ตอนที่ 15 ตระกูลหลี่
ตอนที่ 15
ตระกูลหลี่
“หรือว่าเจ้า....”เจ้าสำนักราชาวิญญาณมองฝ่ามือของตนที่โดนหยุดเอาไว้อย่างง่ายดายด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ หรือว่าแท้จริงแล้วชาวนาคนนี้จะเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ
“เจ้าเป็นผู้ใช้พลังธาตุหินสินะ”หลี่ซุนมองฝ่ามือที่แทรกพลังธาตุหินเข้าไปในแขนก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์เช่นไร และมันก็น่าพึงพอใจไม่น้อยเพราะหากเจ้าสำนักราชาวิญญาณเป็นผู้ใช้พลังธาตุน้ำละก็สิ่งที่เขาคิดจะทำก็ไร้ผล
เปรี้ยง!!!
ระหว่างอยู่ในท่ารับฝ่ามือของเจ้าสำนักราชาวิญญาณ หลี่ซุนก็รวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ที่ฝ่ามือของตนรอเอาไว้แล้ว พริบตาระหว่างที่เจ้าสำนักราชาวิญญาณกำลังตกใจอยู่นั้น ฝ่ามือของหลี่ซุนก็ทะลวงเข้าไปที่อกของเจ้าสำนักราชาวิญญาณไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยกำลังของหลี่ซุนไม่ได้ผลักร่างของเจ้าสำนักราชาวิญญาณออกไปไกลนัก ทว่าที่อกของเจ้าสำนักราชาวิญญาณกลับเหลือรอยประทับรูปฝ่ามือเอาไว้บนเสื้อ โดยรอยประทับนั้นก็คือน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนเสื้อนั่นเอง
“อัก....”เจ้าสำนักราชาวิญญาณล้มลงกับพื้นกระอักเลือดออกมา แต่ความเจ็บปวดกลับไม่มากเท่าไหร่ทว่าสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของเจ้าสำนักราชาวิญญาณซีดเผือดก็คือความหนาวเหน็บที่แล่นเข้ามาในร่างกายราวกับรอยฝ่ามือของหลี่ซุนเป็นรูโหว่ให้ไอเย็นไหลเข้ามาไม่หยุด
“วิชานี่มันอะไรกัน เจ้า......”เจ้าสำนักราชาวิญญาณหนาวสั่นไปทั้งตัวจนพยุงร่างของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ โชคดีจริงๆที่เจ้าสำนักราชาวิญญาณเป็นผู้ใช้พลังธาตุหินทำให้ไม่มีภูมิคุ้มกันธาตุน้ำเสียเท่าไหร่ทำให้วิชาของหลี่ซุนสามารถฝังพลังธาตุน้ำที่ทำให้ร่างกายเย็นเฉียบจนกลายเป็นน้ำแข็งเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ท่านเจ้าสำนัก....”เหล่าลูกน้องของเจ้าสำนักราชาวิญญาณเห็นภาพเบื้องหน้าก็ใจหายวาบ เพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้นยอดฝีมืออย่างท่านเจ้าสำนักก็ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้าบ้านตระกูลหลี่ผู้นี้แข็งแกร่งเกินกว่าพวกตนจะรับมือได้อย่างแน่นอน
“............”หลี่ซุนมองเหล่าลูกน้องของเจ้าสำนักราชาวิญญาณที่ยังเหลืออยู่ 3 คนด้วยท่าทีนิ่งเงียบ พวกเขาพยายามจะเข้ามาช่วยเจ้าสำนักราชาวิญญาณแต่น่าเสียดาย ในเขตเมืองภูผาทองแดงแห่งนี้ไม่มีหมอคนใดรักษาเจ้าสำนักราชาวิญญาณได้อีกแล้ว มันจะต้องทนหนาวเหน็บไปตลอด 7 วัน ต่อให้พามันไปนั่งในเตาหลอมมันก็ยังต้องหนาวตายอยู่ดี ทว่าการลงมือครั้งนี้เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น หลี่ซุนใช้ชีวิตเยี่ยงชาวนามาเนิ่นนานนับสิบปีไม่คิดว่าจะต้องลงมือสังหารคนอีก ตอนนี้จะฆ่าพวกลูกน้องของเจ้าสำนักราชาวิญญาณอีกกลับลงมือไม่ลง
“พวกเจ้าเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย แล้วอย่ากลับมาอีก”หลี่ซุนถอนหายใจกับความใจอ่อนของตัวเองก่อนจะสั่งให้ลูกน้องที่เหลืออยู่ 3 คนจัดการพื้นที่ให้เรียบร้อย โชคดีที่บุตรสาวและภรรยาของเขายังไม่ตื่นไม่อย่างนั้นพวกนางคงตกใจเป็นแน่
“ขะ ขอรับ......”อยู่ๆก็โดนใช้งาน แต่ในใจของเหล่าลูกน้องของเจ้าสำนักราชาวิญญาณกลับตื้นตันไม่น้อย เห็นภาพท่านเจ้าสำนักโดนล้มในฝ่ามือเดียวลูกน้องอย่างพวกตนจะเอาอะไรมาปกป้องตนเองได้ ในเมื่อท่านจอมยุทธปล่อยตัวพวกมันก็นับเป็นบุญของพวกมันแล้ว
“ลูกชิง เจ้าตกใจหรือเปล่า”หลี่ซุนปล่อยพวกลูกน้องของเจ้าสำนักราชาวิญญาณไปก็หันกลับมาหาบุตรชายและเด็กสาวที่ตนรับเลี้ยงดูเอาไว้ ปกติหลี่ซุนไม่เปิดเผยฝีมือเพราะอยากอาศัยในหมู่บ้านเงียบๆ วันนี้ต้องแสดงฝีมือออกมาเพราะต้องการปกป้องครอบครัว แต่ฝ่ายที่ควรจะตกใจต้องเป็นตัวเขาเองเสียมากกว่า นอกจากเด็กที่เก็บมาเลี้ยงจะมีพลังวิญญาณสูงกว่าเด็กทั่วไปแถมยังมีเพลิงนพเก้าอยู่กับตัวแล้ว บุตรชายของเขาเองยังสามารถเรียกอสูรม้าออกมาต่อสู้แทนตนได้อีก
ในตอนแรกหลี่ซุนก็แอบเห็นแล้วว่าลู่ชิงสามารถอัญเชิญม้าออกมาได้ ตอนนั้นเขาก็คิดว่าเป็นเพราะสายเลือดของภรรยาอย่างเอ้อหลางทำให้ลู่ชิงมีพลังวิญญาณสูงมาตั้งแต่กำเนิดทำให้ลู่ชิงสามารถใช้พรสวรรค์ของตนได้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เพียงแต่ไม่คิดว่าม้าที่ลู่ชิงอัญเชิญออกมานั้นจะเป็นอสูรที่แข็งแกร่งขนาดสามารถจัดการเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับ 6 ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
“ไม่หรอกขอรับ ข้ากับน้องหลินคิดเอาไว้อยู่แล้วขอรับว่าท่านพ่อต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่”ลู่ชิงตอบด้วยใบหน้าใสซื่ออย่างมาก ความจริงหลี่ซุนก็ไม่ได้กักเก็บพลังของตนเอาไว้อย่างมิดชิดเสียเท่าไหร่ บางครั้งในเวลาที่คิดว่าไม่มีใครเห็นหลี่ซุนก็ใช้พลังออกมานิดหน่อยอย่างตอนที่ต้องตัดต้นไม้ในป่าคนเดียว ตอนที่มีสัตว์ป่าหลุดเข้ามาหลังบ้าน หรือตอนที่เผลอขี้เกียจทำงานแล้วใช้พลังวิญญาณทำให้งานเสร็จไวขึ้น บางทีคนในหมู่บ้านบางคนก็คงจะแอบสังเกตเห็นแล้วก็เป็นได้
“งั้นหรือ....”หลี่ซุนยิ้มเจื่อนๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่แท้พวกลูกๆก็รู้อยู่แล้วนี่เอง
“เจ้าอยากให้พ่อสอนเจ้าหรือเปล่า”หลี่ซุนเขินอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามคำถามกบบุตรชายขึ้นมา ปกติแล้วเด็กผู้ชายมักจะชอบการฝึกฝนพลังวิญญาณ เด็กๆในหมู่บ้านต่างก็เล่นสมมุติว่าตนเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณกันทั้งนั้น แน่นอนว่าระดับพลังของลู่ชิงย่อมสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณรวมถึงทักษะวิญญาณได้อย่างแน่นอน ในเมื่อความลับแตกเสียหลี่ซุนเลยลองถามบุตรชายดูว่าอยากจะฝึกวิชาของตระกูลหรือไม่
“ไม่ขอรับ ข้าเพียงอยากจะใช้พรสวรรค์ของตัวเองเรียกสหายออกมาเท่านั้น ไม่ต้องการต่อสู้หรอกขอรับ”ลู่ชิงส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิด แต่เดิมเขาลงมาเกิดก็ไม่ใช่ความต้องการของตนอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ลู่ชิงต้องการตั้งแต่ก่อนจะลงมาเกิดนั้นก็คือการใช้วิชาอัญเชิญนั่นเอง สักวันเขาอาจจะเรียกตงเป่าตอนโตออกมาก็เป็นได้
“ดีแล้ว ในโลกนี้วุ่นวายเกินไป เจ้ารักสงบเช่นนี้พ่อก็วางใจ”หลี่ซุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเพราะตัวหลี่ซุนเองก็เคยผ่านช่วงเวลาชิงดีชิงเด่นจากคนในครอบครัวรวมทั้งคนในยุทธจักรมาก่อน วันหนึ่งได้พบหญิงงามและได้ตกหลุมรักถึงได้ทราบว่าแท้จริงแล้วชีวิตควรจะเป็นเช่นไร
“อากาศเริ่มหนาวแล้ว พวกเราเข้าบ้านกันเถอะ”หลี่ซุนเดินเข้าไปจับแผ่นหลังของบุตรชายก่อนจะพาเด็กทั้ง 2 คนเดินกลับเข้าบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักราชาวิญญาณมาในครั้งนี้ต้องการอะไร แต่เจ้านั่นก็เหลือเวลาให้คิดอีก 7 วันเท่านั้นล่ะ
.
.
.
ปึง!!
“หมายความว่ายังไงรักษาไม่ได้”เสียงทุบโต๊ะพร้อมเสียงโวยวายของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากภายในห้องยาของสำนักราชาวิญญาณ อยู่ๆบุตรชายของตนก็ออกเดินทางไปหมู่บ้านใกล้ๆบอกว่าจะไปตรวจสอบอะไรเสียหน่อย ไม่นึกว่าหลังจากนั้นบุตรชายของตนจะกลับมาในสภาพปางตาย แถมหมอที่เรียกมาก็ยังรักษาอาการนี้ไม่ได้อีกต่างหาก
“ท่านอดีตเจ้าสำนัก เรื่องนี้เกิดกว่ามือข้าน้อยจริงๆขอรับ วิชาที่ท่านเจ้าสำนักโดนโจมตีแปลกพิสดารเป็นอย่างมาก ข้ากลัวว่าผู้ลงมือจะเป็นยอดฝีมือขอรับ”แพทย์ที่กำลังทำการรักษาเจ้าสำนักราชาวิญญาณประสานมือคารวะชายชราด้วยท่าทีหวาดกลัว แม้จะมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้บุตรชายไปแล้วแต่อดีตเจ้าสำนักก็ยังเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่แพ้บุตรชายอยู่ดี หากทำอะไรไม่สบอารมณ์ท่านอาจจะตายได้โดยไม่รู้ตัว
“เจ้าเป็นหมอที่เก่งที่สุดในเมืองไม่ใช่หรือไง หากเจ้ารักษาไม่ได้แล้วใครมันจะรักษาได้”อดีตเจ้าสำนักโวยวายเสียงดังก่อนจะเตะเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ๆจนพังไม่มีชิ้นดี บุตรชายของตนยังไม่ตายจะบอกว่าไม่มีทางรักษาแล้วต้องปล่อยให้เขาตายหรืออย่างไร
“ข้ารักษาไม่ได้หรอกขอรับ แต่ข้าพอจะทราบว่าใครสามารถรักษาได้”ท่านหมอที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าตอบพลางมองไปที่รอยฝ่ามือบนอกของเจ้าสำนักราชาวิญญาณ แม้จะไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองแต่ก็เคยได้ยินเสียงร่ำลือมาบ้าง
“ใคร”อดีตเจ้าสำนักถามด้วยท่าทีมีความหวังไม่น้อย ไม่ว่าผู้ที่รักษาได้จะเป็นใครมันก็จะไปหาแล้วจ่ายไม่อั้นเพื่อให้คนคนนั้นรักษาบุตรชายให้
“ตระกูลหลี่แห่งเมืองเมฆาหยกขอรับ”ทันทีที่ท่านหมอให้คำตอบ ใบหน้าของอดีตเจ้าสำนักก็ชะงักค้างไปทันที หากผู้รักษาได้เป็นแพทย์มีชื่อยังพอจะไปขอร้องได้ แต่ตระกูลหลี่แห่งเมืองเมฆาหยกนั้น.....
“ทำไมต้องเป็นตระกูลหลี่ด้วย”อดีตเจ้าสำนักถามออกไปด้วยท่าทีไม่เข้าใจ ตระกูลหลี่เป็นตระกูลของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ ในตระกูลมีแต่ยอดฝีมือที่แม้แต่สำนักใหญ่ยังต้องเกรงอกเกรงใจ แม้สำนักราชาวิญญาณของตนจะนับว่าไม่เลว แต่เอาไปเทียบกับตระกูลหลี่ก็คงเหมือนสำนักเล็กๆเท่านั้น การไปขอร้องตระกูลหลี่ก็เหมือนขอทานไปเคาะประตูบ้านผู้ดีนั่นล่ะ
“ฝ่ามือที่ท่านเจ้าสำนักโดน คาดว่าจะเป็นฝ่ามือฝังวิญญาณของตระกูลหลี่ ฝ่ามือชุดนี้ส่งพลังธาตุของตนฝังเข้าไปในร่างของผู้อื่น หากเป็นธาตุไฟก็จะทุรนทุรายจนตาย หากเป็นธาตุน้ำก็จะแข็งตาย วิชานี้แม้จะเคยได้ยินเท่านั้นแต่ข้าก็มั่นใจว่าวิชาที่ท่านเจ้าสำนักโดนต้องเป็นวิชาของคนตระกูลหลี่แน่ๆขอรับ”ท่านหมอตอบออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ เพราะวิชานี้แปลกเกินไปนั่นล่ะเลยเป็นจุดสังเกตได้ง่าย
“ตระกูลหลี่งั้นหรือ......”ตอนนี้อดีตเจ้าสำนักเสียงแผ่วลงไปมาก ไม่ใช่แค่ต้องไปขอร้องตระกูลหลี่เท่านั้น แต่การเดินทางยังใช้เวลานาน เช่นนั้นนอกจากจะต้องเร่งเดินทางแล้วยังต้องพาบุตรชายที่กำลังบาดเจ็บเดินทางไปด้วย
“เตรียมม้า ข้าจะรีบออกเดินทาง”เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มที อดีตเจ้าสำนักเลยรีบเร่งสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมม้าสำหรับเดินทางไกลมาทันที เรื่องจะติดต่อตระกูลหลี่อย่างไรนั้นเอาไว้ค่อยคิด ตอนนี้ต้องเอาบุตรชายให้รอดก่อน
.
.
.
“หลี่ซุน เมื่อวานมีคนเห็นโจรเข้ามาในหมู่บ้าน บ้านพวกเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของบ้านตระกูลหลี่ ท่านลุงจงไห่ที่อยู่ในบ้านไม่ห่างจากครอบครัวตระกูลหลี่นักเดินเข้ามาในบ้านของหลี่ซุนอย่างคุ้นเคยก่อนจะเล่าเรื่องเมื่อคืนให้หลี่ซุนได้ฟัง
ดูเหมือนเมื่อวานจะเกิดเสียงดังขึ้นภายในหมู่บ้าน แต่ทุกคนที่ออกมาจากบ้านต่างบอกว่าเห็นเพียงเงารางๆของคนในชุดดำเท่านั้น พอตื่นเช้ามาก็ไม่มีบ้านไหนได้รับความเสียหายหรือข้าวของหายไป แต่เพราะมีคนเห็นคนในชุดดำหลายคนเลยเข้าใจว่ามีโจรแอบเข้ามาในหมู่บ้านไม่ผิดแน่
“ไม่มีอะไรนะขอรับ บ้านของข้าสงบดี”หลี่ซุนตอบพลางมองไปทางบุตรชายและเสี่ยวหงที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านพร้อมๆกับบุตรสาวอย่างหลินเยว่ เจ้าพวกผู้บุกรุกนั่นเก็บกวาดกันเรียบร้อยตามคำสั่งดี ในบ้านตระกูลหลี่เลยสะอาดเอี่ยมกว่าเดิมเสียอีก
“ระวังหน่อยล่ะ บ้านเจ้ายิ่งมีเด็กเยอะอยู่ หากมีเรื่องอะไรก็ตะโกนเรียกข้าได้เลยข้าไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหลานหลินเยว่แน่ๆ”ลุงจงไห่ตอบพลางยืดอกอย่างมั่นใจ ถึงอย่างไรลุงจงไห่ก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านนี่นา
“ขอรับพี่ไห่ ข้าจะเรียกท่านแน่นอน”หลี่ซุนยิ้มรับด้วยท่าทีซึ้งใจ ในโลกข้างนอกนั้นมีแต่เรื่องการแก่งแย่งชิงดี ที่นี่กลับมีมิตรผู้ยอมออกหน้าให้หากมีภัย การอยู่ที่นี่เป็นเรื่องที่หลี่ซุนคิดว่าทำถูกต้องแล้วจริงๆ