ตอนที่แล้วระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 3 เกิดเรื่องแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 5 ได้ผลดีมาก

ระบบทักษะพลิกชีวิต - ตอนที่ 4 ยาต้ม


ตอนที่ 4 ยาต้ม

หลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว เจียงหมินก็ได้แต่อดทนต่อความเจ็บปวดตามร่างกาย เธอนั่งลงบนม้ายาวพร้อมกับอบรมเย่โม่ว่า

“โม่เอ๊ย วันนี้หลานทำเกินไปรู้มั๊ย? เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าสกุลจ้าวมีอำนาจอิทธิพลมากขนาดไหนในเมืองนี้ แล้วทำไมยังกล้าทำอะไรแบบนั้นอีกห๊ะ?”

เย่โม่ลูบไล้รอยช้ำตามขาของป้าสะใภ้อย่างเบามือ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ป้าครับ ไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จากนี้ไปพวกเราจะไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวคนพวกนั้นอีก แล้วก็ไม่ต้องคอยเป็นที่รองรับอารมณ์ของพวกมันด้วย!”

ในเมื่อเขามีระบบทักษะแข็งแกร่งที่สุดอยู่ในตัว เขาจึงไม่จำเป็นต้องสนใจตระกูลเล็กๆอย่างสกุลจ้าวอีก

ในระหว่างที่นวดให้ป้าสะใภ้อยู่นั้น เย่โม่ก็ได้อาศัยทักษะเรื่องการนวดระดับปรมาจารย์ของตนเอง ค่อยๆนวดคลายเส้นเลือดเพื่อขจัดสภาวะเลือดไหลเวียนติดขัดให้กับเจียงหมินไปด้วย

หลังจากนั้นไมนานนัก รอยฟกช้ำตามขาข้างขวาของเจียงหมินก็ค่อยๆ อันตรธานหายไปจนเกือบหมด เจียงหมินสัมผัสได้ว่า ความรู้สึกเจ็บปวดที่ขาก่อนหน้านี้ได้ลดลงไปมากแล้ว เธอจึงทดลองลุกขึ้นยืน พร้อมกับเหยียดขาออกดู

“โอ้?! เธอไปเรียนวิธีการนวดมาจากใครกัน? ได้ผลดีกว่าหมอจีนเก่งๆซะอีก ไม่น่าเชื่อเลย มันน่าทึ่งมากจริงๆ!”

ในขณะที่เย่โม่กำลังนึกหาข้ออ้างที่จะมาตอบเจียงหมินนั้น จู่ๆประตูบ้านก็ถูกถีบอย่างแรงจนเปิดผางออกทันที!

ชายวัยกลางคนร่างอวบอ้วนใบหน้าบึ้งตึงคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา และผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพ่อของจ้าวอู่นั่นเอง แล้วก็ยังเป็นเจ้าหน้าระดับสูงของสำนักงานพลเรือนประจำเมืองจินหม่าอีกด้วย เขาชื่อว่าจ้าวเต๋อเชิง

“ผู้อำนวยการจ้าว… นี่คุณ…”

เจียงหมินยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคด้วยซ้ำไป จ้าวเต๋อเชิงก็รีบยกมือขึ้นห้าม ดวงตาชั่วร้ายของเขาจ้องมองไปทางเย่โม่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“ลูกชายของฉันถูกแกทำร้ายร่างกายใช่มั๊ย? แกกล้ามาก! ฉันจะให้เวลาแกหนึ่งอาทิตย์ ไปจัดการหาเงินจำนวนสองหมื่นหยวนมาจ่ายเป็นค่าทำขวัญ และค่ารักษาพยาบาลของจ้าวอู่ให้ครอบครัวของฉันด้วย ห้ามขาดแม้แต่หยวนเดียว!”

หลังจากพูดจบ จ้าวเต๋อเชิงก็หันหลังเดินกลับออกไปทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้เจียงหมินได้อธิบายอะไรทั้งนั้น

เจียงหมินได้แต่ยืนแน่นิ่งพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเสียงเบา “สองหมื่นหยวน? นี่มันปล้นกันชัดๆ!”

หากเป็นก่อนหน้านี้ เงินจำนวนสองหมื่นหยวนก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก แต่ปัจจุบัน เงินจำนวนนี้กลับกลายเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูงสำหรับสกุลเย่!

“แล้วนี่จะไปหาเงินจำนวนสองหมื่นหยวนมาจากที่ไหน?”

เจียงหมินได้แต่พึมพำออกมาพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับ เธอเงยหน้าจ้องมองเย่โม่แน่นิ่งอยู่นาน ในที่สุดก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าขมขื่นใจ

“เฮ้อ.. นี่เป็นความซวยของป้าเอง ทำให้เธอต้องมาติดร่างแหไปด้วย เดี๋ยวรอให้ลุงของเธอกลับมา ป้ากับลุงจะปรึกษากันว่า จะไปหยิบยืมจากใครได้บ้าาง?”

“ป้าครับ ไม่ต้องไปหรอกครับ!”

เย่โม่ร้องห้าม แต่ดูเหมือนจะไม่ทันซะแล้ว เพราะเจียงหมินได้ลุกเดินออกไปจากห้องแล้ว เย่โม่ได้แต่กัดฟันกรอดพร้อมกับกำหมัดแน่น เขาเค้นคำพูดออกทางไรฟันด้วยความเดือดดาลใจ

“สองหมื่นหยวนเป็นค่ารักษาพยาบาลกับค่าทำขวัญ เรื่องชั่วช้าแบบนี้ไอ้หมาแก่ตัวนั้นยังกล้าพูดออกมาจากปากได้!”

ไม่ว่ายังไง จ้างเต๋อเชิงก็ไม่ควรเรียกร้องเงินจากครอบครัวของเขาถึงสองหมื่นหยวน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะสร้างความลำบากให้กับครอบครัวสกุลเย่อย่างมาก และเมื่อเย่โม่นึกถึงว่า ลุงของเขาเย่เจี้ยนกัวกับป้าสะใภ้จะต้องบากหน้าไปหยิบยืมเงินคนอื่น เพราะความหุนหันพลันแล่นของตัวเองแบบนี้ เย่โม่ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดปักลงไปกลางใจ

สังคมทุกวันนี้ช่างโหดร้ายมากเหลือเกิน หากใครไม่มีเงินทองหรืออำนาจ ก็ยากจะเงยหน้าอ้าปากต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองได้! กระทั่งการทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นจ้าวอู่ที่ทำร้ายร่างกายของเจียงหมินก่อน แต่กลับกลายเป็นว่าครอบครัวของเขากลับต้องตกเป็นจำเลย ต่อให้เมื่อครู่มีชาวบ้านคนอื่นๆเห็นเหตุการณ์ แต่ทุกคนต่างก็ต้องเข้าข้างสกุลจ้าวเพื่อเอาอกเอาใจพวกเขา ไม่ว่ายังไงคนสกุลเย่ก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายชนะอยู่ดีหากเกิดการฟ้องร้องกันขึ้น!

“ต่อให้ครั้งนี้ระบบทักษะจะไม่มอบหมายภารกิจในการหาเงินเพื่อแบ่งเบาครอบครัวให้เขาทำ เย่โม่ก็ตั้งใจว่าจะช่วยลุงกับป้าสะใภ้ของเขาหาเงินอยู่ดี! นั่นเพราะมีเพียงเงินตัวเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของสกุลเย่ได้”

“หึ! ถ้าฉันมีเงิน เรื่องนี้คงจบลงไม่ยาก ฉันจะใช้เงินทองที่มีไปหาคนที่มีตำแหน่งสูง และมีอำนาจอิทธิพลเหนือกว่าจ้าวเต๋อเชิง ถึงตอนนั้นอยากจะรู้นักว่ามันจะทำหน้ายังไง?”

เย่โม่รู้กระจ่างแจ่มแจ้งในใจดีว่า ขอเพียงแค่เขามีเงิน เขาก็จะสามารถสะสางปัญหาตรงหน้านี้ได้ไม่ยาก!

แต่ยิ่งเขาครุ่นคิดวิธีหาเงินมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออกมากเท่านั้น และในระหว่างนั้นเอง คุณลุงหวังเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันก็เข้ามาหา

“โม่.. แค๊กๆๆ เฮ้อ.. เธอไม่น่าจะใจร้อนแบบนั้นเลยรู้มั๊ย?”

“เมื่อครู่ฉันเห็นจ้าวเต๋อเชิงเดินออกไป แค๊กๆๆ ไอ้หมาแก่นั่นคงจะมาเรียกค่ารักษาและค่าทำขวัญจากเธอสินะ? ทั้งบ้านลุงมีอยู่แค่ห้าพันหยวน ลุงเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ลุงก็เลยช่วยเธอได้แค่นี้นะ… แค๊กๆๆ อย่าคิดว่ามันน้อยเกินไปก็แล้วกัน เอาไปใช้ก่อน แค๊กๆๆ”

ลุงหวังพูดไปก็ไอไปพร้อมกับยัดธนบัตรปึกหนึ่งลงไปในมือของเย่โม่ จากนั้นจึงรีบหันหลังเดินออกไปทันที

ระหว่างทางที่เดินออกไปยังคงไออย่างหนักอยู่หลายครั้งหลายครา นี่เป็นโรคปอดเรื้อรัง ซึ่งสาเหตุของอาการป่วยนั้นก็มาจากการที่เขาต้องทำงานในเตาเผาถ่านหินมาตั้งแต่ยังเด็กนั่นเอง

เขาไอหลายครั้งในขณะที่เขาจากไป นี่เป็นโรคปอดแบบเก่า ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยของเขา เขาตกงานในเตาเผาถ่านหินตั้งแต่ยังเด็ก

เย่โม่ยืนกำธนบัตรปึกนั้นไว้ในมือแน่น พร้อมกับจ้องมองแผ่นหลังของลุงหวังที่ค่อยๆเดินห่างออกไป ด้วยดวงตาที่เริ่มร้อนผะผ่าว

แต่แล้วจู่ๆ ความคิดหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นมาในหัวของเขา แววตาของเย่โม่เป็นประกายขึ้นมาทันที!

“โรคปอด ไอหนัก ปี่แป่…”

หลังจากคีย์เวิร์ดทั้งสามผุดขึ้นมาในหัวของเย่โม่ จู่ๆ ใบสั่งยาก็ปรากฏขึ้นภายในใจของเย่โม่ทันที - ปี่แป่หยกน้ำค้าง!

สรรพคุณของยาตัวนี้ก็คือ ช่วยหล่อเลี้ยงลำคอให้ชุ่มชื่น ละลายเสมหะ หยุดอาการไอเรื้อรัง บรรเทาโรคหอบหืด นอกจากนี้แล้วสรรพคุณของมันยังส่งผลที่ดีต่อคนไข้หอบหืดอีกด้วย

ในใบสั่งยาฉบับนี้ ต้องการวัตถุดิบในการปรุงยาอยู่หลายอย่าง เช่นปี่แป่ ชะเอม หอยเสฉวน และฝูหลิงเป็นสมุนไพรหลัก จากนั้นก็เพิ่มน้ำตาลกับน้ำเคี่ยวลูกแพร์แก่เข้าไป

สิ่งเดียวที่จะต้องระมัดระวังให้มากก็คือ สัดส่วนของส่วนผสมชนิดต่างๆ ที่จะมาต้มรวมกัน แต่สำหรับเย่โมแล้ว เรื่องพวกนี้กลับไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย!

นับตั้งแต่ที่เย่โม่ได้ทักษะการแพทย์ระดับปรมาจรย์มานั้น สมองของเขาก็ไม่ต่างจากห้องแล็บเคลื่อนที่ ในหัวสมองของเขาเวลานี้มีใบสั่งยาอยู่มากมายตั้งแต่ครั้งโบราณจนถึงปัจจุบัน และใบสั่งยาทั้งหมดตัวเขาเองก็ไม่เคยอ่านพบมาก่อนเช่นกัน ครั้งนี้ เขาจึงต้องเดิมพันเอาว่า ใบสั่งยาในหัวสมองของเขานั้น จะสามารถสร้างเสียงฮือฮาให้กับคนในเมืองนี้ได้หรือไม่?

“ใช่แล้ว! สูตรยาปี่แป่หยกน้ำค้างน่ะล่ะ ที่จะสามารถทำเงินให้กับฉันได้เร็วที่สุด! นี่ไม่เพียงฉันจะสามารถปฏิบัติภารกิจที่ระบบมอบหมายให้เสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังจะช่วยให้ลุงหวังหายจากอาการไอเรื้อรังนี้ด้วย นี่เท่ากับได้ตอบแทนลุงหวังไปในตัวด้วย!”

เย่โม่ลงมือตามที่ตนเองคิดโดยไม่ลังเลทันที เขานำเงินไปเก็บไว้ในลิ้นชักพร้อมกับล็อคไว้อย่างดี ก่อนจะเดินแบกเป้ขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็ว

เมืองจินหม่านั้นตั้งอยู่ตีนภูเขา อีกทั้งสมุนไพรที่เขียนไว้ในใบสั่งยาก็เป็นสมุนไพรพื้นๆทั่วไป เย่โม่จึงเดินกลับมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข พร้อมกับสมุนไพรที่อัดแน่นเต็มกระเป๋าเป้ด้านหลัง

ส่วนวัตถุดิบอื่นๆอย่างน้ำตาล ปี่แป่ และลูกแพร์แก่นั้น ก็มีอยู่ที่บ้านแล้วมากมาย เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไร

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เย่โม่ก็ได้นำสมุนไพรต่างๆออกมาล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงนำไปต้มกับน้ำเดือด ก่อนจะนำวัตถุดิบต่างๆผสมรวมกันตามสัดส่วนที่ได้ระบุไว้ในใบสั่งยา จากนั้นจึงค่อยๆปรับอุณหภูมิของไฟที่ต้มให้คงที่ และใช้ความรู้ที่ได้จากทักษะการแพทย์ระดับปรมาจารย์ ค่อยๆต้มยาไปเรื่อยๆ

เย่โม่ปล่อยให้ยาต้มของเขาผ่านความร้อนในระดับที่กำหนดไปหนึ่งชั่วโมง.. และสองชั่วโมง…

ไม่นานนัก หม้อยาที่ต้มปี่แป่กับส่วนผสมต่างๆก็เริ่มกลายเป็นสีเหลือง กลิ่นหอมของมันโชยออกมากระทบจมูกของเย่โม่ พื้นผิวของยาต้มดูเรียบใสราวแผ่นกระจก

หลังจากปล่อยให้ค่อยๆเย็นลงแล้ว เย่โม่จึงได้หยิบเอาช้อนขึ้นมาตักชิมรสชาติ กลิ่นหอมบางเบาบวกกับรสชาติหวานนั้น ทำให้ยาหม้อนี้มีกลิ่นและรสชาติที่น่ากิน

และในที่สุด เขาก็ปรุงยาปี่แป่หยกน้ำค้างได้สำเร็จ!

เย่โม่อดไม่ได้จนต้องตักดื่มไปอีกสองสามคำ หลังจากนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่า ลำคอของเขาโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้กระทั่งการหายใจก็ราบรื่นกว่าปกติมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด