ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 7 ขายหมดเกลี้ยง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 9 เฟิงกั๋วตง

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 8 กิจการรุ่งเรือง


ตอนที่ 8 กิจการรุ่งเรือง

“โม่! นี่เธอ… เธอขายยานั่นได้เงินตั้งมากมายขนาดนี้ได้ยังไง? นี่ป้า.. ป้าฝันไปรึเปล่า?”

เจียงหมินร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับจ้องมองธนบัตรปึกใหญ่ในมือของตนเอง เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพียงแค่ช่วงเช้า เย่โม่กลับสามารถหาเงินได้ตั้งสี่หมื่นหยวน นี่นับเป็นการหาเงินได้มากและเร็วที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเห็นมา!

เธอสับสนว่า เป็นเพราะคนที่ที่โง่ หรือเป็นเพราะยาต้มของหลานชายเธออัศจรรย์มากจริงๆกันแน่?

“โม่! บอกป้ามาตามตรง นี่เธอได้เงินมาจากการขายยาต้มนี่จริงๆน่ะเหรอ?

หลังจากเอ่ยถามเย่โม่ไปแล้ว เธอก็ได้รับการยืนยันหนักแน่นจากหลานชาย ทำให้เจียงหมินคลายความกังวลสงสัยลงไปได้มาก เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มแดงก่ำและรื้นไปด้วยน้ำตา

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต พ่อแม่ของเย่โม่มักจะคอยก่นด่าว่าเขาโง่เขลา และคอยเยาะเย้ยถากถางว่าเขามีสภาพไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง เวลานี้ จู่ๆ เจียงหมินก็อยากจะเห็นหน้าพ่อแม่ของเย่โม่ในตอนนี้ หากทั้งคู่ได้รู้ว่าลูกชายที่เขาเรียกว่า ‘ไอ้ขยะไม่เอาไหน’ มาตลอดนั้น กลับสามารถนำเงินปึกใหญ่เช่นนี้มาให้ พวกเขาทั้งคู่จะมีสีหน้าอย่างไร?

ในระหว่างที่ป้ากับหลานกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็มีชาวบ้านมากมายพากันมายืนออกันอยู่เต็มหน้าบ้าน พวกเขาต่างก็มาเพราะต้องการพบเย่โม่ เพื่อสอบถามถึงสูตรยาปี่แป่หยกน้ำค้างที่เย่โม่นำไปขายเมื่อเช้านี้

เจียงหมินที่เห็นชาวบ้านพากันมามุงอยู่เต็มหน้าบ้านแบบนี้ ก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ก่อนจะออกไปตะโกนไล่ให้ทุกคนกลับไปก่อน หลังจากที่ทุกคนกลับออกไปด้วยความล้มเหลว เจียงหมินก็ได้หันกลับมากำชับเย่โม่ด้วยสีหน้าจริงจัง

“โม่! จำไว้ว่าอย่าบอกสูตรยานี้ให้ใครอื่นรู้เข้าใจมั๊ย?”

เย่โม่พยักหน้า และตอบป้าสะใภ้กลับไปทันที “ป้าครับ เรื่องนี้ผมรู้ดี นี่เป็นความรู้ที่ปู่เป็นคนถ่ายทอดให้ผมนะครับ ผมจะบอกสูตรลับนี่ให้กับคนอื่นรู้ได้ยังไงกัน? ผมตั้งใจไว้ว่า จะใช้สิ่งนี้ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น!”

“โม่ เธอโตขึ้นมากแล้วจริงๆ เห็นเธอรู้จักคิดแบบนี้ป้าก็ค่อยโล่งใจ”

เจียงหมินที่ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจกับสูตรลับยาปี่แป่หยกน้ำค้าง ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง

“โม่ ทั้งตัวป้า ลุงของเธอ แล้วก็เจียเจีย ก็นับเป็นคนอื่นเหมือนกันเข้าใจมั๊ย?”

“ห๊ะ?!”

เย่โม่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะนิ่งไปด้วยความตกตะลึง แม้ว่าต้นกำเนิดของใบสั่งยาที่แท้จริงจะไม่อาจบอกใครได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะปกปิดสูตรลับยานี้กับคนในครอบครัว นั่นเพราะมันเป็นยาที่ปรุงได้ไม่ยาก เขาสามารถถ่ายทอดวิชาให้กับคนในครอบครัว เพื่อให้พวกเขานำไปทำมาหากินได้

“โม่ หลานจะต้องเชื่อฟังคำพูดของป้านะ! ลองคิดดูสิว่า ถ้าเธอบอกสูตรยานั่นกับป้า แล้วคนในครอบครัวของป้ามาคะยั้นคะยอให้บอก ป้าจะปฏิเสธพวกเขายังไง?”

“ส่วนเจียเจียเองก็เป็นคนพูดจาโผงผางไม่คิด เธออาจจะเผลอบอกใครไปก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรบอกเรื่องนี้ให้เธอลูกเหมือนกัน! สำหรับลุงของเธอ เธอเองก็น่าจะรู้ดีนี่ว่า เวลาเขาเมาเขาก็เหมือนโทรโข่ง ถึงตอนนั้นใครก็คงห้ามเขาไม่ให้พูดไม่ได้! ทางที่ดีเชื่อที่ป้าพูดดีกว่า!”

เย่โม่ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับยิ้มขื่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “แต่ป้าครับ ผมกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถทำคนเดียวไหวน่ะสิครับ ความจริงแล้ว ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้มังครับ?”

“จะไม่ให้จริงจังได้ยังไง?”

เจียงหมินย้ำเสียงหนักแน่นจิรงจัง “ในเมื่อเธอเองเป็นคนบอกว่า จะใช้ยาปี่แป่หยกน้ำค้างทำให้ทุกคนในครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น เธอก็ต้องเก็บเรื่องสูตรไว้เป็นความลับ อย่าให้พวกเราล่วงรู้เด็ดขาด ส่วนเรื่องการผลิตนั้น พวกเราจะช่วยเธอเอง!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ!”

เย่โม่ได้แต่ต้องพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อเห็นว่าเจียงหมินดูจะจริงจังในเรื่องนี้มาก แต่ภายในใจกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เขาสัมผัสได้ว่าป้าสะใภ้ของเขานั้นรักและเมตตาเขามากจริงๆ เธอถึงได้คิดเรื่องนี้อย่างละเอียดละออ

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว เจียงหมินก็ได้เดินออกไปซื้อโถดินสำหรับต้มยา และถ้วยกระดาษใบเล็กๆสำหรับใช้แล้วทิ้งมา จากนั้นจึงเริ่มช่วยเย่โม่ล้างทำความสะอาดสมุนไพรที่เก็บมา และทำการปลอกเปลือกลูกปี่แป่

หลังจากที่เย่เจี้ยนเกาและลูกสาวกลับมาถึงบ้าน เจียงหมินก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้กับคนทั้งคู่ฟัง ทั้งพ่อและลูกสาวต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง คิ้วของพวกเขาขมวดเข้าหากกันแน่น ราวกับว่ากำลังร่ำเรียนวิชาที่ยากมากอยู่ พร้อมกับหันไปมองเย่โม่ประหนึ่งว่าเขาคือสมบัติล้ำค่าของครอบครัว

และในที่สุดเย่เจียเจียก็ได้ร้องตะโกนชมเชยพี่ชายด้วยความตื่นเต้นดีใจ “สุดยอด! สุดยอดมากพี่โม่ เอ๊ะ.. หรือว่าที่พี่สลบไปนานพอตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นยอดมนุษย์ไปแล้ว?”

ระหว่างที่พูด เย่เจียเจียก็ได้ยื่นมือไปจับแขนของเย่โม่ขยำพร้อมกับถูไปถูมา ปากก็พึมพำออกมาว่า “น่าแปลกทำไมเนื้อตัวยังนุ่มนิ่มอยู่เลย?”

เย่โม่ได้แต่คิดในใจว่า ‘ฉันฉีดเซรุ่มกัปตันอเมริกาเวอร์ชั่นต่ำสุดเข้าไปต่างหาก ว่าแต่.. น้องสาวของฉันทำไมถึงได้ฉลาดแบบนี้นะ?’

“นี่เจียเจียเลิกพูดจาเพ้อเจ้อ แล้วก็หยุดขยำน้องแบบนั้นได้แล้ว!”

เย่เจี้ยนเกาดึงมือของลูกสาวออก จากนั้นจึงหันไปพูดกับเย่โม่ว่า “โม่ ตอนนี้ยังไม่ได้ไปโรงเรียนก็ออกไปขายยาต้มก่อนได้ แต่ต้องไม่เอาเรื่องนี้เป็นหลักนะ ยังไงก็ต้องหาเวลาอ่านหนังสือหนังหา หลังจากเก็บเงินได้มากพอที่จะจ่ายค่าเทอมในมหาวิทยาลัยแล้ว ก็เลิกขายซะ แล้วตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ ยังไงการเรียนก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด วันข้างหน้าจะได้มีอนาคตที่ดีรู้มั๊ย?”

เย่โม่ตอบกลับไปอย่างมั่นอกมั่นใจ “ลุงครับ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ลุงยังไม่เห็นคะแนนสอบของผม ต่อให้เดือนนี้ผมไม่อ่านหนังสือทั้งเดือน ก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้อย่างแน่นอน! แต่ตอนนี้รีบทำงานหาเงินซื้อบ้านดีๆสักหลังก่อนดีกว่าครับ!”

จะไม่ให้เขามั่นอกมั่นใจได้อย่างไรกัน ในเมื่อที่ผ่านมาเขาสอบได้อันดับต้นๆของห้องมาโดยตลอด และยิ่งด้วยร่างกายใหม่นี้ เขาสามารถทุบสถิติกีฬาทุกประเภทในโอลิมปิคได้อย่างแน่นอน!

นับว่าโชคดีที่เย่เจี้ยนกัวได้ไปที่โรงเรียนลาหยุดยาวให้กับเขาแล้ว ในวันต่อมา ครอบครัวของเขาจึงได้ช่วยกันผลิตยาต้มได้มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พอกับปริมาณความต้องการของผูซื้ออยู่ดี!

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น สืบเนื่องมาจากลูกค้ากลุ่มแรก ที่ได้ไปป่าวประกาศถึงสรรพคุณและประสิทธิภาพของยาปี่แป่หยกน้ำค้าง จนทำให้ยาต้มของเขามีชื่อเสียงขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว ไม่เพียงแค่คนในเมืองนี้เท่านั้น แต่คนในเมืองอื่นๆต่างก็พากันมารอที่ตลาดเพื่อหาซื้อยาต้มของเขาเช่นกัน

หน้าแผงของเย่โม่นั้นราวกับที่ขายตั๋วรถไฟ ที่มีผู้คนต่อคิวกันเป็นแถวยาว

มีเพียงวันแรกที่เย่โม่ผลิตยามาเป็นจำนวนน้อยเพื่อทดลองขายก่อน จึงได้รายได้เพียงแค่สี่หมื่นหยวนเท่านั้น แต่ในอีกสี่วันหลังจากนั้น เย่โม่ก็ได้เพิ่มปริมาณการผลิตขึ้น แต่เขาก็ยังขายหมดทุกวัน และได้รับรายได้เกือบแสนตลอดทุกวันด้วย!

เย่เจี้ยนกัวและภรรยาของเขาถึงกับนับเงินกันจนมือชาเลยทีเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น ในวันที่ห้าของการขายนั้น ความนิยมของยาปี่แป่หยกน้ำค้างกลับค่อยๆลดลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังขายหมดอยู่ดี แต่จำนวนคนที่มายืนรอคิวนั้นกลับลดลงจากเดิมอย่างมาก

เรื่องนี้เย่โม่เข้าใจได้ดี นั่นเพราะคนที่จะมีกำลังทรัพย์ในการซื้อยาปี่แป่หยกน้ำค้างนั้นมีจำนวนจำกัด และตอนนี้ตลาดผู้ซื้อในเมืองและเมืองใกล้เคียงก็เริ่มอิ่มตัวแล้ว หากเขาต้องการตลาดที่ใหญ่กว่านี้ ก็จะต้องไปเปิดตลาดใหม่อย่างเช่นเมืองหลวง หรือไม่ก็หา ‘สูตรลับ’ ใหม่มาผลิตขาย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด