ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 6 ราคาเท่าไหร่
ตอนที่ 6 ราคาเท่าไหร่
“โม่! วันนี้หลานลุงทำถูกต้องแล้ว ถ้าเป็นลุง ลุงคงจะจัดการกับมันเหมือนกัน ลุงจะทำให้กระดูกมันหักสองสามท่อนเลยทีเดียว!”
ทันทีที่เห็นหน้าเย่โม่ เย่เจี้ยนกัวไม่เพียงไม่ตำหนิหลานชาย แต่ยังเอ่ยชมอีกด้วย เวลานี้ ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยคลื่นโทสะ หากไม่ใช่เพราะเจียงหมินลากเขากลับมาบ้านแล้วล่ะก็ เขาเองก็คงบุกไปสกุลจ้าวยอมสู้ตายกับพวกมันเหมือนกัน!
“พูดให้น้อยๆหน่อยจะได้มั๊ย? ทำแบบนี้มีแต่จะยิ่งทำลายชีวิตของโม่ การทำตัวดุร้ายใช้กำลังแก้ปัญหาจะมีประโยชน์อะไร ดูสิ! นี่ยังต้องมานั่งจ่ายค่าทำขวัญกับค่ารักษาพยาบาลให้พวกเขาอีก..”
เจียงหมินตำหนิผู้เป็นสามีพร้อมกับส่งสายตาค้อนให้หนึ่งทีด้วยความรู้สึกรำคาญ
“อะไรนะ?! ไอ้เ-็ดแม่!!” เย่เจี้ยนกัวสบถออกมาอย่างหยาบคาย
“นี่คุณ…”
เมื่อเห็นว่าสองสามีภรรยาดูเหมือนกำลังจะเริ่มมีปากเสียงกัน เย่โม่จึงรีบพูดขัดขึ้นเสียก่อน “ลุงครับ ป้าครับ เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลแล้ว ผมหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว!”
“เธอจะทำได้ยังไงโม่? ไม่ต้องมาพูดให้น้าสบายใจก็ได้”
เห็นได้ชัดว่าเจียงหมินไม่เชื่อคำพูดของเย่โม่เลยแม้แต่น้อย เธอคิดว่าเด็กหนุ่มเพียงแค่ต้องการพูดปลอบโยนให้เธอสบายใจเท่านั้น
“พวกมันรีดไถเรายังกับเป็นโจร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะหาเงินจำนวนสองหมื่นหยวนมาให้พวกมันภายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่รับรองว่า เมื่อไหร่ที่มันรับเงินก้อนนี้ไป แล้วยังกล้ามายุ่งกับพวกเราอีก พวกมันจะต้องเจอดีแน่!”
เย่โม่ร้องบอกพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา จากนั้น เขาก็ได้เล่าเรื่องที่ได้ปรุงยาปี่แป่หยกน้ำค้างไปให้ลุงสองดื่มเพื่อรักษาอาการไอ และยังคงใช้ชื่อปู่ที่ตายไปแล้วมาเป็นโล่ปกป้องตัวเองเช่นเคย
“หืมม นี่เธอพูดจริงๆเหรอโม่?”
สองสามีภรรยาร้องถามออกมาพร้อมกัน สีหน้าของทั้งคู่บ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เย่โม่บอกเล่า
“ผมจะโกหกลุงกับป้าไปทำไมล่ะครับ? ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปถามลุงหวังข้างบ้านดูก็ได้ เมื่อก่อนนี้ ปู่เคยท่องใบสั่งยาให้ผมฟังตั้งมากมาย บังเอิญว่าลุงหวังเอาเงินมาให้ผมวันนี้ ผมเห็นเขาไอหนักมาก ก็เลยนึกถึงสูตรยาที่ปู่เคยท่องให้ฟัง ก็เลยทดลองเอาปี่แป่ที่มีอยู่ในบ้านมาลองต้มตามสูตรดู..”
หลังจากนั้น เย่โม่ก็วิ่งเข้าไปหยิบเงินในลิ้นชักมาให้เจียงหมินพร้อมกับร้องบอกว่า “นี่ครับ เงินที่ลุงหวังเอามาให้ยืม!”
หลังจากยื่นเงินให้เจียงหมินแล้ว เย่โม่ก็ร้องถามขึ้นว่า “ป้าครับ ผมตั้งใจว่าจะลองเอายาปี่แป่หยกน้ำค้างนี่ไปขายที่ตลาดในวันพรุ่งนี้”
“ได้สิ ได้ๆ ป้าสนับสนุนเธอเต็มที่เลย!”
เจียงหมินรู้ว่าเย่โม่อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว เธอจึงไม่ห้ามปราม แม้จะรู้ว่ายาปี่แป่หยกน้ำค้างอะไรนี่คงจะขายไม่ได้ แต่เธอก็ไม่สนใจ เพราะเธอตั้งใจจะไปหายืมเงินคนรู้จักอยู่ดี
ในตอนเย็น เย่เจี้ยนกัวกับเจียงหมินก็ได้นั่งปรึกษาหารือกัน
“พรุ่งนี้ฉันว่าจะเข้าไปในตลาดเหมือนกัน ตั้งใจว่าจะไปขอยืมเงินจากโฟร์แมนสักหน่อย จากนั้นค่อยไปหาซื้อของขวัญเล็กๆน้อยให้กับคุณครูที่โรงเรียนของเจ้าโม่ด้วย!”
เจียงหมินตอบกลับด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ฉันว่าเราควรจะฟังความเห็นของโม่บ้างนะ! เขาอยากจะทบทวนและอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านเอง อีกอย่าง คนที่ทำร้ายเขาจนต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ และเกือบจะกลายเป็นผัก ก็ยังอยู่ดีกินดี แล้วถ้าโม่ถูกคนพวกนั้นข่มเหงรังแกอีกล่ะ พวกเราจะทำยังไง? อีกอย่าง ตอนนี้โม่เองก็กลายเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวหุนหันพลันแล่น แล้วถ้ามีคนมารังแกเขาอีก เขาคงจะไม่ยอมเหมือนเมื่อก่อนแน่ เราไม่ต้องมานั่งหาเงินจ่ายค่ารักษาใหักับคนอื่นอีกหรือไง?”
เย่เจี้ยนกัวได้แต่ครุ่นคิดตามคำพูดของภรรยา ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว
“เฮ้อ.. งั้นเอาเป็นว่า พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียน ไปทำเรื่องลาหยุดให้กับเขาก็แล้วกัน!”
ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเย่โม่ แต่เย่โม่กลับไปหยิบขวดผักดองขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กออกมาทำความสะอาด จากนั้น จึงเริ่มเอายาปี่แป่หยกน้ำค้างสองหม้อเทเข้าไปในขวดที่ทำความสะอาดได้ราวยี่สิบขวดพอดี
ทั้งเย่เจี้ยนกัวและเจียงหมินเห็นเย่โม่ขมักเขม้นที่จะหารายได้จากการขายยาปี่แป่หยกน้ำค้าง ก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นใจ เพราะไม่เชื่อว่าเย่โม่จะสามารถหาเงินได้จากวิธีนี้
……….
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่โม่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ หลังจากจัดแจงของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันไปบอกป้าสะใภ้ว่า
“ป้าครับ ผมเข้าไปในเมืองก่อนนะครับ”
“จ้ะๆ ระวังตัวด้วยล่ะ!”
เจียงหมินไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เธอก็ร้องบอกหลานชายว่า
“ถ้ามันเหนื่อยมากขายไม่ได้ ก็กลับมานะไม่เป็นไร!”
“ขายไม่ได้อะไรกันล่ะครับ? ผมกลัวแต่ว่าจะไม่พอขายน่ะสิ!’
เย่โม่ร้องตอบเจียงหมินไป ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโบกรถตามถนนที่มุ่งหน้าสู่ตลาดในตัวเมือง พร้อมกับขวดยามากมายที่แบกอยู่บนแผ่นหลัง
เมื่อเย่โม่มาถึง ก็มีรถบรรทุกเล็กๆที่รับผู้โดยสารมาจอดเรียงรายอยู่มากมาย หลายคนยืนสูงบุหรี่ ส่วนใหญ่คนในจินหม่าจะนำผักผลไม้หรืออื่นๆมาขายที่ตลาดแห่งนี้เลี้ยงชีพ และเมื่อเย่โม่มาถึง ก็มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายตั้งแผงอยู่ก่อนแล้ว
ผู้คนต่างก็พากันพูดคุยกัน และดูเหมือนจะซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่เย่โม่คร้านที่จะใส่ใจกับคนพวกนั้น เขาเดินตรงเข้าไปหาที่ว่างก่อนจะวางกระเป๋าเป้ที่แบกไว้ด้านหลังลง จากนั้นจึงได้ล้วงเอาขวดแก้วพร้อมกับแก้วกระดาษ และไม้กระดานที่เขาเตรียมไว้ออกมา ซึ่งบนแผ่นไม้กระดานนั้นมีอักษรเขียนตวัดไว้อย่างสวยงามมีใจความว่า
ยาปี่แป่หยกน้ำค้าง มีสรรพคุณล้ำเลิศในการช่วยรักษาอาการไอและโรคปอด!
หนึ่งแก้วหยุดไอยับยั้งเสมหะ สามแก้วหมดปัญหาโรคปอด หนึ่งเหยือกต้นเหตุหายขาด!
เย่โม่เป็นคนเขียนอักษรได้งดงามมาตั้งแต่เด็ก และยิ่งเมื่อได้รับรางวัลที่ระบบสุ่มเลือกให้ จิตวิญญาณของเขาก็ได้เปลี่ยนไปหลังจากมีการถ่ายเทรางวัลเหล่านั้นเข้าร่าง กระทั่งอักษรที่เขียนก็เผยให้เห็นถึงความมั่นคงของจิตใจและความแข็งแกร่ง
ในช่วงตลาดยามเช้าเช่นนี้ จะมีผู้คนค่อนข้างพลุกพล่าน หลานคนเห็นป้ายอักษรของเย่โม่เข้า ก็เริ่มสนอกสนใจมายืนอ่าน แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจที่จะเสียเงินซื้อยาต้มของเขาดื่ม
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เย่โม่ยังเด็กเกินไป และคำโฆษณาบนแผ่นป้ายก็ดูโอ้อวดอย่างมาก อายุเพียงแค่นี้จะมีความรู้ด้านการแพทย์ที่ล้ำเลิศได้ ไม่ต้องเล่าเรียนศึกษาตั้งแต่อยู่ในท้องเลยงั้นรึ?
แต่ถึงอย่างนั้น เย่โม่เองก็ดูเหมือนจะไม่รีบร้อนนัก เขาเชื่อว่าจะต้องมีคนสนใจในยาต้มของเขาอย่างแน่นอน ดังคำกล่าวว่าโลกไม่ไร้ซึ่งคนรู้ค่าในสิ่งของล้ำค่า!
จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็เริ่มมีผู้ที่มาออกกำลังกายในยามเช้าเดินออกมาจากสวนสาธารณะ หลายคนมาหยุนดยืนอยู่หน้าแผงของเย่โม่
หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างอวบอ้วนที่กำลังยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง ปากก็ร้องถามเย่โม่ว่า
“นี่เจ้าหนู เธอเขียนป้ายนี้เองงั้นเหรอ? ทำไมถึงได้กล้าโอ้อวดตัวเองแบบนี้? สูตรยาลับอะไรกันถึงได้มีประสิทธิภาพในการรักษาที่ล้ำเลิศขนาดนี้?”
“อ่านสรรพคุณดูแล้วก็ไม่เลวเลยนะ!”
ชายร่างผอมที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง “ว่าแต่ยาปี่แป่หยกน้ำค้างอะไรนี่ขายยังไงเหรอ? ฉันเองไอไม่หยุดมาสองวันแล้ว ก็เลยอยากจะทดลองดูหน่อย!”
เย่โม่ไม่เสียเวลาบอกราคา เขาหยิบถ้วยกระดาษออกมา และจัดการรินยาต้มลงไปครึ่งแก้ว พร้อมกับร้องบอกชายร่างผอมว่า
“คุณสามารถทดลองดื่มดูก่อนได้ครับ ถ้าได้ผล ผมค่อยบอกราคา!”
“งั้นเหรอ? อืมม.. กลิ่นหอมดีนี่!”
ชายร่างผอมรับถ้วยกระดาษขึ้นมาดม และกลิ่นหอมของยาต้มในแก้วก็โชยมาเข้าจมูกของเขาทันที และแทบไม่ต้องคิด เขาจัดการกระดกยาต้มในแก้วกระดาษเข้าปากไปจนหมด
หลังจากนั้น ปฏิกิริยาของชายผู้นั้นก็ไม่แตกต่างจากลุงหวังเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความประหลาดใจอย่างยิ่ง ความเย็นชุ่มฉ่ำในลำคอกระตุ้นให้เขาสำลักอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะจ้องมองเย่โม่ด้วยสีหน้าแววตาประหลาดใจระคนอัศจรรย์ใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ยืนมองอยู่ ชายร่างผอมต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าที่จะสงบสติอารมณ์ได้ หลังจากนั้นเขาก็ยกนิ้วโป้งขึ้นชูให้เย่โม่พร้อมกับร้องออกมาด้วยความแปลกใจ
“พระเจ้า! ยานี่สุดยอดมากจริงๆ นอกจากอาการไอของฉันจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองหายใจได้คล่องขึ้นอีกด้วย! นี่พ่อหนุ่ม สรุปยาต้มนี้ขายยังไง?”
เย่โม่ยิ้มให้ชายร่างผอมพร้อมกับตอบไปว่า “แก้วละ 100 หยวน ขวดใหญ่นั่น 2000 หยวน! นี่เป็นสูตรยาลับจากบรรพบุรุษของผม ผมจึงไม่ต้องการติดป้ายราคาไว้ตั้งแต่แรก!”