725-726
5/10
Ep.725
“ซูเฉิน ยั้งมือก่อน!”
“น้องซู ใจเย็นไว้!”
สีหน้าของฉางไช่หลี่กับกู่เทียนฮวาแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ตะโกนขึ้นพร้อมกัน
หาก [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ตกลงมา ต่อให้น่านหลีชวนไม่ตาย ก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่คือสิ่งที่ทั้งคู่ไม่อยากจะเห็น
เป้าหมายของซูเฉินนับว่าบรรลุแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่ลงมืออีก ถอน [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] กลับมา กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ผู้อาวุโสน่านแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ ผู้เยาว์ขอยอมแพ้”
ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าชราของน่านหลีชวนแดงระเรื่อ ลามไปถึงใบหู
ซูเฉินยอมถอยให้เขามีทางลง เจ้าตัวกระจ่างแก่ใจดี แต่ทางลงนี้สามารถไปได้อย่างนั้นหรือ?
ฉางไช่หลี่กับกู่เทียนฮวาต่างเห็นเต็มสองตา ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร
หากนี่คือทางลง มองยังไงก็เป็นทางลาด 90 องศาชัดๆ! ศักดิ์ศรีของผู้เฒ่าเช่นเขาไม่เหลือแล้ว!
“เราผู้เฒ่าไม่เก่งเหมือนที่คนอื่นว่าหรอก –ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้ เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งหน้าซื่อใจคดเช่นนี้” น่านหลีชวนส่งเสียฮึดฮัด ในใจเขาโกรธมาก
ซูเฉินไม่ได้โกรธอะไรกับคำด่าทอนี้ เผยรอยยิ้มบางและกล่าวว่า “เช่นนั้นขอบคุณผู้อาวุโสที่ยอมแพ้!”
ฉางไช่หลี่ถอนหายใจ สมองเริ่มปั่นความคิด ก้าวออกมาข้างหน้า กระซิบว่า “ศิษย์พี่น่าน ซูเฉิน ทั้งสองคนมากับข้า”
สิ้นเสียง เธอก็เดินไปยังห้องใต้ศาลาไม้
ซูเฉินปาดจมูกเขา ตามหลังไปติดๆ
น่านหลีชวนมองตามแผ่นหลังของฉางไช่หลี่ แค่นเสียงเบาๆ แววตายังทอประกายโกรธแค้นไม่หาย
หากไม่ใช่เพราะความคิดชั่วร้ายของฉางไช่หลี่ ให้เขากับซูเฉินประลองกัน เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้
โชคดีที่มีคนเห็นไม่เยอะ ตราบใดที่สั่งให้ปิดปาก เรื่องนี้จะไม่มีทางแพร่งพรายออกไป
ดังนั้น ก่อนจะเดินตามคนอื่นๆ น่านหลีชวนถลีงตาใส่กู่เทียนฮวาอย่างดุร้าย สื่อความหมายชัดเจน ‘หากกล้าพูดไร้สาระ ข้าจะไม่ปราณีเจ้า!’
ร่างของกู่เทียนฮวาสั่นสะท้าน พยักหน้ารับอย่างแรง ราวกับเข้าใจความคิดที่น่านหลีชวนสื่อมา พยักหน้าให้คำมั่นหนักแน่น
เห็นภาพนี้ น่านหลีชวนค่อยรู้สึกโล่งใจ หันหลังเดินตามไปยังห้องใต้ศาลา
…
ข้างในห้องใต้ศาลา ฉางไช่หลีมองซูเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ซูเฉิน ตอนนี้เจ้าได้เข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราแล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญบางประการ ต้องการหารือกับเจ้า”
“ท่านประมุขเชิญกล่าว” ซูเฉินตอบอย่างสบายๆ
ฉางไช่หลีพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากสบตากับน่านหลีชวน ก็ค่อยๆเปิดปากว่า
“ก่อนที่ข้าจะพูดอะไรออกไป ข้าอยากถามว่าเจ้าจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะได้ในระยะเวลาอันสั้นหรือไม่?”
การเลื่อนขั้นสู่ระดับเทวะ เป็นเรื่องลำบากยากเข็ญสำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลก มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้น หมื่นปีที่ผ่านมา ในเผ่ามนุษย์คงมีระดับเทวะถือกำเนิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับซูเฉิน ตัวเขาสามารถเลื่อนขั้นได้โดยการเก็บชิ้นส่วน
ตราบใดที่จำนวนชิ้นส่วนถึงกำหนด เขาสามารถแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนในการเลื่อนขั้นได้
“ท่านประมุข ‘ระยะเวลาอันสั้น’ ที่ว่า ท่านหมายถึงสั้นแค่ไหน?”
ซูเฉินถูจมูกเขา เอ่ยถามกลับ
“ภายใน 100 ปี” ฉางไช่หลีกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
100ปี?
ซูเฉินส่ายหัว ทั้งยังเกิดความรู้สึกว่าฉางไช่หลี่ดูถูกเขามากเกินไป
ต้องรู้นะว่าการที่เขามาถึงขั้น 8 นี้ มันใช้เวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น
หากให้ระยะเวลา 100 ปี ไม่แน่ว่าเขาอาจไปอยู่ในขอบเขตเทพเจ้าในตำนานแล้วก็ได้
แน่นอน เขาจะไม่พูดแบบนั้นออกไป
หนึ่งปีฝึกฝนสามารถถึงขั้น 8 มันน่าสยองเกินไป หากเอ่ยออกมา ยากจะรับประกันว่าจะไม่เกิดปัญหา
ซูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนั้น อย่างเร็วที่สุดคือ 1 ปี อย่างช้าก็ 3-5 ปี ก็น่าจะขึ้นเป็นระดับเทวะแล้ว”
ใช้เวลาเร็วสุดหนึ่งปีก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะ?
ห้ามลืมนะว่าปัจจุบันซูเฉินอยู่แค่ขั้น 8 เท่านั้น ยังคงห่างชั้นกับระดับเทวะอีกหลายขั้น กล้าดียังไงมาเอ่ยวาจาเพ้อเจ้อเช่นนี้?
ทั้งฉางไช่หลีกับน่านหลีชวนต่างตกตะลึงจนเฉื่อยชาไปเล็กน้อย
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ฉางไช่หลี่ก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง ถามหยั่งเชิงว่า “ซูเฉิน เจ้ามั่นใจจริงๆ? คงไม่ใช่ล้อเล่นกับพวกเราใช่ไหม?”
6/10
Ep.726
“ท่านประมุข ผมพูดเพราะผมทำได้จริงๆไม่ได้ล้อเล่น”
ซูเฉินหัวเราะ กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากให้ผมเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะในระยะเวลาสั้นๆ เงื่อนไขเบื้องต้นคือต้องมีทรัพยากรในการฝึกตนเป็นจำนวนมาก”
ที่จริงแล้ว ทรัพยากรฝึกตนไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนัก เพียงแต่ [รถศึกอัจฉริยะ] ต้องใช้หินพลังงานขั้น 8 และวังสุริยันจันทราก็มีมันอยู่ส่วนหนึ่ง เขาเลยอ้างไปเรื่อย จะได้รู้ไปเลย ว่าในวังมีหินพลังงานที่ว่าอยู่จริงๆหรือไม่
“ตราบใดที่เจ้าสามารถรับประกันว่าเจ้าจะเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะได้ภายใน 100 ปี ทรัพยากรฝึกตนทั้งหมดที่วังสุริยันจันทรามี จะถูกมอบให้เจ้าก่อนเป็นคนแรก เจ้าสามารถเบิกใช้ได้ตามต้องการ ต่อให้ใช้จนหมดก็ช่างประไร” ฉางไช่หลี่ให้คำมั่น
‘นี่พวกเขาจะใจดีเกินไปหน่อยไหม?’ ซูเฉินถึงกับอ้าปากค้าง แต่พอลองคิดดูดีๆ ก็เกิดความรู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่น่าจะง่ายถึงขนาดนั้น เอ่ยถามว่า “ท่านประมุข ท่านดูรีบร้อนเกินไป หรือว่ายังมีเรื่องอะไรที่ผมยังไม่รู้?”
“ต่อให้เจ้าไม่ถามเรื่องนี้ ข้าก็กำลังจะบอกพอดี”
ฉางไช่หลี่ดูจริงจังมาก ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นกล่าวว่า “บรรพชนระดับเทวะทั้งสองของเรากำลังพบปัญหาใหญ่ นั่นเป็นเหตุผลที่เรารีบร้อนให้เจ้าเลื่อนขั้นสู่ระดับเทวะ”
ได้ยินแบบนั้น หนังตาของซูเฉินกระตุกขึ้นทันใด
บรรพชนระดับเทวะคือเสาหลักของนิกายอย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้นการที่พวกเขามีปัญหา สำหรับนิกายแล้วจึงเป็นเรื่องร้ายแรงมาก และมีแนวโน้มว่าหากถูกขุมกำลังอื่นรุกราน พวกเขาอาจล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง
“ท่านประมุข … เกิดอะไรขึ้นกับบรรพชนระดับเทวะทั้งสองกันแน่?” ซูเฉินถาม
เมื่อก้าวสู่ระดับเทวะ ไม่มีทางที่จะเกิดปัญหาโดยไม่มีเหตุผล มันจะต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่แน่
ฉางไช่หลี่ถอนหายใจ กล่าวอย่างช้าๆว่า “ท่านบรรพชนจ้านเทียนใกล้ถึงวาระของชีวิตแล้ว เกรงว่าจะดับสูญลงในอีก 100 ปีข้างหน้า ส่วนท่านบรรพชนจ้านตี้ ได้ยินว่าท่านได้เข้าสู่ซากมิติ แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ทราบว่าตายไปแล้ว หรือยังติดอยู่ข้างในนั้น”
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
ซูเฉินค่อยเข้าใจ ว่าทำไมฉางไช่หลี่ถึงรีบร้อนให้เขาเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะภายใน 100 ปี ที่แท้คนแรกกำลังจะตาย ส่วนคนหลังหายตัวไป หากร้อยปีต่อมายังไม่ปรากฏระดับเทวะคนใหม่เข้ามาคุมสถานการณ์ วังสุริยันจันทราเกรงว่าคงไม่ยิ่งใหญ่ดังเช่นเก่าก่อน หรือถ้าคิดในแง่ร้าย อาจถูกขุมกำลังอื่นใช้โอกาสนี้โค่นล้มเอาได้
“ท่านประมุข ผมไม่มีปัญหาเรื่องเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะ เรื่องนี้ท่านวางใจได้”
เมื่อรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซูเฉินก็ให้คำมั่นแก่ฉางไช่หลี่
“งั้นก็ดีแล้ว” ฉางไช่หลี่ถอนหายใจ
พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของซูเฉิน เธอได้พิสูจน์ด้วยตาตัวเองแล้ว ดังนั้นเชื่อมั่นในตัวซูเฉินอย่างเต็มเปี่ยม
“ท่านประมุข ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องขอตัวก่อน” ซูเฉินกล่าวเสียงเรียบ
เวลานี้เขาแยกกับพวกตันหลินมาซักพักแล้ว เลยอดกังวลเล็กน้อยไม่ได้
“ไปเถอะ ถ้าเจ้าต้องการอะไร ขอให้บอกกู่เทียนฮวา เดี๋ยวเขาจะจัดการให้เอง” ฉางไช่หลี่ตอบ
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินเลยยังไม่รีบร้อนจากไป เอ่ยปากว่า “ท่านประมุข ถ้าในวังมีหินพลังงานขั้น 8 ผมอยากจะขอหยิบยืมก่อน พอดีต้องการใช้มันอย่างเร่งด่วน”
“เจ้าต้องการเท่าไหร่?” ฉางไช่หลี่เอ่ยถาม
ปัจจุบันซูเฉินคือความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวังสุริยันจันทรา ตราบใดที่เอ่ยปากขอ เธอจะตอบสนองให้ดีที่สุด
“ประมาณ 20 ก้อน” ซูเฉินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจบอกจำนวนทั้งหมดในคราเดียวไปเลย
ถ้าอยากให้ [รถศึกอัจฉริยะ] อัพเกรดเป็นขั้น 8 จำเป็นต้องใช้หินพลังงานขั้น 8 จำนวน 20 ก้อน ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
“วังสุริยันจันทราของพวกเรามีหินพลังงานขั้น 8 อยู่เพียง 7 ก้อน เดี๋ยวข้าจะหาคนไปส่งให้เจ้าในภายหลัง ส่วนที่เหลือจะพยายามแลกเปลี่ยนมันกับขุมกำลังอื่น”
“ขอบพระคุณท่านประมุข”
ซูเฉินมีความสุขมาก กล่าวขอบคุณ แล้วออกจากที่แห่งนี้
หลังจากนั้น ภายใต้การนำทางของกู่เทียนฮวา ทั้งคู่เข้าไปยังอีกด้านของอีกหุบเขาหนึ่ง
พื้นที่ของหุบเขานี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ สภาพแวดล้อมก็ดี ทั้งยังมีอาคารไม้ตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว