ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 10 พร้อมซื้อบ้าน
ตอนที่ 10 พร้อมซื้อบ้าน
เย่โม่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกชวนขนหัวลุกมากขึ้นเรื่อยๆ จ้าวเต๋อเชิงเงยหน้าขึ้นมองเย่โม่ด้วยความเคียดแค้น และแทบอยากจะฉีกร่างของเขาออกเป็นชิ้นๆ
แต่เมื่อได้เห็นสายตาเคียดแค้นของหมาแก่อย่างจ้าวเต๋อเชิง เย่โม่กลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา และใช้ฝ่าเท้าเหยียบใบหน้าของมันพร้อมกับบดขยี้ทันที
ตอนนี้จ้าวเต๋อเชิงได้แต่ตกใจกลัว พร้อมกับคิดในใจว่า ‘นี่มันไม่ใช่เด็กนักเรียนแล้ว แต่เป็นปีศาจ ปีศาจดุร้ายที่สามารถกลืนกินคนทั้งคนได้!’
หลังจากได้ยินเสียงร้องดังออกมาจากบ้าน ลูกน้องของจ้างเต๋อเชิงก็รีบวิ่งตามเข้ามาทันที และเมื่อได้เห็นสภาพของเจ้านายตนเอง พวกมันก็ถึงกับอ้าปากหวอด้วยความตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นโกรธเกรี้ยวเดือดดาลอย่างมากแทน และรีบวิ่งเข้าไปแก้แค้นแทนเจ้านายทันที
แต่นับเป็นความโชคร้ายของพวกมัน ที่สายตาของเย่โม่เวลานี้ สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของพวกมัน เป็นภาพเชื่องช้าไม่ต่างจากตัวสล็อต เขาคว้าแขนของชายคนหนึ่งไว้พร้อมกับบิดเล็กน้อยโดยแทบไม่ต้องเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนอื่น
จากนั้น จึงออกไปจัดการกับอันธพาลคนอื่นๆที่วิ่งตามเข้ามาได้อย่างง่ายดาย จนเวลานี้เหลือเพียงเย่โม่ที่ยืนโดดเด่นอยู่กลางลานบ้าน
แม้ว่าเขาจะใช้พละกำลังไปเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่เวลานี้ อันธพาลเหล่านั้นกลับลงไปนอนเดี้ยงอยู่ที่พื้น แต่ละคนล้วนกระดูกหักในส่วนต่างๆกัน เรียกได้ว่าคงต้องกลับไปนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกนานทีเดียว
เย่โม่หรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับกวาดสายตามองออกไปอย่างเย็นชา และทุกที่ที่สายตาของเขามองผ่านไปนั้น เสียงกรีดร้องที่ดังโหยหวนด้วยความเจ็บปวด จะหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน
เวลานี้ เหลือเพียงกลุ่มคนทุพพลภาพที่กำลังนอนสั่นด้วยความเจ็บปวด และหวาดผวาจนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่ม
‘โคตรน่ากลัว! นี่มันเป็นคนจริงๆเหรอ? แข็งแรงยังกับไม่ใช่คน โหดเหี้ยมยิ่งกว่าอาชญากร!’
เย่โม่ได้แต่สูดลมหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดนับตั้งแต่เขาได้ระบบทักษะนี้เข้ามาในร่าง จิตใจของเขาถึงได้เริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย คล้ายๆกับว่ายิ่งนานวันเข้า เขากลับยิ่งรู้สึกเฉยชากับชีวิตของผู้คนมากขึ้น
เย่โม่เดินตรงเข้าไปหาจ้าวเต๋อเชิงที่ยังคงนอนกองอยู่กับพื้น ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงไปนั่งยองๆ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แกกับขยะพวกนั้นควรจะจำใส่สมองไว้ให้ดีว่า ถ้าพวกแกยังกล้าข่มเหงรังแกคนในครอบครัวของฉันอีก รับรองได้ว่าครั้งหน้าฉันจะไม่ปล่อยพวกแกแน่ แต่จะหักกระดูก ถลกหนังและเส้นเอ็นของพวกแกออกมา!”
เวลานี้ แม้แต่จ้าวเต๋อเชิงยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขาทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น
“อ่อ! แล้ววันนี้พวกแกก็กลับไปรักษาตัวเองก็แล้วกัน อย่าให้ได้ยินว่า มีใครคิดจะมาเก็บค่าทำขวัญและค่ารักษาจากครอบครัวของฉันอีกล่ะ!”
หลังจากที่เย่โม่พูดจบ ทุกคนที่นอนกองอยู่กับพื้นก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆเป็นไก่จิกข้าว
“ยังไม่รีบออกไปให้พ้นหน้าฉันอีกเหรอ? หรืออยากจะถูกกระทืบกันอีก!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่โม่ จ้าวเต๋อเชิงและคนอื่นๆ จึงรีบคลานออกไปจากลานบ้านของเขาอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็ลืมความเจ็บปวด และรีบหนีเอาตัวรอดราวกับได้ชีวิตใหม่
หลังจากคนเหล่านั้นกลับออกไปแล้ว เย่โม่ก็ได้จัดเก็บบ้านให้เรียบร้อยเหมือนเดิม ก่อนจะออกมานั่งรอลุงกับป้าสะใภ้ที่กำลังจะกลับมา
[โฮสท์ คุณปฏิบัติภารกิจในการหาเงินช่วยแบ่งเบาครอบครัวเรียบร้อยแล้ว]
[ระบบกำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินให้คะแนน – ภารกิจนี้ทำสำเร็จ คะแนนเฉลี่ยที่ได้คือ 3 คะแนน ครั้งหน้ากรุณาทำให้ดีกว่านี้]
[โฮสท์ คุณยังขาดอีก 7 คะแนน ก็จะสามารถอัพเกรดทักษะการแพทย์ระดับปรมาจารย์ ให้เข้าสู่ระดับสุดยอดปรมาจารย์ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น ทักษะการแพทย์ของคุณจะอยู่เหนือคนทั้งโลก]
การประเมินคะแนนของระบบครั้งนี้ ทำให้เย่โม่ถึงกับตกใจอย่างมาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงไม่พอใจ ก่อนจะถามออกไปว่า
“ระบบ นายแน่ใจนะว่าคำนวณคะแนนได้ถูกต้อง? ในเวลาเพียงแค่สองสามวัน ฉันสามารถหาเงินให้ครอบครัวได้ตั้ง 640,000 หยวน ต่อให้ฉันนำบางส่วนไปใช้หนี้ แต่ก็ยังเหลืออยู่ตั้ง 530,000 หยวน แต่ทำไมคะแนนของฉันถึงได้ต่ำขนาดนั้น?”
[โฮสท์ กรุณาอย่าสงสัยในการประเมินให้คะแนนของระบบ คุณมีทักษะการแพทย์ระดับปรมาจารย์ แต่กลับสามารถทำรายได้เพียงแค่นี้ หากไม่ใช่เพราะโฮสท์ยังนับเป็นนักเล่นมือใหม่แล้วล่ะก็ ระบบคงจะประเมินคะแนนให้ต่ำกว่านี้แน่นอน]
“เอ่อ…”
“ช่างเถอะๆ นอกจากคะแนนที่ต่ำเตี้ยนี้แล้ว นายยังมีความเห็นอะไร หรือข้อมูลอื่นจะบอกกับฉันอีกบ้าง?”
[การประเมินความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจแบ่งเป็น 5 ระดับ – สมบูรณ์แบบ (ได้ 10 คะแนน) ดีมาก (ได้ 8 คะแนน) ดี (ได้ 5 คะแนน) พอใช้ (ได้ 3 คะแนน) แย่ (ได้คะแนนความสงสาร 1 คะแนน)]
“เมื่อครู่ถ้าฉันได้รับการประเมินในระดับสมบูรณ์แบบ เท่ากับว่าทักษะการแพทย์ของฉัน ก็จะได้รับการอัพเกรดจากระดับปรมาจารย์เป็นระดับสุดยอดปรมาจารย์เลยใช่มั๊ย?”
[ถูกต้องโฮสท์]
“เข้าใจแล้ว! ถ้างั้นภารกิจหน้าฉันจะต้องทำให้ได้ระดับสมบูรณ์แบบ!”
แม้ว่าจะยังคงตกใจกับคะแนนที่ระบบประเมินให้ แต่เย่โม่ก็ยังไม่ลืมว่า เขายังมีเงินอยู่ 530,000 หยวน เมื่อคิดถึงเงินในมือเขาก็ถึงกับหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดี
[โฮสท์ คุณคงจะกลายเป็นคนหน้าโง่หากมีเงินแล้วไม่ยอมใช้! ในเมื่อคุณมีเงินอยู่ในมือถึงห้าแสนสามหมื่นหยวนแล้ว คุณสามารถหยิบยืมบางส่วนจากเฟิงกั๋วตง เพื่อจะได้ซื้อบ้านให้ลุงกับป้าในเมืองได้]
“แต่ฉันไม่ได้สนิทกับเขาสักหน่อย จะให้ไปยืมเงินเขาได้ยังไงกัน?”
[โฮสท์ ระบบเริ่มกังวลใจในความฉลาดของคุณแล้ว ตอนนี้เขากำลังรอคอยคุณอยู่ ด้วยทักษะการแพทย์ระดับปรมาจารย์ของคุณ คุณไม่ต่างจากต้นไม้เงินต้นไม้ทองเลย]
“อืมม เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน เอาล่ะ ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้!”
เย่โม่พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของระบบ เขาหยิบนามบัตรของเฟิงกั๋วตงออกมา และรีบกดหมายเลขที่ระบุไว้ในนามบัตรทันที
ตู๊ด.. ตู๊ด.. ตู๊ด…
“สวัสดีครับ”
“ประธานเฟิงครับ นี่ผมเองครับ!”
เฟิงกั๋วตงกำลังประชุมอยู่พอดี แต่เมื่อได้ยินเสียงของเย่โม่ดังมาจากปลายสาย เขาก็จำได้ทันที และรีบเดินออกไปจากห้องประชุมโดยไม่เหลียวหลังกลับ ปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องประชุมได้แต่หันหน้าไปมองกันเลิกลั่กด้วยความตกใจ
“ว่ายังไงเสี่ยวเย่ มีอะไรให้ฉันช่วยงั้นเรอะ? บอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“ประธานเฟิงครับ คือว่าผมอยากจะหาซื้อบ้านในเมืองสักหลังครับ แต่ยังขาดเงินอยู่สองสามแสน ไม่ทราบว่าคุณพอจะให้ผมหยิบยืมก่อนจะได้มั๊ยครับ?”
เย่โม่ที่อยู่ปลายสายถึงกับหน้าแดงด้วยความกระดากอาย เพราะรู้ดีว่า การกระทำของตนเองนั้นดูไม่มีเหตุมีผลเอาเสียเลย เพราะทั้งคู่เพิ่งจะรู้จักกันแท้ๆ
“อ่อ? ได้! ในเมื่อน้องชายกล้าขอ ฉันก็กล้ารับปาก ว่าแต่ทำไมถึงอยากจะซื้อบ้านล่ะ?”
แววตาของเฟิงกั๋วตงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ก็ยังพยายามสงบสติพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งเหมือนเดิม
เย่โม่ลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็บอกกับเฟิงกั๋วตงไปตามตรงว่า “ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่อยากให้ลุงกับป้าได้มีชีวิตที่ดีขึ้น และอยากให้น้องสาวได้เรียนในเมืองครับ!”
“ตกลง! ฉันยินดีให้เธอยืมเงิน ไม่มีปัญหา!”
“ผมต้องขอบคุณประธานเฟิงมากนะครับ!”
“ด้วยความยินดี! ฉันเองก็ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังให้เหมือนกัน เอาอย่างนี้มั๊ยล่ะ เธอมาพบฉันที่โรงงานกั๋วตงฟาร์มาซูติคัลบ่ายวันนี้มั๊ย ฉันจะรอ..”
หลังจากวางสายแล้ว เฟิงกั๋วตงก็ถึงกับยิ้มกว้างอย่างมีความสุข จากนั้น เขาก็เดินไปที่ห้องประชุมสั่งให้จบการประชุมทันที จากนั้นจึงได้เรียกคนขับรถให้ขับพาเขาไปที่โรงงานทันที
เย่โม่เขียนโน๊ตทิ้งไว้ในห้อง บอกกับป้าของเขาว่า เขาจะเข้าเมือง และไม่ต้องรอเขากลับมากินข้าว หลังจากนั้น ก็ได้เอาเงินทั้งหมดใส่กระเป๋าเป้ไปด้วย ก่อนจะโบกรถนั่งเข้าไปในเมือง
เย่โม่ไปถึงหน้าประตูโรงานกั๋วตงฟาร์มาซูติคัลในราวสิบเอ็ดโมงเช้าพอดี จากนั้น เขาจึงได้โทรไปหาประธานเฟิงว่าเขามาถึงแล้ว
หลังจากที่เฟิงกั๋วตงได้โทรศัพท์จากเย่โม่ เขาก็รีบลงมาจากห้องทำงานของตนเองทันที