความทรงจำหน่อย หวังว่าแกคงจะไม่ปอดแหกจนไม่กล้าไปที่นั่นหรอกนะ ใช่มั๊ย?”

เย่โม่ไม่ตอบทันที แต่เขากลับหันไปกระซิบข้างหูหวู่ชวงแทน

“นายกลับไปก่อน ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ไม่ต้องเป็นห่วง…”

“อ่อ.. แล้วก็จำไว้ให้ดีว่า นับจากนี้ไป ไม่ว่าใครจะถามอะไร หรือแม้แต่ตำรวจ นายต้องบอกไปว่าไม่ได้พบฉันที่โรงเรียน แล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั๊ย?”

เดิมที หวู่ชวงคิดว่าเย่โม่จะหันมานัดแนะว่าจะให้ตนเองช่วยอะไร แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หวู่ชวงก็ถึงกับตาแดงก่ำพร้อมกับส่ายหน้าไปมาไม่หยุด

“เจ้าโง่! นายดูอะไรให้ดี!”

เวลานี้ เย่โม่ได้ยืนหันหลังให้กับจางเชา เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกกำไว้ พร้อมกับออกแรงบีบเบาๆต่อหน้าหวู่ชวง และแล้ว.. โทรศัพท์เครื่องนั้นก็ถึงกับแหลกคามือเย่โม่ทันที!

เย่โม่ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของหวู่ชวงอีก เขารีบผลักร่างของเจ้าอ้วนออกไปพร้อมกับสั่งว่า “รีบไปได้แล้ว! อย่าลืมที่ฉันสั่งไว้ล่ะ!”

หลังจากตั้งสติได้ หวู่ชวงก็วิ่งกลับไปที่ห้องเรียนทันที จากนั้น จึงได้เดินออกไปตามทางเดินกับเพื่อนอีกคนเหมือนปกติที่เคยทำ และแน่นอนว่า จางเชาไม่สนใจเด็กอ้วนไม่เอาไหนอย่างหวู่ชวงอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจที่จะตามไป

หลังจากที่หวู่ชวงเดินจากไปแล้ว เย่โม่ก็หันไปบอกจางเชาด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “จางเชา พวกเราไปเจอกันที่เนินเขาหลังโรงเรียนได้เลย! แล้วถ้าใครไม่มา ก็จะถือว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นลูกหมา!”

หลังจากที่เอ่ยท้าทางจางเชาออกไปแบบนั้น เย่โม่ก้มศรีษะลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินลงบันไดอาคารเรียนไปทันที

“ไปกันได้แล้วพวกเรา! ค่อยๆตามหลังฉันมาล่ะ ไม่ต้องรีบร้อน วันนี้ฉันจะทำให้ไอ้สารเลวนั่นต้องคุณเข่าเรียกฉันว่าพ่อให้ได้!”

จางเชาร้องบอกลูกน้องที่อยู่ข้างหลังด้วยสีหน้าแววตาดุดัน

เวลานี้ เย่โม่เดินนำหน้าไปก่อน โดยมีจางเชาเดินตามหลังมา และลูกน้องทั้งสองคนของจางเชาก็เดินตามหลังไปอีกที ทั้งสองฝ่ายเดินตามหลังกันไปโดยทิ้งระยะห่างราวหนึ่งร้อยเมตร และเวลานี้ ต่างฝ่ายต่างก็มุ่งหน้าไปยังประตูโรงเรียน

ปัจจุบันนี้ รูปร่างของเย่โม่ดูแข็งแกร่งกำยำจากเดิมไม่น้อย และด้วยผมที่ตัดสั้นเป็นระเบียบ กับเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งชุด ในขณะที่เดินออกไปก็ยังก้มหน้าไปด้วย ทำให้นักเรียนคนอื่นๆที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่สามารถจดจำเขาได้ หรือรู้สึกผิดสังเกตแม้แต่น้อย

ในไม่ช้า ทั้งสองฝ่ายก็เดินมาถึงเนินเขาเปลี่ยวไร้ผู้คนที่อยู่ด้านหลังโรงเรียน

หลังจากที่กวาดสายตามองไปรอบๆแล้ว ไม่พบเห็นผู้คนอยู่ในบริเวณนั้นเลย เย่โม่จึงได้หยุดนิ่ง และหันกลับมาเผชิญหน้ากับจางเชา ดวงตาที่จ้องจางเชานั้นแดงก่ำอย่างน่ากลัว

แต่เมื่อเห็นเย่โม่จ้องมองจางเชาลูกพี่ของตัวเองด้วยสายตาแบบนั้น ลูกน้องสองคนที่อยู่ข้างหลังก็เริ่มไม่พอใจ หนึ่งในนั้นเดินตรงเข้าไปหาเย่โม่พร้อมกับยกมือขึ้นผลักอกเขาทันที

“นี่แกแดกยาผิดรึไงวะ? อย่าบังอาจมาทำหน้า หรือมองลูกพี่แบบนี้นะโว้ย? จำไว้ว่า ต่อหน้าลูกพี่ของเรา แกต้องยืนก้มหน้าทำตัวสงบเสงี่ยมเท่านั้น…”

ลูกน้องของจางเชาพูดจบ ก็ทำท่ายกมือขึ้นจะตบหน้าเย่โม่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือ เย่โม่ก็ยกมือขึ้นตบหน้ามันแทนซะก่อน

“อ๊าก…”

“เมื่อเช้าแกคงแดกขี้แทนข้าวสินะ ปากถึงได้เหม็นเน่าขนาดนี้!” หลังจากฟาดฝ่ามือลงไปบนใบหน้าของลูกน้องจางเชาคนหนึ่งแล้ว เย่โม่ก็ร้องถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ฟิ้ว!

เพียงแค่ฝ่ามือเดียวของเย่โม่ ร่างใหญ่กำยำสูงกว่า 1.8 เมตรก็ถึงกับลอยละลิ่วออกไปกลางอากาศ ฟันของมันร่วงหมดปาก พร้อมกับเลือดสีแดงที่ไหลกลบปากเช่นกัน

และไม่รู้ว่าเพราะเด็กหนุ่มคนนี้ได้ทำความชั่วมามากเกินไปหรือยังไง? ร่างของมันที่ลอยละลิ่วออกไปกลางอากาศนั้น ดันร่วงหล่นลงกระแทกกับหินก้อนใหญ่เข้าพอดี หลังศรีษะของมันกระแทกกับขอบหินดังปัง! ทำให้เลือดสีแดงสดไหลออกมาไม่หยุด ร่างกายชักกระตุกอย่างรุนแรง ไม่รู้แน่ว่าเป็นหรือตาย?

“ไอ้เ_็ดแม่!”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ?”

ทันทีที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งจางเชาและลูกน้องอีกหนึ่งคนของเขา ก็ได้ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่า นี่น่ะเหรอคือเย่โม่ที่พวกเขาเคยข่มเหงรังแกได้ง่ายๆมาตลอด?

“มะ… มันฆ่าคน.. มันฆ่าคนตาย… ยะ.. เย่โม่ฆ่าเสียป๋อตาย! ฉันจะไปแจ้งตำรวจว่าแกฆ่าคนตาย!”

ลูกน้องอีกคนของจางเชาร้องออกมาด้วยความตกใจ มันไม่สนใจจางเชาอีกเลย หลังจากที่ตั้งสติได้ ก็หันหลังกลับเตรียมวิ่งลงเขาไปแจ้งตำรวจทันที

แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว มีหรือที่เย่โม่จะยอมปล่อยมันไปง่ายๆ?

ลูกน้องของจางเชาสองคนนี้ ล้วนเป็นกองหน้าคอยช่วยจางเชาข่มเหงรังแกเขามาโดยตลอด หากจางเชามีโทษสมควรตายหมื่นครั้งจึงจะสาสมกับความแค้นภายในใจของเขา ไอ้สองคนนี้ก็ต้องมีโทษสมควรตายไม่ต่ำกว่าพันครั้งเช่นกัน!

เย่โม่เคลื่อนไหวในทันที!

ร่างของเย่โม่เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วประหนึ่งม้าฝีเท้าดี เพียงแค่หนึ่งวินาทีเขาก็สามารถไล่ตามลูกน้องของจางเชาได้ทัน พร้อมกับชกกำปั้นเข้าใส่หลังศรีษะของมันอย่างแรง!

ปัง!

ทันทีที่กำปั้นของเย่โม่กระแทกเข้ากับศรีษะของอีกฝ่าย เสียงกะโหลกศรีษะแตกก็ดังตามมาทันที ร่างกำยำสูงใหญ่กระอักเลือดออกมาคำโต ก่อนจะร่วงลงไปกองแน่นิ่งกับพื้นในทันที!

“กะ.. แก.. แกมันไม่ใช่คน.. ไป.. ไปให้พ้น! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”

หลังจากที่เห็นเย่โม่หันหลังกลับมา และค่อยๆย่ำเท้าตรงมาหาตนเอง แม้ว่าตอนนี้จะยังอยู่ในช่วงหน้าร้อน แต่ร่างทั้งร่างของจางเชากลับสั่นสะท้าน ฟันในปากกระทบกันเสียงดังกึกๆ ราวกับว่ากำลังรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก

“ว่ายังไงลูกพี่เชา? นี่ถึงกับฉี่ราดเลยเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่โม่ ค่อยๆฉีกกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจางเชา มันก็ถึงกับฉี่ราดกางเกงเพราะความหวาดกลัว

“พะ.. พี่เย่.. ไม่สิ! พ่อเย่.. ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ! ยะ.. อย่าฆ่าฉันเลย! บ้านฉันรวย บ้านฉันมีเงิน นายอยากได้เท่าไหร่บอกฉันมาได้เลย? ฉันจะบอกพ่อให้เอามาให้นาย ขออย่างเดียว อย่าฆ่าฉันเลยนะพ่อเย่นะ!”

เมื่อจางเชาเห็นเย่โม่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า มันก็รีบหันหลังเตรียมจะวิ่งหนี แต่เป็นเพราะเกิดความหวาดกลัวสุดขีด ขาเจ้ากรรมก็เลยไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ร่างของมันก็เลยสะดุดล้มลงไปกองกับพื้นทันที

“ฉันไม่อยากได้เงิน!”

“เอ่อ.. ถ้าอย่างนั้นนายอยากได้อะไร บะ..บอกฉันมา หรือว่าอยากได้จิงจิง? บอกฉันมาเลย ฉันยินดีที่จะหามาให้พ่อทุกอย่าง ขอแค่นายยอมปล่อยฉันไป ฉันจะโทรเรียกจิงจิงให้มาหานายคืนนี้เลย!”

“จางเชา.. จางเชา! แกนี่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยสินะ? หรือแกเข้าใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่? แกลองคิดดูสิว่า ถ้าแกเป็นฉัน แกอยากจะได้อะไร?”

“เอ่อ.. พ่อเย่.. ปู่เย่.. ได้โปรดเถอะนะ! ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรดไว้ชีวิตฉันเถอะนะ!”

ตอนนี้ จางเชารู้แล้วว่า สิ่งที่เย่โม่ต้องการคือชีวิตของตนเอง และตอนนี้เขาก็กลัวจนฉี่ราดกางเกงไม่หยุด!

“แกเคยข่มขู่ฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอว่า จะให้ฉันกินเยี่ยวของแก? วันนี้ปู่เย่ของแกอารมณ์ดีมาก ก็เลยอยากให้แกได้ลองลิ้มรสน้ำทิพย์ของฉันบ้าง ฮ่าๆๆๆ”

“ขอแค่ปู่เย่ยอมไว้ชีวิตผม ผมยินดีที่จะดื่มน้ำทิพย์ของปู่เย่ด้วยความเต็มใจเลยครับ…” จางเชาร้องบอกทันที

เย่โม่รูดซิปลงพร้อมกับยืนปลดปล่อยน้ำทิพย์ในร่างออกมา

“รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”

“อร่อยครับ อร่อยมาก!”

“อิ่มรึยัง?”

“อิ่มแล้วครับ อิ่มแล้ว!”

“เอาล่ะ ถ้าอิ่มแล้วก็ไปได้แล้ว!”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเย่โม่ ดวงตาของจางเชาก็เบิกโพลง แต่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า มันกำลังรู้สึกเสียใจ หรือตกใจกันแน่?

นั่นเพราะในเสี้ยวอึดใจต่อมา ฝ่าเท้าของเย่โม่ก็ได้ประทับอยู่กลางหน้าอกของจางเชาแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด