WS บทที่ 250 ความโกลาหล PART 1
ในฝูงชนไชรีน, ฮายาและคนอื่นๆ ไม่สามารถละสายตาจากหนังสือแห่งนิดันดร์ที่แสดงคาถาทุกประเภทกลางอากาศ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่งยวด
"มันคือหนังสือแห่งนิดันดร์จริง ๆ บางคาถาเหล่านี้ไม่มีแม้แต่ในตระกูลด้วยซ้ำ"
"หนังสือแห่งนิดันดร์นั้นน่ามหัศจรรย์จริง ๆ ที่สามารถบันทึกคาถาได้มากมาย หากตระกูลนักเวทย์ได้ครอบครองมัน มันจะทำให้ตระกูลพัฒนาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อและในที่สุดก็มีสถานะใกล้เคียงกับองค์กรนักเวทย์”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้น องค์กรนักเวทย์มีการสืบทอดองค์ความรู้อย่างต่อเนื่องสะสมมานานกว่าพันปี คาถาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีอักษรรูน, การเล่นแร่แปรธาตุ, การปรุงยาและอื่น ๆ หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีตระกูลไหนเทียบกับองค์กรนักเวทย์ได้”
ไชรีนจ้องไปที่หนังสือแห่งนิดันดร์อย่างต่อเนื่องซึ่งกำลังแสดงคาถากลางอากาศและส่ายหัวเล็กน้อย เธอมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการทำงานภายในขององค์กรนักเวทย์ ไม่มีใครสามารถเป็นองค์กรได้โดยอาศัยแห่งหนังสือแห่งนิดันดร์หรือบุคคลที่มีอำนาจเพียงอย่างเดียว
ตัวอย่างเช่น อาคารสเตอร์ลิ่งที่มีอำนาจมากในตอนนี้แต่มันขึ้นอยู่กับพ่อมดสเตอร์ลิ่งทั้งหมด เมื่อเขาเสียชีวิต สถานะของอาคารสเตอร์ลิ่งจะพังทลายทันทีเพราะอาคารสเตอร์ลิ่งไม่ได้รวบรวมมรดกที่ครอบคลุมและหลากหลายเหมือนที่องค์กรนักเวทย์ทำ
นับตั้งแต่ยุคสมัยของจักรวรรดิมอลต้า มรดกของนักเวทย์บางส่วนใหญ่ได้สูญหายไป จึงทำให้ศักยภาพของนักเวทย์ปัจจุบันตกชั้นไปจากยุคของจักรวรรดิมอลต้าไปมากแล้วเพราะนั่นเป็นยุคทองของนักเวทย์!
ไชรีนชำเลืองมองเอ็มมาที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอและพบว่าเอ็มม่าเริ่มบันทึกคาถาของหนังสือแห่งนิดันดร์แล้วแต่ดูเหมือนเธอจะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งอื่นอยู่ด้วย ขณะที่ดวงตาของเธอค้นหาบางสิ่งในฝูงชนอยู่ตลอดเวลา
ไชรีนส่ายหัวเล็กน้อย เธอรู้ว่าเอ็มม่ากำลังมองหาอาจารย์คนนั้นจากดินแดนมนต์ดำ อย่างไรก็ตาม ความหวังมันค่อนข้างริบหรี่ อาจารย์ของเธออาจจะสนใจเธอแค่ชั่ววูบ ไม่รู้ว่าอาจารย์จะจริงจังกับเธอมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม จากการแสดงออกอย่างดื้อรั้นบนใบหน้าของเอ็มม่า ไชรีนรู้ว่าเอ็มม่าจะไม่ยอมแพ้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
หลังจากนั้น ไชรีน, ฮายาและคนอื่นๆ ก็ได้บันทึกคาถาจากหนังสือแห่งนิดันดร์อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทมนตร์ที่เหมาะกับพวกเขาซึ่งพวกเขาได้บันทึกพวกมันอย่างจริงจัง
…
ในระหว่างการจัดแสดงหนังสือแห่งนิดันดร์ ฝูงชนเงียบลงจนได้ยินเสียงเข็มตกพื้น นักเวทย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถละสายตาจากคาถาที่แสดงโดยหนังสือแห่งนิดันดร์ได้
แต่ก็มีนักเวทย์จำนวนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจหนังสือแห่งนิดันดร์แต่เพ่งมองไปที่ตระกูลชาเดอสัน
"ตอนนี้หนังสือแห่งนิดันดร์ได้ถูกเปิดเผยแล้วลงมือได้!"
ในฝูงชน แสงเย็นวาบในดวงตาของพ่อมดไรมุนโด เขาโบกมือเบา ๆ
*หวู่ม*
ทันใดนั้น ลมกระโชกแรงจากความผันผวนของพลังธาตุลมที่ก่อตัวเป็นพายุได้พัดเข้าหาพ่อมดไรนด์
ทำให้ฝูงชนตกอยู่ในความโกลาหลทันทีแต่สำหรับตระกูลชาเดอสัน พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์นี้ไว้แล้ว นักเวทย์หลายคนก้าวไปข้างหน้า ร่างกายของพวกเขาเปล่งประกายด้วยคลื่นพลังของ ธาตุดินในขณะที่พวกเขาร่ายคาถาป้องกันธาตุดิน
นักเวทย์หลายสิบคนใช้เวทมนตร์ธาตุดิน ท้องฟ้าเกือบทั้งหมดกลายเป็นสีเหลืองหม่น
“หืม? ตระกูลดอเร็ตเคลื่อนไหวแล้วเหรอ!?”
เมื่อพวกเขาเห็นที่ถูกร่ายออกมา ฝูงชนก็เริ่มแตกตื่นทันที ทางด้านพ่อมดไรนด์ก็สังเกตเห็นพ่อมดไรมุนโดที่เป็นหัวฟน้าตระกูลดอเร็ต ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน
ดังนั้น พ่อมดไรนด์จึงเตรียมที่จะเก็บหนังสือแห่งนิดันดร์ด้วยการโบกมือ เขาพร้อมแล้วสำหรับการโจมตีของตระกูลดอเร็ตดังนั้นเขาจึงไม่ตื่นตระหนก พ่อมดแห่งตระกูลชาเดอสันจำนวนมากก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ฮึ ๆ ต่อให้โจมตีในเวลานี้ มันก็สายเกินไปแล้ว!”
พ่อมดไรนด์หัวเราะอย่างเย็นชา เขาเห็นว่ากลุ่มพ่อมดพเนจรไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย สิ่งนี้บ่งชี้ว่าการเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ได้ผลลัพธ์ตาที่เขาต้องการ เนื่องจากพวกเขาได้รับคาถาแล้ว มีพ่อมดพเนจรจำนวนไม่มากที่ยินดีเสี่ยงเข้าร่วมกับตระกูลดอเร็ตในการโจมตีตระกูลชาเดอสัน
ถ้ามีเพียงตระกูลดอเร็ตเท่านั้นที่โจมตี พ่อมดไรนด์ก็ไม่กังวลเลย
“พ่อมดมิเวดอร์ พ่อมดโอซาลี โจมตีเดี๋ยวนี้ ทำลายล้างศัตรูที่เข้ามาทุกคนและอย่าให้ใครรอดแม้แต่คนเดียว!”
ดวงตาของพ่อมดไรนด์มีแสงจ้าแวบวาบและเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏทั่วร่างกายของเขา ทันทีที่เขาออกคำสั่ง นักเวทย์สองคนก็ส่งเสียงคำรามออกมาและเหล่านักเวทย์ก็พุ่งออกมาจากคฤหาสน์ชาเดอสัน เวทมนตร์จำนวนมากพุ่งตรงไปที่นักเวทย์จากตระกูลดอเร็ตซึ่งอยู่ในฝูงชน
คาถามากมายเต็มท้องฟ้าทำให้เกิดเสียงกัมปนาทดังอย่างต่อเนื่อง เกิดความโกลาหลขึ้นนอกคฤหาสน์ชาเดอสัน
เพื่อไม่ให้เข้าโดนลูกหลง พวกพ่อมดพเนจรจำนวนมากจึงได้ล่าถอยออกไป
“ทิ้งหนังสือแห่งนิดันดร์ซะ!”
ขณะที่ไรนด์กำลังจะเก็บหนังสือแห่งนิดันดร์ จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น หลังจากนั้น ฝ่ามือขนาดยักษ์ที่เกิดจากพลังธาตุลมได้ตกลงมาจากท้องฟ้าและไรนด์ถูกแรงกดดัน ทำให้เขาต้องถอยไปด้านหลังทันที
“นักเวทย์ระดับสี่!” ไรนด์กล่าวเสียงแหบ
*ปัง!!*
ฝ่ามือยักษ์ที่เกิดจากพลังธาตุลมพุ่งเข้าหาหนังสือแห่งนิดันดร์ อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตา ลูกบอลเพลิงอันรุนแรงได้จุดประกายจากภายในคฤหาสน์ชาเดอสัน เปลวเพลิงอันร้อนแรงราวกับว่าท้องฟ้าได้ลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที
เปลวไฟโหมกระหน่ำเข้าใกล้พ่อมดไรนด์ ในชั่วพริบตา เปลวไฟสีแดงเข้มขึ้นและขยายตัวอย่างรวดเร็ว พลังอันยิ่งใหญ่ของมันเพิ่มขึ้นและชนกับฝ่ามือธาตุลมยักษ์อย่างดุเดือด
สิ่งเหล่านี้เป็นคาถาระดับสี่ทั้งคู่และพวกเขาปะทะกันอย่างยิ่งใหญ่ การระเบิดอย่างดุเดือดของธาตุไฟและธาตุลมกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทางและในไม่ช้าสภาพลานหน้าคฤหาสน์ชาเดอสันก็เละเทะอย่างเห็นได้ชัด
พ่อมดพเนจรสองสามคนที่โชคไม่ดีที่หนีออกมาไม่ทัน พวกเขาถูกไฟและลมกลืนเข้าไป ร่างกายของพวกเขาถูกไฟแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
นี่คือพลังของคาถาระดับสี่ซึ่งเกินขีดจำกัดของคาถาระดับสามมาก มันเป็นการก้าวกระโดดที่สมบูรณ์ของขุมพลัง
“หึหึ ไอ้เฒ่า แกซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ชาเดอสันมาหลายปีแล้ว คิดไว้แล้วเชียวว่าแกยังไม่ตาย!”
ในกองไฟและพายุที่โหมกระหน่ำ ชายชราร่างผอมเดินออกมาช้า ๆ พลางหรี่ตาไปที่ร่างในคฤหาสน์ชาเดอสัน
“อูบิก ถ้าแกยังไม่ตายแล้วฉันจะตายได้ยังไง”
จากภายในคฤหาสน์ชาเดอสัน นักเวทย์ชราเดินออกมาอย่างช้า ๆ นี่คือบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชาเดอสัน พ่อมดกิลล์ เขาเป็นนักเวทย์ระดับสี่
เมื่อพ่อมดกิลล์ ปรากฏตัว สีหน้าของคนในตระกูลชาเดอสันก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พ่อมดกิลล์นั้น เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในอดีตเขาสามารถเผชิญหน้ากับนักเวทย์ระดับสี่สองคนอย่างสูสีซึ่งเป็นการกระทำที่สร้างชื่อเสียงของเขาในเมืองโทลลเล่
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปรากฏตัวมาเป็นเวลานานแล้วแต่เขาก็ยังได้รับการยกย่องจากคนอื่น ๆ และแม้แต่พ่อมดอูบิกก็แสดงท่าทางวิตกกังวล
“กิลล์ส่งหนังสือหนังสือแห่งนิดันดร์มาให้ฉัน มันไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลชาเดอสันสามารถครอบครองได้” พ่อมดอูบิกพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา ดวงตาเป็นประกายของเขาจับจ้องไปที่หนังสือแห่งนิดันดร์ซึ่งขณะนี้อยู่ในมือของพ่อมดกิลล์
พ่อมดกิลล์มองดูหนังสือหนังสือแห่งนิดันดร์ในมืออย่างซับซ้อน และสีหน้าของเขาก็มือลง เขาพูดอย่างเย็นชาว่า
"อูบิก คาถาของหนังสือแห่งนิดันดร์ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะนักเวทย์ระดับสี่ แกต้องการอะไรจากเล่มแรก แกน่าจะรับสินบนโดยตระกูลดอเร็ตจึงทำให้แกริอาจมายุ่งกับตระกูลของฉัน ฉันอยากจะดูว่าจริง ๆ ตัวแกพัฒนาไปมากแค่ไหนในไม่กี่ปีมานี้" พ่อมดกิลล์ไม่กลัวพ่อมดอูบิก เขากล่าวและจ้องมองอูบิกอย่างดุดัน
"ฮ่าฮ่า กิลล์ แกหยุดหลอกลวงได้แล้ว เล่มแรกของหนังสือแห่งนิดันดร์มีข้อมูลเกี่ยวกับเล่มที่สองหรือแม้กระทั่งเล่มที่สาม แกคิดว่าหนังสือเล่มบันทึกไว้แค่คาถาไว้เท่านั้นรึไง?"
อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นและมีนักเวทย์อีกคนก็ปรากฏตัวจากฝูงชน เขาสวมเสื้อคลุมสีเงินจาง ๆ
พ่อมดกิลล์ดูไม่แปลกใจเลยที่เห็นนักเวทย์เสื้อคลุมเงิน ในทางกลับกัน สายตาของเขาแหลมขึ้นทันทีและเขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“ซาบิส ในที่สุดแกก็ปรากฏตัวแต่มาแค่สองคนมันคณนามือฉันหรอก!”
ใบหน้าของพ่อมดกิลล์เผยสีหน้าหยิ่งผยองออกมา เขาพร้อมที่จะรับมือพ่อมดซาบิสมานานแล้วเพราะซาบิสเป็นนักเวทย์ระดับสี่ คนเดียวในตระกูลดอเร็ตและจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ต่อให้เขาจะถูกนักเวทย์สองคนโจมตีพร้อมกัน เขาก็ไม่กังวล สิ่งที่เขากังวลจริง ๆ คือสิ่งที่พ่อมดซาบิสพูดว่าหนังสือเล่มแรกของหนังสือแห่งนิดันดร์มีเบาะแสของหนังสือเล่มที่สองและสาม
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม เมื่อได้รับการประกาศอย่างเปิดเผยโดยตระกูลดอเร็ตไปแล้ว อูบิกจะไม่ใช่พ่อมดระดับสี่เพียงคนเดียวที่จะปรากฏตัวในวันนี้อย่างแน่นอน นักเวทย์ระดับสี่ที่มายังเมืองโทลเล่เมื่อสองสามวันก่อนยังไม่แสดงตัว พวกเขากำลังเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นทุกขณะและจะเลือกเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตี
นี่คือสิ่งที่พ่อมดกิลล์กังวลอย่างแท้จริง เขาไม่คิดว่าแผนของตระกูลชาเดอสันจะถูกทำลายด้วยการประกาศเพียงครั้งเดียวของตระกูลดอเร็ต
ตอนนี้ตระกูลชาเดอสันตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง!