EP 660 ความโอหังของเกิงเซียง!
EP 660 ความโอหังของเกิงเซียง!
By loop
ช่วงสี่โมงเย็น
โรงพยาบาลแห่งแรกหนานฉาง.
หวางอันซีที่อยู่ในวอร์ดเขาเองรู้สึกโมโหเล็กน้อย เหงื่อของเขาก็เริ่มท่วมตัว มากขึ้นเรื่อยๆ
และผ้าห่มของเตียงก็เริ่มเปียก
เลขานุการเป่ยวางสายและเขาพยายามระงับความโกรธของเขา: “ท่านเลขา ดงซูบินไม่มา”
ใบหน้าของหวังอันซิเปลี่ยนไป “พูดว่าอะไรนะ”
เลขานุการเป่ยรู้สึกอึดอัด “เขาเองบอกว่าเขาจะไม่รักษาให้คุณและเขาก็วางสายลงไป”
ใบหน้าที่เย็นชาของหวังอันซิ เขาบีบท้องของเขา และเล็บของเขาก็เจาะเข้าไปในเนื้อ ในความเห็นของเขา ดงซูบินนี้ชั่งเป็นคนที่หยิ่งพยองจริงๆ
หวังหยูรินที่ด้านข้างดูอึดอัด เมื่อเธอเห็นลุงของเธอเจ็บปวด เธอก็แค่ถอนหายใจและยืนขึ้น “คุณลุงหนูของลองหน่อย”
หลังจากนั้นไม่กี่นาที.
ดงซูบินซึ่งขับรถไปที่ด้านล่างของอาคารหอพักของลวนเสี่ยวปง ก่อนที่จะได้รับโทรศัพท์จาก หวังหยูริน
“หยูหรินว่ายังไง” หวังหยูรินที่ปลายสายรู้สึกเขินอายมาก เธอไม่มีหน้าที่จะโทรหาเขาเช่นกัน แต่เธอก็พยายามจะสู้หน้าเขา ท้ายที่สุด หวังอันซิก็เป็นลุงของเธอ “คุณลุงของฉันป่วยหนัก ถ้าไม่ได้รับการรักษาอันตรายมาก อันที่จริงผ่าตัดได้แต่เขาเป็นเบาหวาน หมอบอกว่ามีความเสี่ยงที่จะผ่าตัดอยู่บ้าง ดังนั้นคุณพอจะช่วยคุณลุงของฉันได้ไหมฉันเองก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันรู้ ว่าคราวนี้ลุงของฉันกำลังทำเกินไป แต่คุณสามารถ……”
ระหว่างโทรศัพท์ ดงซูบินเองก็ไม่แปลกใจ แต่เขาส่ายหัว: "หยูหรินจริงๆแล้วฉันไว้หน้าคุณนะ แต่สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด บางคำฉันไม่ต้องการหลอกคุณ ฉันเองไม่ใช่หมอและไม่เคยเรียนหมอด้วยซ้ำแล้วฉันจะเอาอะไรไปรักษาคน ครั้งสุดท้ายที่คุณเห็นนั้นมันแค่เรื่องบังเอิญผสมกับความโชคดีด้วยฉันมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการนวดแบบนั้นช่วยลดอาการปวดของเลขาหวังได้ยังไง และลองคิดดูสิว่าคนที่เคยแทงข้างหลังฉัน ฉันสมควรช่วยเขาไหม อีกทั้งฉันก็ไม่มั่นใจว่าครั้งที่สองมันจะได้ผล"
หวังหยูรินเองถึงกับหัวหมุนเมื่อได้ยินเช่นนั้น: "เลขาซูบิน ได้โปรดเถอะ ลุงของฉันอาการหนักมากแล้ว"
ดงซูบินกล่าวด้วยรอยยิ้ม: "แสดงว่าฉันต้องช่วยคุณลุงของคุณสินะ?"
หวังหยูรินไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ด้วยว่าคราวนี้เลขาซูบินต้องการหักหน้าลุงของเธอ เพราะลุงของเธอไม่ชอบขี้หน้าเลขาซูบิน ถ้า ดงซูบินมาที่โรงพยาบาลจริงๆ เพื่อรักษาอาการป่วยของลุงของเธอ เธอไม่รู้เลย ในอนาคตลุงของเธอจะปฏิบัติต่อเลขาซูบินอย่างไร? และอาจเป็นไปได้ว่าลุงของเธอก็คงจะจัดการเลขาซูบินไปให้พ้นทางอย่างแน่นอน ทั้งที่หวังหยูรินคิดว่า หวังอันซิ เป็นคนดีมาตลอด แต่ในตอนนี้เธอเริ่มจะไม่เชื่อเช่นนั้นแล้ว?
ฉันเข้าใจดีว่าดงซูบินเคยโดนอะไรมา... "
และเข้าใจดีว่าก่อนหน้าที่ดงซูบินหวังดีกับลุงของฉันขนาดไหน ... "
แต่ถึงยังไงถ้าดงซูบินรักษาลุงของฉันให้หายขาย ลุงของฉันก็จะจัดการกับเขาอยู่ดี...”
แม้ว่า หวังหยูรินจะเป็นคนที่ไม่เคยอายกับการทำเรื่องต่างๆและแทบจะไม่สนใจใคร แต่ในครั้งนี้เธอก็อายเกินกว่าจะพูดอีกครั้ง เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจตัดสินได้ว่าใครเป็นคนผิด จะเป็นดงซูบินที่ขัดคำสั่งหรือลุงของเธอที่ล้ำเขตของดงซูบินเอง
หลังวางสาย ดงซูบินลงจากรถไปหาแม่ของเขาและเชิญหยางจ้าวเต๋อ ให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน
การยกเลิกโควตาโรงเรียนของพรรคของดงซูบินทำให้ หวังอันซิ ไม่พอใจขั้นหนึ่งแล้ว และถ้าเขายังไม่ไปรักษาหวังอันซิเองก็เหมือนกับการตัดขาดความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจนอีกทั้งมันเหมือนกับเขาทำบาปด้วยแต่ ดงซูบินไม่สนใจ เพราะเมื่อเขาตัดสินใจแล้วเขาจะแนวแน่ทำมันให้สำเร็จ ต่อให้หวังหยูรินจะมาอ้อนวอน หรือเป็นแม่ของเขามาอ้อนวอนเอง ดงซูบินก็จะไม่ไปดูอาการของหวังอันซิเป็นเด็ดขาด และจะไม่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเปลี่ยนใจเขาได้ ตอนนี้หัวใจของดงซูบินเปรียบเสมือนหินที่ยุบผ่องได้
ในเวลาเดียวกัน.
ห้องของเลขาธิการคณะกรรมการเขตฯ ตอนนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศทางอารมณ์ที่ยำแย่สุดๆ และทุกคนรู้ดีว่าในสายตาของหวังอันซิดงซูบินนั้นไม่ได้มีความสำคัญสำหรับเขาเลยแต่กลับมาตอนนี้ เขาเองต้องแบกหน้าไปขอให้ดงซูบินช่วยเหลือเขา
สำนักงานเขตกวางหมิง
ณ ห้องรองเลขาธิการ
เกิงเซียง และ หยูหลงเฟิงนั้นอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งขมวดคิ้ว คิดหนึ่ง
“ดงซูบินไม่ได้ถูกสั่งย้ายออกไปอย่างงั้นหรอ?” หยูหรงเฟิงถาม
เกิงเซียงส่ายหัวเล็กน้อย “เห็นว่าข่าวนี้เงียบไปแล้ว และดงซูบินคงจะไม่ได้ไปไหนแล้ว”
หยูหรงเฟิง ลังเล: "ถ้าความสัมพันธ์ของเขากับทางเมืองหลวงนั้นแข็งแรงขนาดนั้น เขาควรจะกระตือรือร้นในเขตอื่นในเวลานี้ ทำไมเขาถึงจะไม่ย้ายไปเลยล่ะ?"
ชายสองคนมองหน้ากันและได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับที่หวังอันซิคิด ภูมิหลังของดงซูบินอาจสามารถใช้ได้แค่โรงเรียนของพรรคเท่านั้น เขาอาจมีอำนาจไม่มากพอที่จะข้ามหน้าข้ามตาของคณะกรรมการมณฑล มันเป็นเรื่องที่น่าคิดว่าจริงๆแล้วภูมิหลังของดงซูบินนั้นมีอำนาจมากขนาดไหนกัน ยังอยู่ในข้อสงสัยของเขา”
“ดูเหมือนตอนนี้เลขาหวังจะอยู่ที่โรงพยาบาลสินะ” หยูหริงเฟิงกล่าว
เกิงเซียงพยักหน้า “ไม่รู้ว่าการผ่าตัดจะช่วยได้มากขนาดไหน”
"ดูเหมือนเดือนนี้จะเป็นเดือนที่แย่มากสำหรับเลขาหวัง ถ้ายังไงเราควรไปแวะเลขาหวังบ้าง..."
"……นั้นสิน”
เวลานี้มีความเกี่ยวข้องกับความสนิทสนมกับคณะกรรมการพรรค จำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคต หวังอันซิ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและตรวจดูอาการป่วยของเขา เขาไม่สามารถออกมาได้ภายในสามวันห้าวันและอายุของเขาก็ไม่น้อย สถานการณ์ในเขตหนานฉางจะต้องมีการเปลี่ยนไปอย่างแน่นอนในอนาคต การเข้าหาเกิงโยฮวา พี่สาวของเขาทีละน้อยเป็นสิ่งที่ดี คราวนี้โรงเรียนของพรรค แม้ว่า ดงซูบินจะขัดขวางแผนของเลขาหวัง และดูเหมือนว่าดงซูบินเองก็จะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ในระยะยาว หาก ดงซูบินไม่ย้าย ออกไปสถานการณ์ของเขาในหนานฉางจะรุนแรงมากในอนาคต และเขาจะต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากผู้นำในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะเหล่าผู้บริหารระดับสูงจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่ และคนที่ดูเหมือนจะเป็นแม่ทัพในครั้งนี้ก็คือห หวังอันซิ
เกิงเซียงก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ
หาก ดงซูบินต้องการอยู่รอดในตอนนี้ เขาต้องหาใครสักคนมาสนับสนุนเขาให้สามารถอยู่ที่นี้ต่อไปได้?
และชัดเจแล้วไม่น่าจะใช้ฝั่งของหวังอันซิอย่างแน่นอน ตัวเลือกเดียวของ ดงซูบินดูเหมือนจะเป็นเกิงโยฮวพี่สาวของเขานั้นเอง
เมื่อคิดเช่นนั้นก็ทำให้เกิงเซียงคิดต่างๆนาๆออกมา เขาอยากรู้ว่าดงซูบินจะทำอย่างที่เขาคิดหรือไม่? ถึงแม้เขาจะไม่แน่ใจ แต่มีเพียงทางเลือกเดียวสำหรับทางเลือกของ ดงซูบินจนมุมแล้วตอนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ดงซูบินตั้งหน้าตั้งตานำเรื่องของการได้รับรางวัลไปรายงานต่อทางสำนักงานคณะกรรมการพรรค ในตอนแรกฉันเดาว่าดงซูบินต้องการยืนอยู่ฝั่งเดียวกับหวังอันซิ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น ดงซูบินเลยต้องหันเหมาพึงพี่สาวของฉันถึงแม้ทั้งคู่จะมีเรื่องที่ไม่พอใจกันอยู่บางแต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงสักเท่าไร
แต่โอกาสที่ดงซูบินจะมาร่วมทำงานกับเกิงโยฮวาก็มีริบรี่เหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็ยังมีโอกาสเพราะความผิดของ ดงซูบินในฝั่งนี้ นั้นน้อยกว่าที่ดงซูบินผิดใจกับ หวังอันซิ มาก
หาก ดงซูบินสนใจที่จะรักษาตำแหน่งและยืนหยัดเพื่อบรรเทาความเครียด เกิงเซียงก็รู้สึกว่าโอกาสของเขากำลังจะมาถึง
เกิงโยวฮวาเป็นพี่สาวของเขา
หาก ดงซูบินเลือกข้างเดียวเกิงโยฮวา ในอนาคต เกิงเซียงเองก็ไม่ต้องกลัวใครแล้ว และถ้ามีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งจริงๆ ที่นี้เกิงเซียงก็จะมีโอกาสขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของสำนักงานเขต แทนที่ดงซูบินได้
ตอนเย็น.
ร้านอาหารทะเล
“ลุงหยางครับ มา ผมจะรินไวน์ให้” ดงซูบินกล่าวอย่างอบอุ่น
หยางจ้าวเต๋อ ยิ้ม "โอ้ วันนี้เรามาดื่มกันสักหน่อยล่ะกัน"
เมื่อลวนเสี่ยวปิงได้ยินเช่นั้น เธอเองก็ดูไม่มีความสุข: "ลูกชายของฉันต้องขับรถกลับ แล้วถ้าดื่มกันแล้วลูกชายของฉันจะกลับบ้านได้ย่างไร"
ดงซูบินยิ้มและพูดว่า: "แม่ครับผมรู้ลิมิตของตัวเองไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก"
ลวนเสี่ยวปิงไม่เห็นด้วย "แม่ไม่เชื่อหรอก อุบัติเหตุส่วนใหญ่ก็เกิดเพราะการดื่มนี้แหละ"
“ซูบินเชื่อแม่ของคุณเถอะ” หยางจ้าวเต๋อดึงแก้วไวน์กลับ "รอวันอื่น"
"นั่นสิ ถ้าอย่างงั้นเราทานอาหารกันเถอะ"
ทั้งสามคนเริ่มขยับตะเกียบกิน
ไม่นานหลังจากนั้น หยางจ้าวเต๋อก็พูดขึ้น “ฉันได้ยินมาว่าเลขาธิการมณฑของคุณป่วยหนัก ไปโรงพยาบาล?”
ดงซูบินถอนหายใจ "ดูเหมือนเขาจะเข้าโรงพยาบาลช่วงบ่าย"
“คุณไม่ไปเยี่ยมเขาสักหน่อยหรอ?”
“ไม่ล่ะเขาทำแต่เรื่องร้ายๆให้ผม ผมไม่จำเป็นจะต้องไปเยี่ยมเขา”
หยางจ้าวเต๋อส่ายหัวและยิ้มโดยไม่พูดอะไร
หัวหน้าป่วยไม่ว่าเขาจะไปโรงพยาบาลหรือไม่ก็ตามเขาต้องไปเยี่ยมโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังเป็นความหมายที่จะทำให้เขาขึ้นไปสู่ระดับสูงขึ้น ดงซูบินเข้าใจสิ่งนี้โดยธรรมชาติ แต่เขาตัวแข็งทื่อกับ หวังอันซิ ว่าเขาไม่ได้เป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน ไปรออาหารกินเกือบ ดงซูบินออกไปที่เคาเตอร์เพื่อเช็คบิล ที่แผนกต้อนรับและหลังจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเกิงเซียง
"พอดีว่าตอนนี้เลขาหวังเขาป่วยผมและผมจำโรงพยาบาลได้ และพอดีว่าฉันติดธุระอยู่ คุณช่วยเป็นตัวแทนของสำนักงานของเราในอดีตหรือไม่"
ในตอนท้าย ดวงตาของเกิงเซียง ก็ขยับ เมื่อพิจารณาบ่ายวันหนึ่ง เขารู้สึกว่าการวิเคราะห์ของเขาไม่มีปัญหา ภูมิหลังของ ดงซูบินนั้นอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ควรตัดประเด็นเรื่องนี้ทิ้งไปได้แล้ว สำหรับ ดงซูบินเขาจะไม่พึ่งพาเกิงโยฮวหา เพราะมันจะเป็นจุดสนใจ และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนใจและตัดสินใจ นี่เป็นงานที่สำคัญมากสำหรับเกิงเซียง “เลขาซูบิน พอดี....”
ดวงตาของ ดงซูบินเหลือบมอง “คุณมีอะไรหรือเปล่า”
เกิงเซียง "รบกวนคุณช่วยแจ้งไปที่ ผอ.โจว แทนได้ไห ตอนนี้ผมไม่สะดวกจริงๆ"
แน่นอนเกิงเซียงกำลังคิดอะไรอยู่
การที่เขาต้องการให้เกิงเซียงไปเยี่ยมหวังอันซิเป็นเพราะดงซูบินตัดสินใจที่จะมาอยู่ฝ่ายของเกิงโยฮวา นั้นเป็นโอกาสที่จะทำให้เกิงเซียงได้เปรียบดงซูบินในอนาคต ถึงแม้เรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้จะไม่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ถ้าดงซูบินมีท่าทีที่อ่อนลงต่อเกิงเซียง ก็แสดงว่าเกิงเซียงนั้นถือไผ่เหนือยกว่าแล้ว และพิสูจน์ได้ว่าดงซูบินต้องการพึงพาพี่สาวของเขาจริงๆ ในกรณีดังกล่าว มางหวังอันซิต้องเตรียมพร้อมสำหรับกลยุทธ์ในอนาคตล่วงหน้า และนี้เหมือนเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับเกิงโยฮวาอีกด้วย
“เออ ลืมไปเลย” ดงซูบินพูดประโยคเบาๆ เขาวางสาย
เห็นได้ชัดว่าดงซูบินมีท่าทีที่อ่อนลงจริงๆซึ่งหมายความว่า "ฉันเดาถูกใช่ไหม"
เห็นได้ชัดว่า เกิงเซียงอนุมานการกระทำของ ดงซูบินตามตรรกะของความคิดของคนทั่วไป สันนิษฐานว่าเขาต้องพึ่งพา เกิงโยฮวา อย่างไรก็ตาม เกิงเซียง ไม่รู้ว่า ดงซูบินไม่ใช่คนธรรมดาเลย!
หมอนั้นคิดว่าฉันเป็นใครกันการที่ฉันมอบหมายหน้าที่ให้กับปฏิเสธเช่นนี้คิดว่าจะปล่อยไปง่ายๆอย่างงั้นหรอ ดงซูบินคิดในใจ
สงสัยหมอนั้นคงคิดว่าฉันจะย้ายไปอยู่ฝั่งเดียวกับนายกโยฮวาสินะ และคงคิดว่าเขาฉันจะไม่กล้าทำอะไรเขาหรอกสินะ? นิสัยไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ? ?
หลังจากที่ ดงซูบินกลับไปที่ห้องส่วนตัว เขาพูดกับหยางจ้าวเต๋อว่า: "ลุงหยางครับ โรงเรียนของพรรคจะเริ่มเรียนในวันพรุ่งนี้? แล้วตอนนี้มันพอจะมีที่ว่างไหม?"
“อ้าว เกิดอะไรขึ้น” หยางจ้าวเต๋อพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
ดงซูบินยิ้มและพูดว่า: "พอจะเพิ่มชื่อคนๆหนึ่งไปให้หน่อยจะสะดวกไหมครับ"
ชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าจัดการกับคนมาแล้วมากวว่าสิบคน กับแค่คนเพียงคนเดียวที่คิดจะมาเสมอชั้นกับเขาคงไม่ใช่เรื่องยากหรอกที่เขาจะจัดการกับคนๆนั้น เกิงเซียงนั้นประเมินดงซูบินผู้นี้ต่ำไปแล้ว!