208 - กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
208 - กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลังจากพักผ่อนเป็นระยะเวลาเพียงพอและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของพวกเขา เย่ฟ่านก็ยืนขึ้น
“ตระกูลจี้ของเจ้าเป็นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดภายในแดนรกร้างตะวันออกไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงไม่ปรากฏบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นเลย”
“ภาคใต้นั้นไร้ขอบเขต ที่ดินผืนนี้มีหลายสิบแคว้นแม้ว่าตระกูลจี้ของเราจะทรงพลัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่มันจะครอบคลุมทุกตารางนิ้วของดินแดนแห่งนี้ นี่คือความจริงที่ว่าไม่มีใครรู้ว่าข้า หนีมาอยู่บริเวณนี้”
ในสองวันต่อมาเย่ฟ่านได้นำจี้จื่อเยว่ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของนางเพื่อหลบหนีต่อไป ผ่านหลายแคว้นและซ่อนตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง
ระหว่างทางพวกเขาเกือบถูกจับได้หลายครั้งและแทบไม่รอดพ้นจากปากความตาย
เห็นได้ชัดว่ามีพลังอำนาจมหาศาลที่กระทำการจากความมืดซึ่งต้องการให้จี้จื่อเยว่ตาย ไม่เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้คนจำนวนมากไล่ตามพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ระหว่างทางพวกเขาถูกโจมตีหลายครั้ง และผู้คนเหล่านั้นก็สามารถหาพวกเขาเจอได้เสมอ
“เจ้าหนูน้อย หนีไปเองก่อน ไม่ต้องห่วงข้า……” เมื่อเห็นบาดแผลบนร่างกายของเย่ฟ่านจี้จื่อเยว่ ก็เกลี้ยกล่อม
“พวกเราเป็นสหายกันข้าไม่สามารถทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ได้”
“ถ้าเจ้าอยู่กับข้าเจ้าจะตายไปด้วยรีบหนีไปคนเดียว” จี้จื่อเยว่ยืนกราน
“ข้าสงสัยว่ามีบางคนในตระกูลของข้าอาจร่วมมือกับคนภายนอก มิฉะนั้นผู้อาวุโสในตระกูลของข้าน่าจะพบข้าแล้ว”
ในวันที่สามเย่ฟ่านได้พาจี้จื่อเยว่เดินทางไปแล้วหลายหมื่นลี้แม้แต่ร่างกายที่มหัศจรรย์ของเย่ฟ่านก็พบว่ามันยากที่จะทนและพวกเขายังคงถูกไล่ล่า
“มีผู้ยิ่งใหญ่บางคนลอบบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คนที่ไล่ตามเราไม่ได้มีระดับการบ่มเพาะที่สูงแต่ก็ไม่สามารถถูกมองว่าต่ำได้ หลังจากเรื่องนี้จบลงแล้ว พวกเขาน่าจะถูกฆ่าเพื่อปิดปาก” จี้จื่อเยว่คาดการณ์
“นี่มันช่างเลวร้ายและเจ้าเล่ห์เกินไป”
“ไม่ถือว่ามาก……” จี้จื่อเยว่กัดริมฝีปากของนางและไม่พูดอะไรอีก
ในช่วงบ่ายของวันที่สามเย่ฟ่านและจี้จื่อเยว่ถูกทำร้ายอีกครั้งแต่พวกเขาก็สามารถใช้ทักษะความว่างเปล่าอันนี้ยิ่งใหญ่ร่วมกับทักษะการเคลื่อนไหวของชายชราที่บ้าคลั่งและสมบัติล้ำค่าของจี้จื่อเยว่ทำให้หนีรอดได้อย่างหวุดหวิด
“เคล็ดวิชาความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่!” ในระยะไกลร่างหนึ่งแวบวาบและมีคนอุทานออกมา
ในที่สุดผู้คนของตระกูลจี้ก็ปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าจะไม่ใช่บุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นเพียงกลุ่มเด็กรุ่นเยาว์แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ไล่ตามหวาดกลัวทำให้พวกเขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะถอยหนี
“ใครคือเด็กที่อยู่กับคุณหนูจื่อเยว่? เขาเรียนรู้ทักษะลับได้อย่างไร? นี่เป็นทักษะลับสุดยอดที่แม้แต่เราไม่มีคุณสมบัติที่จะฝึกฝน”
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก่อน รีบไปช่วยคุณหนูจื่อเยว่ก่อน!”
เด็กรุ่นหลังแปลก ๆ ทั้งสิบคนเหล่านี้รีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องจี้จื่อเยว่ที่ซีดเซียวอยู่ตรงกลาง
“คำนับคุณหนูจื่อเยว่!” คนเหล่านี้แสดงความเคารพ
ในที่สุดจี้จื่อเยว่ก็ยิ้ม นางรู้ว่าในที่สุดนางก็ปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องหลบหนีต่อไป
"เจ้าคือใคร? ทำไมเจ้าถึงรู้ทักษะความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ของเรา”
ข้างๆกันมีเด็กรุ่นหลังจำนวนหนึ่งจ้องมองที่เย่ฟ่านด้วยสายตาไม่เป็นมิตร นี่เป็นมรดกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายในตระกูลจี้แม้แต่ชนชั้นสูงอย่างตัวพวกเขาเองก็ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้มัน
ขนตาที่สวยงามของจี้จื่อเยว่ กระพือเล็กน้อยในขณะที่มีการแสดงสีหน้าไม่มีความสุขบนใบหน้าของนาง
“อย่าดูหมิ่นเขา หากไม่ได้ตัวเขาที่ปกป้องข้ามาหลายหมื่นลี้ ข้าคงตายข้างนอกไปแล้ว”
“เขา……” คนเหล่านี้ไม่กล้าที่จะพูดต่อไป
“เจ้าไม่เห็นเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของเขาเหรอ? รีบเอายาของพวกเจ้าออกมา” ดวงตาของจี้จื่อเยว่ดูเหมือนจะเริ่มโกรธเคือง
ในขณะนี้อาการบาดเจ็บของเย่ฟ่านค่อนข้างรุนแรง เขาปกป้องจี้จื่อเยว่เป็นระยะทางกว่าหมื่นลี้ในขณะที่ถูกไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
“ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องใช้ยา เนื่องจากข้าได้พาเจ้ามาที่นี่แล้ว เราสามารถแยกทางกันได้” เย่ฟ่านหันกลับมและเตรียมจะจากไป
“อย่าไป!” จี้จื่อเยว่ขอร้อง
ข้างๆเด็กเหล่านั้นเคลื่อนไปข้างหน้าทันทีเพื่อขวางทางเย่ฟ่าน
จี้จื่อเยว่มีอารมณ์ขุ่นเคืองบนใบหน้าของนาง
"เจ้าทำอะไร?!" สายตาของนางกวาดมองผ่านกลุ่มไปก่อนที่นางจะกระซิบกับเย่ฟ่าน
“ร่างกายของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าเจ้าออกไปแบบนี้ มันจะอันตรายมาก คนเหล่านั้นยังคงซ่อนตัวอยู่ในบริเวณโดยรอบ”
เย่ฟ่านตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะไปที่ตระกูลจี้ แต่การอยู่คนเดียวก็อันตรายมาก เขาทำได้แค่เลือกไปกับตระกูลจี้ก่อนและหาโอกาสที่เหมาะสมที่จะจากไป
“คุณหนูจื่อเยว่ ผู้อาวุโสจี้ฮุยอยู่ข้างหน้า” เด็กรุ่นหลังรายหนึ่งรายงาน
“ดี ไปพบกับนางกันเถอะ” จี้จื่อเยว่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับ เย่ฟ่าน
ในเมืองเล็กๆห่างออกไปสิบลี้ ยอดฝีมือของตระกูลจี้จี้ฮุยก็อยู่ที่นี่ นางพาคนมาที่นี่หลายคนและจองโรงเตี๊ยมจนเต็ม
เมื่อได้รับข่าวของจี้จื่อเยว่แล้ว จี้ฮุยก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับพวกเขา นางเป็นหญิงชราที่มีผมสีขาว ดวงตาของนางเฉียบคมทำให้เกิดแรงกดดันอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นจี้จื่อเยว่ปลอดภัยนางก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่เดินเข้ามาเพื่อตรวจดูร่างกายของจี้จื่อเยว่
“ดี ดี ดี ดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร” เมื่อพูดแบบนี้นางดึงจี้จื่อเยว่ไปที่โรงเตี๊ยมโดยไม่สนใจเย่ฟ่าน
“บรรพบุรุษอาวุโสเขาเป็นคนที่ช่วยข้าไว้” จี้จื่อเยว่ยิ้มหวานก่อนที่จะชี้ไปที่เย่ฟ่าน
“คำนับผู้อาวุโส” เย่ฟ่านโค้งคำนับ
จี้ฮุยพยักหน้า “ขอบคุณมากที่ส่งจื่อเยว่กลับมา ข้าจะไม่ปล่อยให้ความพยายามของเจ้าเปล่าประโยชน์ เราจะตอบแทนเจ้าอย่างเพียงพอ”
เย่ฟ่านรู้สึกว่าถึงแม้ผู้อาวุโสวันนี้จะขอบคุณเขา แต่จริงๆแล้วนางใช้วิธีทางธุรกิจกับมันโดยไม่มีอารมณ์ใดๆติดอยู่ เขาเดาว่าคงเป็นเพราะพวกเด็กๆรายงานว่าเขาใช้ทักษะความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ออกมาดังนั้นนางจึงเกิดความรังเกียจต่อเขา
“บรรพบุรุษผู้อาวุโสอย่าได้เป็นเช่นนี้ เขาพาข้ามาที่นี้กว่าหมื่นลี้ ดูเขาสิ เขาเต็มไปด้วยเลือดและได้รับบาดเจ็บสาหัส……” จี้จื่อเยว่ฉลาดมากและเห็นนิสัยปัจจุบันของจี้ฮุย
“มันไม่ง่ายเลยจริงๆ วีรบุรุษหนุ่มน้อยได้โปรดตามมากับพวกเรา”จี้ฮุยยิ้มขณะที่นางพูดอย่างรวบรัด
จี้จื่อเยว่บอกเย่ฟ่าน
“อย่าสนใจนาง ข้าส่งทักษะความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ให้กับเจ้าแล้ว เรื่องนี้จริงจังมากข้าจะอธิบายทุกอย่างให้นางฟัง ข้าคิดว่านางคงจะเข้าใจ”
เย่ฟ่านพยักหน้าโดยไม่ตอบ
จี้จื่อเยว่เดินไปข้างหน้าเพื่อดึงมือของเย่ฟ่านพาเขาไปในโรงเตี๊ยม
ในขณะนี้เย่ฟ่านสามารถสัมผัสได้ถึงการแสดงออกของจี้ฮุยก่อนที่จะได้ยินเสียงในใจของเขา
“หนุ่มน้อยอย่าใกล้ชิดกับจื่อเยว่มากนัก เจ้าต้องเข้าใจว่าลูกสาวของตระกูลจี้เป็นเหมือนดวงจันทร์ศักดิ์สิทธิ์ห้อยอยู่สูงบนท้องฟ้า ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างมากสำหรับการช่วยชีวิตนาง ที่เหลือ……เจ้าควรรู้ไว้นะว่าต้องทำยังไง!”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีอะไรระหว่างเรา” เย่ฟ่านถ่ายทอดเสียงกลับไป
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดีที่สุด” จี้ฮุยไม่ได้พูดอีกต่อไปขณะที่นางเดินเข้าไปในโรงเตี้ยม
ภายในโรงเตี้ยมจี้ฮุยกังวลอย่างมากเกี่ยวกับประสบการณ์ของจี้จื่อเยว่ นางตั้งคำถามอย่างจริงจังและพยายามทำความเข้าใจทุกรายละเอียด
“ราชานกยูงนั้นเย่อหยิ่งเกินไป เขาต้องการจะฆ่าฮ่าวเยว่และยังต้องการลักพาตัวเจ้า นี่มัน……” ผมขาวของจี้ฮุยโบกสะบัดเบาๆด้วยความโกรธ
“หัวหน้าตระกูลและผู้นำดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงได้ออกมาจากความสันโดษเพื่อจัดการกับเขา แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าราชานกยูงไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าราชานกยูงจะไม่ต้องจ่ายอะไรเลย”
ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มหาอำนาจไม่ควรถูกดูหมิ่นหรือดูถูก เมื่อแปดร้อยปีที่แล้ว ราชานกยูงได้ทำให้ดินแดนศักดิ์แสงโชติช่วงและตระกูลจี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดังนั้นทั้งสองมหาอำนาจจึงวางเขาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง
หลังจากนั้นจี้จื่อเยว่ก็ไปอาบน้ำแล้วทำแผล หลังจากหลบหนีมานานเสื้อผ้าของนางก็ขาดรุ่งริ่ง และนางก็ดูน่าสงสารมาก
“สหายน้อยเจ้าต้องการอะไรเป็นค่าตอบแทน? ตระกูลจี้จะชดเชยให้เจ้า” จี้ฮุยหันไปมองที่เย่ฟ่านใบหน้าของนางยังคงไม่มีท่าทีใดๆ
ไม่มีความรู้สึกอบอุ่นหรือเป็นมิตร นี่เป็นทัศนคติที่ชัดเจน ตระกูลจี้อยู่เหนือกว่า แม้กระทั่งจะตอบแทนบุญคุณพวกเขาก็ยังทำแบบขอไปที