ตอนที่แล้วWS บทที่ 248 ก่อนเข้าสู่ความโกลาหล PART 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 250 ความโกลาหล PART 1

WS บทที่ 249 การเปิดเผย


ประติมากรรมนูนอันลึกลับของเมอร์ลินได้สืบทอดต่อจากรุ่นสู่รุ่นจากจักรวรรดิมอลต้า ที่มาของมันเขาไม่ทราบอย่างแน่นอนแต่เขารู้ว่ามันมีหน้าที่ในการปรับปรุงร่างกาย

เมื่อร่างกายถึงจุดหนึ่ง การปรับปรุงเพิ่มเติมจะกลายเป็นเรื่องยากมาก ร่างกายของเมอร์ลินไม่ได้รับการปรับปรุงมาเป็นเวลานานแล้ว ทั้ง ๆ ที่ฝึกกระบวนท่าลึกลับเป็นประจำ

ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เมอร์ลินจะไม่ละทิ้งการฝึกฝนของเขา ดังนั้นเขาจึงเริ่มฝึกตามกระบวนท่าของประติมากรรมนูนอันที่สี่

เมอร์ลินจดจำกระบวนท่าในประติมากรรมนูนอันที่สี่ไว้ขึ้นใจ ดังนั้นเขาจึงสามารถทำตามท่าทางอันซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย

โดยปกติ เมอร์ลินจะฝึกกระบวนท่าเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าจะมีพลังงานไม่สิ้นสุดที่ไหลออกมาจากร่างกายของเขาตลอดเวลาในวันนี้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงฝึกท่าครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นทุกครั้ง เขารู้สึกว่าพลังงานของเขายังไม่หมดแต่พลังของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นในแต่ละครั้ง ทำให้เกิดการกระตุ้นภายในตัวเขา

เมอร์ลินไม่ได้สวมเสื้อชั้นในในขณะนั้น เส้นเลือดแดงเริ่มยื่นออกมาบนผิวสีขาวของเขา เผยให้เห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนัง มันช่างน่ากลัวและขนลุก

ยิ่งไปกว่านั้น สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเลือดไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของเขา จากนั้นก็มีเสียงแปลก ๆ ที่มาพร้อมกับการเคลื่อนไหวดังขึ้นมา

*บูม*

เมอร์ลินรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาระเบิดออก ความสูงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แม้ว่าเขาจะห่างไกลจากเลห์แมน วิลสันที่ดูเหมือนยักษ์แต่เขาในตอนนี้สูงกว่าเมื่อก่อนมาก

ไม่เพียงแต่ส่วนสูงของเขาจะสูงขึ้นเท่านั้นแต่กระดูกของเขาหนาขึ้น  กล้ามเนื้อและเลือดของเขาเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้นกว่าเดิม

"นี่สินะที่ขาเรียกว่า ความแข็งแกร่ง!"

เมอร์ลินจับมือกันเบา ๆ เขารู้สึกว่าเขาสามารถทำลายเกราะหนักของนักดาบธาตุได้อย่างง่ายดายด้วยพละกำลังของเขา

*หวู่ม*

เมอร์ลินหมุนแขนไปรอบ ๆ ทันทีที่แขนของเขาโบกไปมาในอากาศและปล่อยเสียงที่คมชัด

สิ่งนี้ทำขึ้นจากพละกำลังของร่างกายของเขาเท่านั้น ความสามารถในการทำให้เกิดเสียงดังกล่าวในอากาศได้พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าเขาแข็งแกร่งกว่านักดาบธาตุระดับสี่มาก

เมอร์ลินใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนกระบวนท่าลึกลับ แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีผลในตอนแรกแต่เมอร์ลินก็ยังคงฝึกฝนต่อไป

ในตอนนี้ร่างกายของเมอร์ลินได้พัฒนาขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งกว่านักดาบธาตุระดับสี่มาก แม้แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน

"มาดูกันว่าความสามารถในการป้องกันและฟื้นฟูของฉันจะเป็นอย่างไร"

เมอร์ลินเอื้อมมือไปหยิบกริชอันแหลมคมจากแหวนของเขา เขาฟันกริชบนฝ่ามืออย่างแรง

*กึก!!*

กริชที่ปกติจะสร้างบาดแผลบนฝ่ามือของเขาแต่ทว่าในตอนนี้กลับมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นแทน เมอร์ลินตรวจสอบฝ่ามือของเขาอย่างใกล้ชิด บนฝ่ามือของเขามีเพียงรอยถากของกริชเท่านั้น

เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นสิ่งนี้เนื่องจากกริชนั้นคมมาก อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ตัดผ่านผิวหนังของเขาได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เมอร์ลินก็เพิ่มกำลังลงไปอีก

ในที่สุด รอยแดงก็ปรากฏขึ้นบนผิวหนังของเขาและเลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผล เมอร์ลินรีบเก็บกริชของเขาไว้อย่างรวดเร็วและสังเกตร่องรอยบนฝ่ามือเพียงเพื่อจะพบว่าบาดแผลนั้นฟื้นตัวด้วยความเร็วที่เห็นด้วยตาเปล่า ผ่านไปครู่หนึ่งก็เหลือเพียงรอยแผลเป็นเล็กน้อยเท่านั้น

"ฟู่"

เมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้แต่เมอร์ลินถึงกับต้องถอนหายใจแรง เขาไม่คิดว่าร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากฝึกฝนกระบวนท่าของรูปปั้นลึกลับมาเป็นเวลานาน มันไม่เพียงแต่จะได้รับพละกำลังที่เหลือเชื่อเท่านั้นแต่ยังมีความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย นอกจากความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมแล้ว เมอร์ลินยังสามารถเอาชนะผู้ร่ายคาถาระดับหนึ่งทั่วไปได้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเวทย์ก็ตาม

“อาณาจักรมอลต้า…” เมอร์ลินพึมพำเบา ๆ

อาณาจักรมอลต้าดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับอยู่เสมอ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่ผู้อื่นจะเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดได้ ความหลากหลายของคาถา อุปกรณ์เวทมนต์ น้ำยา หรือแม้แต่พลังปีศาจแพนโดร่าที่สืบทอดมาจากจักรวรรดิมอลต้า พวกมันเหล่านี้เป็นที่หมายตาของนักเวทย์นับไม่ถ้วน พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อที่จะครอบครองมัน

แม้แต่ประติมากรรมนูนลึกลับก็มีผลอย่างไม่น่าเชื่อ จักรวรรดิมอลต้าเมื่อสามพันหกร้อยปีก่อนได้รับความสนใจจากเมอร์ลินอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะไม่ทราบการใช้งานที่แน่นอนของมัน แต่เมอร์ลินก็สัมผัสได้เล็กน้อยว่ากระบวนท่าลึกลับพวกนี้ไม่ได้ทำหน้าที่แค่ปรับปรุงร่างกายเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารูปสลักนูนนี้จะเป็นอย่างไร มันก็เป็นประโยชน์ต่อเมอร์ลิน ร่างกายของเขามีการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้และความสามารถโดยรวมของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเช่นกัน

หลังจากนั้น เมอร์ลินใช้เวลาที่เหลือทำความคุ้นเคยกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายในห้องของเขา

สองวันต่อมา เมืองโทลเล่ก็ดูคึกคักมากขึ้น วันนี้เป็นวันที่ตระกูลชาเดอสันวางแผนที่จะเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ต่อสาธารณชน พ่อมดพเนจรหลายคนมาถึงทางเข้าคฤหาสน์ชาเดอสัน

ด้านนอกคฤหาสน์ชาเดอสันเต็มไปด้วยผู้คน สถานที่นั้นแออัดมากจนผู้คนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย พลังจิตของนัก้เวทย์หลายคนกำลังกวาดเข้าไปในคฤหาสน์ชาดิสันอย่างโจ่งแจ้ง ขณะที่พวกเขาสังเกตการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งภายในคฤหาสน์

*เอี๊ยด!!!*

ในไม่ช้า ประตูก็ถูกผลักเปิดและพ่อมดไรนด์ก็ค่อยๆ เข้าใกล้ทางเข้าคฤหาสน์พร้อมกับนักเวทย์ระดับสามของตระกูลชาเดอสัน

นอกจากนี้ยังมี นักเวทย์ระดับหนึ่งและระดับสองจำนวนมากเริ่มปรากฏขึ้นจากภายในคฤหาสน์ พวกเขาล้อมยืนอยู่ด้านหลังพ่อมดไรนด์และเฝ้าดูแลบริเวณโดยรอบด้วยความระมัดระวัง

แม้ว่าพ่อมดพเนจรมาบางคนจะไม่พอใจแต่ชาเดอสันเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมาก ไม่มีใครกล้ายุ่งกับตระกูลชาเดอสัน ก่อนที่พวกเขาจะเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์

พ่อมดไรนด์กวาดตามองฝูงชนและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยท่ามกลางฝูงชน เขารู้ว่าคนเหล่านี้คือนักเวทย์จากตระกูลดอเร็ต พวกเขาซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนเพื่อรอโอกาสที่จะสร้างปัญหาให้กัตระกูลเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้ว่าเขาได้เตรียมทุกอย่างอย่างเหมาะสม พ่อมดไรนด์ก็สงบสติอารมณ์ต่อไป ต่อจากนั้น เขาสังเกตเห็นที่ขอบตาของเขา เขาเห็นนักเวทย์หนุ่มที่สวมเสื้อคลุมสีดำข้างเลอแรนก้ายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน

“เขาเลือกที่จะอยู่ต่อ แม้ว่าเขาจะไม่สัญญาว่าจะช่วยแต่ก็ดีที่เขาอยู่ที่นี่!”

พ่อมดไรนด์รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ เมอร์ลิน นักเวทย์ที่สังหารนักเวทย์อัจฉริยะของออสมูและได้รับการยกย่องอย่างสูงจากดินแดนมนต์ดำ แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่ช่วย แต่หากตระกูลชาเดอสันได้รับผลกระทบไปถึงเลอแรนก้าเมื่อไหร่เขาคงจะลงมือช่วยทันที

พ่อมดไรนด์จึงให้เมอร์ลินอยู่อย่างสงบในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เขาไม่ได้รบกวนเมอร์ลินเลยในช่วงที่ผ่านมา

"ทุกคน ตระกูลชาเดอสันได้รับหนังสือเล่มแรกของหนังสือแห่งนิดันดร์ด้วยความโชคดี นี่คือโชคของตระกูลชาเดอสันของฉันแต่เราไม่ต้องการเก็บสมบัติไว้กับตัวเอง นั่นคือเหตุผลที่เราเชิญนักเวทย์ทั้งหมดให้มาที่นี่และเป็นสักขีพยานในการเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ที่น่ามหัศจรรย์!"

พ่อมดไรนด์มองดูฝูงชนก่อนและประกาศเสียงดังต่อฝูงชน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พ่อมดพเนจรเหล่านี้ถือว่าโชคดีตั้งแต่เขาเสนอให้เปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์เพื่อให้สามารถเห็นโครงสร้างคาถาที่หลากหลายด้วยตาของพวกเขาเอง ก็เหมือนกับการได้รับคาถาระดับแรกถึงระดับสามจำนวนมากโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ

เมื่อสังเกตเห็นว่าฝูงชนเริ่มส่งเสียงดัง พ่อมดไรนด์พยักหน้าและนักเวทย์บางคนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เขาทันที

นักเวทย์เหล่านี้เป็นนักเวทย์ระดับสามของตระกูลชาเดอสัน พวกเขาถือเป็นกองกำลังหลักของตระกูล พวกเขาทำหน้าที่ปกป้องไรนด์ เป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขาคิดได้ สิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับหนังสือแห่งนิดันดร์มากเพียงใด

*พรึ่บ*

แสงสีขาวแวบวาบและหนังสือเล่มหนาปรากฏขึ้นในมือของพ่อมดไรนด์ หนังสือเล่มนี้ได้รับการดูแลอย่างประณีตและให้แสงสีขาวที่ดูน่าพิศวง

นี่คือหนังสือแห่งนิดันดร์ในตำนาน แม้ว่าจะเป็นเพียงเล่มแรกแต่หนังสือเล่มนี้ก็ได้รับความสนใจจากทุกคนทันทีที่ปรากฏ แม้แต่เมอร์ลินที่อยู่ในฝูงชนก็ยังถูกล่อลวงให้มองดูหนังสือแห่งนิดันดร์ในมือของพ่อมดไรนด์อย่างช่วยไม่ได้

“นี่คือหนังสือแห่งนิดันดร์?” เมอร์ลินพึมพำ เขาตรวจสอบหนังสือด้วยพลังจิตแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย

“พ่อมดไรนด์เปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์เร็วเข้า!”

“ใช่แล้ว รีบเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์เร็ว ให้เราดูว่าหนังสือในตำนานมีแบบไหนบันทึกไว้ในนั้น?”

นักเวทย์หลายคนตะโกนขณะที่มองดูหนังสือแห่งนิดันดร์ พวกเขากำลังขอให้พ่อมดไรนด์เปิดเผยหนังสือ

พ่อมดไรนด์สูดหายใจเข้าลึก ๆ การเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์เป็นการกระทำที่ฝืนใจเขามากแต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ตระกูลชาเดอสันเป็นเพียงตระกูลนักเวทย์ที่อ่อนแอ หากมีนักเวทย์ระดับเจ็ด ระดับแปดหรือระดับเก้าอยู่ในตระกูลแบบเดียวกับองค์กรนักเวทย์ล่ะก็ เขาก็คงไม่มีทางเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์อย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะไม่พอใจแต่ก็ต้องแสดงหนังสือแห่งนิดันดร์ ในตอนนี้

"การเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์เริ่มต้น ณ บัดนนี้!"

ทันใดนั้น พ่อมดไรนด์ก็เปิดหนังสือแห่งนิดันดร์เล่มหนาออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นแสงที่ล้อมรอบหนังสือและปล่อยอากาศบริสุทธิ์และลึกลับรอบ ๆ ตัวหนังสือ

*พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ*

เสาแห่งแสงถูกยิงจากหนังสือแห่งนิดันดร์แสงสีขาวเหล่านี้กลายเป็นโครงเวทมนต์อย่างรวดเร็วกลางอากาศ แต่ละโครงสร้างอยู่ในอากาศเป็นเวลาสองสามวินาที ต่อจากนั้น แสงสีขาวยังคงเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และเปลี่ยนเป็นโครงสร้างอันอื่น

“หืม? มีเพลิงพิโรธ, รูปปั้นผู้พิทักษ์และอื่น ๆ อีกด้วย”

เมอร์ลินจ้องไปที่โครงสร้างคาถาที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความประหลาดใจ มันมีคาถาทุกประเภทที่แสดงโดยแสงสีขาว เริ่มจากง่ายไปซับซ้อน เมอร์ลินประหลาดใจกับรายละเอียดของคาถาที่บันทึกไว้ในหนังสือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หนังสือเล่มนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า ‘นิรันดร์’

ในขั้นต้น เมอร์ลินไม่สนใจเวทมนตร์เหล่านี้ตั้งแต่ระดับหนึ่งไปจนถึงระดับสาม อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่ามีคาถาที่มีรายละเอียดมากมายในหนังสือ เขาจึงรู้สึกทึ่งในทันทีที่รู้ว่าเดอะเมทริกซ์ต้องการคาถาจำนวนมากเป็นฐานข้อมูล เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการรวมข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น เมอร์ลินสั่งให้เดอะเมทริกซ์เริ่มบันทึกคาถาแต่ละอันที่แสดงโดยหนังสือแห่งนิดันดร์

นอกจากเมอร์ลินแล้ว พวกพ่อมดพเนจรเกือบทั้งหมดได้บันทึกคาถาตามที่หนังสือแห่งนิดันดร์แสดงไว้ บางคนฉลาดกว่าไม่โลภมาก พวกเขาเพียงแค่บันทึกคาถาที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาเพื่อเตรียมการเพื่อยกระดับในอนาคต

เมื่อสังเกตเห็นว่านักเวทย์เกือบทั้งหมดกำลังจดจ่ออยู่กับการบันทึกคาถา พ่อมดไรนด์ก็เผยรอยยิ้มออกมา

“เราบรรลุเป้าหมายอย่างน้อยครึ่งหนึ่งแล้ว หลังจากที่พ่อมดพเนจรเหล่านี้ได้รับเวทมนตร์ พวกมันจะไม่สร้างปัญหาให้กับตระกูลชาเดอสันอีกต่อไปแต่เรายังต้องระวังตระกูลดอเร็ตให้ดี ฉันมีลางสังหรณ์ว่าตระกูลดอเร็ตจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้”

พ่อมดไรนด์ยังคอยจับตาดูเหล่านักเวทย์จากตระกูลดอเร็ตอย่างใกล้ชิดโดยไม่คิดจะลดการป้องกันแม้แต่นิดเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด