ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 7 ขายหมดเกลี้ยง
ตอนที่ 7 ขายหมดเกลี้ยง
ดังคำพูดว่า ของดีมักมีน้อย!
เวลานี้ ยาปี่แป่หยกน้ำค้างของเย่โม่นั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคปอดให้หายได้จริง แม้จะไม่มีมูลค่าสูงถึงทองพันแท่ง แต่อย่างน้อยก็เป็นของดีมีค่า!
หากเราไปโรงพยาบาลหาหมอเพราะมีอาการไอเรื้อรัง อย่างน้อยๆก็ต้องจ่ายค่ายาต่ำๆหลายร้อยหยวน แต่ถ้าตรวจพบว่าเป็นปอดอักเสบหรือปอดบวมแล้วล่ะก็ แน่นอนว่า ต่อให้มีเงินสองสามพันหยวนก็คงจะไม่พอจ่ายค่ารักษาแน่!
แต่สำหรับยาต้มของเย่โม่นั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายถึงขนาดนั้น ก็สามารถหายจากโรคได้อย่างง่ายดาย!
แต่นี่อะไรกัน? แค่สองสามร้อยหยวนก็สามารถรักษาได้แล้วงั้นเหรอ?
เมื่อชาวนาที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินเข้า เขาก็ถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที นั่นเพราะกิจการของเย่โม่นั้นนับว่าทำเงินได้อย่างมากมาย กระทั่งผลิตภัณฑ์ของเขาทั้งสวนที่นำออกมาขายที่ตลาดเช้านี้ รวมกันแล้วยังได้ไม่กี่ร้อยหยวนเอง
ผู้คนที่พากันเข้ามามุงดูนั้น ต่างก็จ้องมองชายร่างผอม ราวกับว่ากำลังดูการรักษาครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
เมื่อผู้ชายร่างผอมได้ฟังราคา เขาก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย และคิดว่ามันออกจะแพงไปมาก แต่เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ของมัน เขาก็เริ่มรู้สึกว่า ราคานี้ค่อนข้างคุ้มค่า และสมกับประสิทธิภาพของยา!
“พ่อหนุ่ม ฉันขอกลับบ้านไปเอาเงินก่อนนะ แล้วจะรีบกลับไปบอกเพื่อนด้วย ฉันเชื่อว่าเพื่อนฉันคนนี้จะต้องสนใจมากเลยล่ะ!”
หลังจากพูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็หันหลังเดินกลับออกไปทันที แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับผู้ชายวัยกลางคนเจ้าเนื้อสวมแว่นคนหนึ่ง"
“แค้กๆๆ ตาจางนี่น่ะเหรอที่แกเล่าให้ฉันฟัง? เด็กนี่จะเชื่อถือได้งั้นเหรอ?”
ชายสวมแว่นวัยกลางคนเห็นหน้าเย่โม่เข้า ก็ถึงกับต้องร้องถามออกมาให้แน่ใจ ระหว่างที่หันไปบอกกับเย่โม่เขาก็ยังคงไอไม่หยุด
“แค้กๆๆ นี่พ่อหนุ่มขอฉันลองบ้างจะได้มั๊ย?”
เย่โม่เห็นว่าชายเจ้าเนื้อสวมแว่นคนนี้กำลังไออย่างหนัก เขาจึงได้รินยาลงในถ้วยกระดาษ แล้วส่งให้ชายผู้นั้นทันที
และหลังจากที่ได้ดื่มยาต้มของเย่โม่เข้าไป ปฏิกิริยาที่แสดงออกมากลับดูเกินหน้าเกินตาชายร่างผอมก่อนหน้าไปมากทีเดียว เขาถึงกับหายใจรุนแรงขึ้นทันที จนต้องพยายามทำสมาธิช่วย แต่หลังจากนั้นเขาก็ร้องอุทานออกมาเสียงดัง
“เย็นคอชะมัดเลย! ชุ่มคอมากจริงๆ ฉันเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดลมนี่มานานมากแล้ว รักษายังไงก็ไม่หายสักที แต่นี่กลับไม่รู้สึกระคายคออยากจะไออีกเลย!”
เขาหันไปจ้องมองเย่โม่ด้วยแววตาตื่นเต้นดีใจพร้อมกับร้องบอกไปว่า “นี่พ่อหนุ่ม เอาเป็นว่าเธอมียาที่ว่านี่อยู่เท่าไหร่ ฉันขอเหมาหมดเลยก็แล้วกัน!”
แต่ยังไม่ทันที่เย่โม่จะได้ตอบอะไร ชายร่างผอมก็ชิงพูดขึ้นก่อน “นี่พ่อหนุ่ม เงินสำหรับหนึ่งถ้วยกับอีกสองขวด”
จากนั้นจึงได้หันไปบอกกับชายร่างอ้วนสวมแว่นตาว่า “นี่พี่เฟิง จะมาเหมาหมดได้ยังไงกัน? เหลือไว้ให้คนอื่นๆได้ซื้อบ้างสิ”
หลังจากนั้นชายร่างผอมก็ได้หันไปขยิบตาให้กับเย่โม่ และได้แต่แอบคิดในใจว่า เด็กหนุ่มคนนี้ทำไมถึงได้เก่งเกินตัวขนาดนี้?
“ได้สิ! ในเมื่อแกเองอุตส่าห์ไปลากฉันมาให้พบกับยาดีๆแบบนี้ ฉันจะไม่เหมาหมดก็แล้วกัน”
จากนั้นชายร่างอ้วนสวมแว่นตาก็ได้หันไปถามเย่โม่ว่า “หนึ่งเหยือกต้นเหตุหายขาดงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันของซื้อทั้งหมดห้าขวดก็แล้วกัน ถ้าสามารถทำให้ฉันหายจากโรคบ้าๆที่เป็นมานานนับสิบปีได้จริง อย่าว่าแต่สองพันหยวนเลย มากกว่านี้ฉันก็ยอมจ่าย!”
“นี่พ่อหนุ่ม เงินจำนวนหนึ่งหมื่นหยวน!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ล้วงเอาธนบัตรปึกหนึ่งออกมายื่นให้กับเย่โม่อย่างง่ายดาย พร้อมกับบอกกับเย่โม่ว่า “ถ้ายานี่ทำให้อาการป่วยของฉันดีขึ้นจริงๆ ฉันจะให้เธอเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นหยวน!”
หากลุงหวังอยู่ที่นี่ด้วย เขาจะต้องสามารถเข้าใจความทุกข์ทรมานของชายเจ้าเนื้อสวมแว่นนี้ได้อย่างแน่นอน โรคหลอดลมอักเสบแบบนี้ ต่อให้ใช้ยาแผนปัจจุบันรักษาก็ช่วยได้เพียงแค่ปลายเหตุเท่านั้น
“โอ้โห!”
เมื่อทุกคนได้เห็นชายเจ้าเนื้อสวมเว่นดูร่ำรวยมีฐานะควักเงินหนึ่งหมื่นหยวนออกมาซื้อยาปี่แป่หยกน้ำค้าง ต่างก็พากันจ้องมองพร้อมกับส่งเสียงฮือฮาออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ!
อะไรกัน? แค่น้ำเหลืองๆเหมือนปัสสาวะในขวดโหล ก็สามารถขายได้ถึงหนึ่งหมื่นหยวนเชียวเหรอ?
แต่ยังไม่จบแค่นั้น ชายคนหนึ่งที่ยืนสูบบุหรี่อยู่พร้อมกับไอแค้กๆเห็นเข้า เมื่อเห็นคนดื่มยาของเย่โม่แล้วหายจากอาการไอ ก็รีบเดินเข้ามาลองด้วยทันที และเมื่อได้พบว่าได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เขาก็ได้แต่ขอซื้อเพียงหนึ่งถ้วยเพราะไม่มีเงินมากมาย
บางคนที่ได้เห็นประสิทธิภาพของยาต้มในขวดนั้น แม้จะไม่ได้มีอาการไอหรือเป็นโรคปอด แต่พวกเขาต่างก็พากันซื้อคนละขวดไปฝากญาติๆของตัวเอง!
จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ยาปี่แป่หยกน้ำค้างจำนวนยี่สิบขวดก็ได้ขายจนหมด เย่โม่นั่งนับเงินอย่างระมัดระวัง และพบว่ารายได้ของเขาวันนี้สูงถึงสี่หมื่นหยวนเลยทีเดียว!
“พ่อหนุ่ม ฉันได้ยินว่าเธอมียาแก้ไอมาขายงั้นเหรอ? ขอฉันลองบ้างสิ!”
เสียงร้องตะโกนถามของใครคนหนึ่งดังขึ้น และนั่นก็ดึงดูดสายตาของผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีวันนี้ยาของผมขายจนเกลี้ยงแล้วครับ!”
เย่โม่ร้องตอบกลับไปทันที วันนี้เขาต้มยามาแค่สองหม้อเท่านั้น จึงได้แต่ต้องเอ่ยขอโทษลูกค้าที่เพิ่งมาถึง
หลังจากเก็บข้าวของจนเรียบร้อยแล้ว เย่โม่ก็เดินจากไปท่ามกลางความรู้สึกชื่นชมของผู้คนที่มุงดู
ในระหว่างที่เดินทางกลับบ้านนั้น มุมปากของเย่โม่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขอยู่ตลอดทาง แม้ว่าในยุคสมัยนี้ เงินจำนวนหนึ่งหมื่นหยวนจะไม่ได้มากมายควรค่าให้พูดถึง แต่การจะสามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ภายในวันเดียว ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำได้ง่ายๆ
แม้ว่าเย่โม่จะมั่นใจในสรรพคุณของยาปี่แป่หยกน้ำค้างของตนเองมาก แต่เขาก็ยังอดที่จะตกใจไม่ได้กับมูลค่าของยาที่ได้รับมาในวันนี้ และเย่โม่ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับโรงพยาบาล ที่ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่า แพงมากถึงมากที่สุด!
หลังจากกลับไปถึงบ้านแล้ว เย่โม่ก็ได้นำเงินไปเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด ก่อนจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรต่อ เพราะนับจากนี้ไป จำนวนผู้ที่ต้องการซื้อยาปี่แป่หยกน้ำค้างของเขาจะต้องมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
เย่โม่คำนวณจำนวนคนที่ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะในวันพรุ่งนี้คร่าวๆว่า น่าจะราวสองร้อยคน และหลังจากข่าวนี้แพร่สะพรัดออกไป เขาเชื่อว่ายาต้มของเขาจะกลายเป็นที่นิยมของผู้คนในเมืองอย่างมาก
ปัจจุบันนี้ มีใครบ้างที่ไม่ไอบ้าง? มีใครบ้างที่ไม่สูบบุหรี่? และคนสูบบุหรี่ส่วนใหญ่ล้วนมีปัญหาเรื่องอาการไอกันแทบทุกคน
ในเมื่อวันนี้เขาต้มยาไปขายสองหม้อแต่กลับไม่พอ เขาตั้งใจไว้ว่าจะต้องทำเพิ่มอีกอย่างน้อยหนึ่งหม้อ แต่แค่สามหม้อต่อวันนั้น ก็นับว่าเกินขีดจำกัดของตัวเขาแล้ว และต่อให้เขาจะทำไปมากเท่าไหร่ เขาก็เชื่อว่ามันจะไม่พอขายอย่างแน่นอน!
กว่าเย่โม่จะขุดหาสมุนไพรเสร็จก็ช่วงเที่ยงพอดี เจียงหมินรีบกลับบ้านมาพร้อมกับร้องถามเย่โม่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“โม่! ที่หลานบอกป้าเมื่อวานดูเหมือนจะเป็นจริงแล้วสินะ! ป้าได้ยินมาจากป้าหลี่ว่า วันนี้เธอขายยาปี่แป่หยกน้ำค้างหมดเกลี้ยงตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ!”
เย่โม่ร้องตอบพร้อมกับวางผลปี่แป่ในมือลง จากนั้นจึงได้เดินเข้าไปหยิบธนบัตรปึกใหญ่ ที่ได้จากการขายยาในวันนี้มาให้เจียงหมินทันที พร้อมบอกกับเธอว่า
“ป้าครับ นี่เป็นเงินที่ขายยาได้ในวันนี้ ทั้งหมดสี่หมื่นหยวนครับ! มากพอที่จะไปจ่ายค่าทำแผลให้กับไอ้หมาขี้เรื้อนนั่น!”