WS บทที่ 247 ก่อนเข้าสู่ความโกลาหล PART 1
ในห้องที่กว้างขวาง เสียงกระเส่าอันเร่าร้อนที่ค่อย ๆ ทวีร้อนแรงมากขึ้น เมื่อถึงจุดสูงยอดเสียงคางออกมาอย่างปี่ยมสุข
ในที่สุดเสียงก็ค่อย ๆ สงบลง เมอร์ลินลูบไล้แผ่นหลังของเลอแรนก้าอย่างนุ่มนวล ขณะที่เขามองดูเธอที่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนราวกับลูกแมว เมอร์ลินพูดอย่างสงบ
"เลอแรนก้าตามฉันมาที่ดินแดนมนต์ดำ คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในตระกูลและใช้วันเวลาอย่างรู้สึกหมดหนทางและโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว"
เมอร์ลินสามารถคาดเดาสภาพความเป็นอยู่ของเลอแรนก้าได้จากสภาพห้องของเธอและทัศนคติของผู้คนรอบข้าง เธอไม่มีชีวิตที่ราบรื่นในตระกูล เช่นเดียวกับที่เธอพูดก่อนหน้านี้ การถูกขับออกจากดินแดนมนต์ดำถือว่าเธอเป็นคนที่ไม่มีศักยภาพและทางตระกูลจะไม่จัดหาทรัพยากรให้เธออีกต่อไป ชีวิตของเธอจะเปรียบได้กับชีวิตของพ่อมดพเนจร
เลอแรนก้าพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและพูดเบา ๆ “แน่นอนแต่ฉันยังต้องอธิบายให้ท่านพ่อฟัง ก่อนจะกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำ ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลชาเดอสัน”
เมอร์ลินพยักหน้า จากนั้นเขาก็นึกถึงการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดในตระกูลชาเดอสันและมีนักเวทย์หลายคนซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ คฤหาสน์และบรรยากาศข้างก็รู้สึกอึดอัดมาก
"เลอแรนก้า มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีนักเวทย์จำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในตระกูลชาเดอสัน" เมอร์ลินถามเธอด้วยความสงสัย
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของเลอแรนก้าก็แข็งทื่อเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จากนั้นเธอก็เข้ามาอ้อมอกของเมอร์ลิน ขณะที่เธออธิบายให้เขาฟัง “เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในเมืองโทลเล่อีกต่อไป เมื่อเดือนที่แล้ว ตระกูลของเราพบสมบัติโดยบังเอิญ”
"สมบัติ?"
“ใช่แล้ว สมบัตินี้ มันเป็นตำนานที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคของจักรวรรดิมอลต้า หนังสือแห่งนิดันดร์เล่มแรก!”
หลังจากที่เลารินก้าพูดออกไป เมอร์ลินก็นึกถึงข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับหนังสือแห่งนิดันดร์ทันที เขาไม่ใช่มือใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ดินแดนมนต์ดำอีกต่อไป เขาพอจะได้ยินชื่อของหนังสือแห่งนิดันดร์มาบ้าง
ตำนานของหนังสือแห่งนิดันดร์ได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยของจักรวรรดิมอลต้า นักเวทย์ทุกคนต้องรู้จักมันแต่การปรากฏตัวของมันในชีวิตจริงทำให้หลายคนตกตะลึงอย่างแท้จริง
“มันเป็นเพียงเล่มแรกของหนังสือแห่งนิดันดร์ที่บันทึกคาถาระดับหนึ่งถึงระดับสาม คงมีนักเวทย์จากองค์กรไม่มากที่จะสนใจเรื่องนี้”
เมอร์ลินรู้ว่าหนังสือแห่งนิดันดร์เล่มแรกมีเพียงคาถาระดับหนึ่งถึงระดับสามเท่านั้น มันไม่น่าสนใจเขาเลย เขารู้สึกว่ามันธรรมดาไปหน่อยกับของที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติในตำนาน
องค์กรนักเวทย์มีคาถาทุกประเภท การเล่นแร่แปรธาตุและอักษรรูน แค่มีเพนวคาถาระดับหนึ่งถึงสาม มันจึงไม่น่ามีค่ามากขนาดนั้น
เลอแรนก้าส่ายหัวเล็กน้อย “พวกองค์กรนักเวทย์ พวกเขาจะภาคภูมิใจกับขุมพลังของเขาดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจเล่มแรกของหนังสือแห่งนิดันดร์แต่เล่มที่สองอาจทำให้พวกเขาสนใจแต่นั่นไม่ได้หมายความว่านักเวทย์คนอื่นๆ จะไม่สนใจ เช่นเดียวกัน ในเมืองโทลเล่ ตระกูลดอเร็ต พวกเขาต้องการหนังสือแห่งนิดันดร์มาเป็นเวลานานแล้ว
ยังมีพ่อมดพเนจรคนอื่น ๆ ก็ต้องการมันอยู่เหมือนกัน พวกเขาสนใจคาถาที่บันทึกไว้ในเล่มแรก ทางตระกูลของเรารู้ถึงความเสี่ยงในเรื่องนี้ ถ้าพวกเขาไม่ตอบสนองต่อผู้คนในเร็วๆ นี้ บางทีทางตระกูลดอเร็ตอาจจะรวบรวมพ่อมดพเนจรและมาโจมตีตระกูลของเรา"
เมอร์ลินพยักหน้าอย่างรู้เท่าทัน ตระกูลชาเดอสันมีอิทธิพลน้อยเกินไป ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือนักเวทย์ระดับสี่ ความสามารถโดยรวมของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าตระกูลเดลแมนของเมืองโฟลตติ้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตระกูลชาเดอสันกำลังแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ในขณะนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คฤหาสน์จะได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวดในตอนนี้
เลอแรนก้าพูดต่อ "ทางตระกูลรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถรักษาเล่มแรกได้ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็ตามแต่พวกเขาไม่ต้องการยอมแพ้ต่อคำขู่ของพวกดอเร็ตดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะเปิดเผยเล่มแรกต่อสาธารณชนต่อเหล่านักเวทย์ทุกคนที่มาสู่เมืองโทลเล่ในอีกสองวันข้างหน้า!”
“เปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ต่อสาธารณะ?”
เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดอย่างรอบคอบ เขาก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพวกเขาและนี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้ ด้วยวิธีนี้ ตระกูลดอเร็ตจะไม่มีทางบังคับตระกูลชาเดอสันให้ส่งมอบหนังสือแห่งนิดันดร์ได้ นอกจากนี้ การเปิดเผยต่อสาธารณะจะเป็นการปิดผนึกแผนการของตระกูลดอเร็ตที่ต้องการจะชี้นำกลุ่มพ่อมดพเนจรมาโจมตีตระกูลชาเดอสัน
นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ข้อเสียของแผนนี้ก็คือเวทมนตร์ในหนังสือแห่งนิดันดร์จะไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของตระกูลชาเดอสันอีกต่อไป สิ่งนี้จะส่งผลต่อตระกูลชาเดอสันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกโค่นล้มตระกูล การสูญเสียดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว เมอร์ลินก็เข้าใจด้วยว่าทำไมเมืองโทลเล่จึงคึกคักไปด้วยผู้คน นักเวทย์หลายคนรีบเร่งมาที่เมืองโทลเล่ด้วยเหตุนี้ ระหว่างการเดินทางมาที่นี่ เขาได้พบกับพี่น้องนักเวทย์ที่ดูเหมือนจะรีบเร่งไปยังเมืองโทลเล่เพราะเรื่องบางอย่าง มันอาจจะเกี่ยวข้องกับหนังสือแห่งนิดันดร์
เมอร์ลินเพียงแค่อยากรู้เกี่ยวกับหนังสือแห่งนิดันดร์ สำหรับคาถาระดับหนึ่งถึงระดับสาม เมอร์ลินไม่ได้สนใจพวกมันเพราะเขามีแต้มสนับสนุนมากมายในดินแดนมนต์ดำ เขาสามารถแลกเปลี่ยนเวทมนตร์ได้ตั้งแต่ระดับหนึ่งไปจนถึงระดับที่หก ดังนั้นคาถาที่มีอยู่ในหนังสือแห่งนิดันดร์จึงไม่ดึงดูดเขาได้เลย
“เลอแรนก้า รีบบอกเรื่องของคุณกับทางตระกูลแล้ว หลังจากนั้นเราก็จะกลับไปดินแดนมนต์ดำทันที!”
เมอร์ลินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาไม่ต้องการอยู่ข้างนอกนานเกินไป เขาอยากจะกลับไปที่ดินแดนมนต์ดำโดยเร็วที่สุด ขณะที่เขาสะสมพลังจิตของเขาอย่างช้าๆ ในห้วงมิติ พลังจิตของเขาจะเพียงพอสำหรับเขาที่จะสร้างคาถาระดับสองเมื่อถึงเวลาที่เขากลับมายังดินแดนมนต์ดำ
เลอแรนก้าพยักหน้าแล้วแต่งตัวและออกจากห้องไป เมอร์ลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นมาแต่งตัวและเดินตามเลอแรนก้าไป
…
“หัวหน้าตระกูล นักเวทย์ที่ทรงพลังมากมายได้ปรากฏตัวในเมืองโทลเล่ในช่วงไม่กี่วันนี้ โดยเฉพาะพ่อมดพเนจรระดับสี่ พวกเขาเริ่มปรากฏตัวแล้ว”
“ใช่แล้ว มีนักเวทย์ระดับสามอยู่หลายคน ตอนนี้ก็มีนักเวทย์ระดับสี่ด้วย แม้ว่าจะเนพ่อมดพเนจรแต่สถานการณ์ก็น่ากลัวมากขึ้นแล้วในตอนนี้ พ่อมดพเนจรเหล่านี้สามารถกลายเป็นปัญหาในกับพวกเราได้
โดยเฉพาะตระกูลดอเร็ตดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังคงติดต่อกับนักเวทย์ระดับสามและสี่เหล่านี้ หัวหน้าตระกูลเมื่อเราเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ต่อสาธารณะ เราจะทำอย่างไรถ้าตระกูลดอเร็ตโจมตีพวกเรา?”
ในห้องเล็ก ๆ มีนักเวทย์ประมาณสิบคนถูกบีบเข้าไปในพื้นที่เล็ก ๆ พวกเขาเหล่านี้ทุกคนมีสีหน้าวิตกกังวลขณะรายงานข้อมูลที่รวบรวมมาได้
ไรนด์ดูสงบในขณะที่เขาฟังรายงานจากนักเวทย์ที่อยู่ในห้อง คนเหล่านี้เป็นกำลังหลักของตระกูลชาเดอสัน พวกเขาเป็นนักเวทย์ระดับสาม
ตระกูลชาเดอสันได้รับหนังสือเล่มแรกของหนังสือแห่งนิดันดร์ เมื่อไม่นานมานี้ นี่ควรจะเป็นโอกาสของตระกูลที่จะเจริญรุ่งเรืองแต่โอกาสกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่แทนหลังจากที่ข้อมูลรั่วไหลออกไป หากไม่มีการจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม ตระกูลชาเดอสันอาจหายไปจากเมืองโทลเล่ตลอดกาล
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พ่อมดไรนด์ที่เป็นในฐานะผู้นำของตระกูล เขาดูแก่ขึ้นมาก เขากำลังคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ด้วยสุดกำลังของเขาทุกวัน
ในที่สุด เขาก็เกิดความคิดที่จะเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ต่อสาธารณะ เพื่อที่เขาจะได้สามารถรื้อแผนการของตระกูลดอเร็ตที่จะรวบรวมพ่อมดพเนจรและโจมตีพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หนังสือหนังสือแห่งนิดันดร์จะถูกเปิดเผย อุบัติเหตุทุกประเภทอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ในช่วงวันสุดท้ายเหล่านี้ ทั้งตระกูลเต็มไปความวิตกกังวล พวกเขาไม่สามารถลดความระมัดระวังลงได้
หลังจากได้ยินรายงาน ไรนด์ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและประกาศอย่างใจเย็น “อย่ากังวลไปเลย พ่อมดพเนจรมาเหล่านี้อยู่ที่นี่เพราะชื่อเสียงของหนังสือแห่งนิดันดร์เท่านั้น ในอีกสองวัน พวกเขาจะหายไปเองตามธรรมชาติ หลังจากที่ฉันเปิดเผยคาถาที่มีอยู่ในหนังสือแห่งนิดันดร์
สำหรับตระกูลดอเร็ต อืม เราต่อสู้มาหลายปีในเมืองโทลเล่ หากพวกเขาโจมตีเราจริง ๆ พวกเราตระกูลชาเดอสันจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นกัน เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ในอีกสองวันระหว่างการเปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ เราจะไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันจะขอให้พ่อมดระดับสี่มาอยู่ช่วยเราด้วย!” พ่อมดไรนด์กล่าวเสียงต่ำซึ่งทำให้ผู้คนสงบลง นักเวทย์หลายคนที่กังวลในตอนแรกค่อย ๆ สงบลง
"เอาล่ะ ท่านหัวหน้าตระกูล ไรนด์เป็นผู้ที่ได้รับหนังสือแห่งนิดันดร์มา พวกเราในกลุ่มนี้อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อตระกูล จากนั้น คุณเป็นผู้แนะนำให้เปิดเผยหนังสือแห่งนิดันดร์ต่อสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ต่อจากนี้ เราจะฟังทุกสิ่งที่คุณพูดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด!"
นักเวทย์หลายคนดูเหมือนจะเชื่อใจพ่อมดไรนด์มากในขณะที่พวกเขาฟังสิ่งที่พ่อมดไรนด์บอก
พ่อมดไรนด์พยักหน้าและพอใจกับปฏิกิริยาของพวกเขา เขามีเกียรติศักดิ์สูงในตระกูลชาเดอสัน ผู้มีอำนาจเกือบเด็ดขาดในตระกูล เขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับคู่แข่งอย่างตระกูลดอเร็ต ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เนื่องจากความพยายามของไรนด์
“ดี พวกคุณควรดำเนินการเตรียมการ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบนักเวทย์หนุ่มก็เดินเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบ เขาพูดอย่างระมัดระวังกับไรนด์ว่า “ท่านหัวหน้าตระกูล ท่านหญิงเลอแรนก้ามาถึงที่นี่แล้ว เธอบอกว่าเธอมีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับท่านขอรับ”
“เลอแรนก้า?”
ไรนด์ขมวดคิ้วและนึกขึ้นได้ครู่หนึ่ง เขามีลูกหลายคน เพื่อขยายตระกูล ไรนด์จึงได้แต่งงานกับผู้หญิงหลายคนและมีลูกจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งหลายคนไม่ได้ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ เขาจึงจำชื่อพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
นี่เป็นเรื่องธรรมดามากในตระกูลนักเวทย์ เนื่องจากไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะมีคุณสมบัติเป็นนักเวทย์เพื่อสืบสานสายเลือดของเขา เขาต้องมีลูกมากพอ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดไรนด์ก็นึกถึงเลอแรนก้าที่ได้เมื่อก่อนเธอเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำ เธอเป็นหนึ่งในนักเวทย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตระกูล
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอถูกไล่ออกจากดินแดนมนต์ดำ ไรนด์ก็ไม่ได้ถือว่าเธอมีความสำคัญอีกต่อไป หลังจากนั้นไม่กี่ปี ไรนด์ก็จำไม่ได้ว่าเขามีลูกสาวแบบนี้อีกแล้ว
“เธอไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่ ต่อให้เธอมีเรื่องคอขาดบาดตาย ฉันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเลย!” ไรนด์กล่าวด้วยท่าทีที่เย็นชา
“ท่านหัวหน้าตระกูล ดูเหมือนจะมีนักเวทย์ที่ไม่คุ้นหน้าอยู่ข้างหลังท่านหญิงสาวเลอแรนก้า เขาสวมเสื้อคลุมที่มีไว้สำหรับสมาชิกทางการของดินแดนมนต์ดำ!”
นักเวทย์หนุ่มคนนี้เป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง เขาจึงมีความรู้มากพอที่จะรู้เรื่องเสื้อคลุมของดินแดนมนต์ดำดังนั้นเขาจึงกล้ารายงานเรื่องนี้ให้ไรนด์ทราบ
"สมาชิกทางการของดินแดนมนต์ดำ?"
ท่าทีของไรน์อ่อนลงเล็กน้อย หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เขาก็ตอบว่า “ตกลง ฉันจะพบพวกเขา พาตัวเลอแรนก้าเข้ามาด้วย”
พ่อมดไรน์พยักหน้า เขาไม่สนใจลอรินก้าที่ไม่มีศักยภาพอีกต่อไป แต่เขาต้องปฏิบัติต่อสมาชิกทางการของดินแดนมนต์ดำอย่างเหมาะสม