721-722
1/10
Ep.721
“คารวะท่านประมุข”
เห็นฉางไช่หลี่เดินออกมาจากตำหนัก กู่เทียนฮวารีบกล่าวทักทาย
ฉางไช่หลี่พยักหน้ารับเล็กน้อย กล่าวว่า “เทียนฮวา เจ้าก็ตามไปกับพวกเราด้วย”
“ขอรับ”
กู่เทียนฮวาตอบด้วยความเคารพ จากนั้นเดินมาข้างซูเฉิน กระซิบถามว่า “น้องซู ท่านประมุขจะพาพวกเราไปที่ไหน?”
ซูเฉินส่ายหัว ฉางไช่หลี่บอกเพียงว่าให้ตามเธอไป แต่ไม่ได้อธิบายอะไรอีก เขาเลยไม่รู้เหมือนกัน
สิบนาทีต่อมา ทั้งสามคนเข้ามาถึงส่วนลึกของหุบเขา
หุบเขานี้ไร้นาม แต่มีชื่อเสียงมากในวังสุริยันจันทรา เหตุผลก็เพราะมีผู้แข็งแกร่งขั้น 10 อาศัยอยู่ นาม ‘น่านหลีชวน’
วังสุริยันจันทรามีผู้แข็งแกร่งขั้น 10 อยู่สองคน คือฉางไช่หลี่กับน่านหลีชวน แต่มีข่าวลือว่า ความแข็งแกร่งของน่านหลีชวนเหนือกว่าฉางไช่หลี่
ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายหลังเลยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของวังสุริยันจันทรา
“ท่านประมุขมาทำอะไรที่นี่?” กู่เทียนฮวาพึมพำพลางขมวดคิ้ว
ส่วนซูเฉิน เวลานี้เขาเดาจุดประสงค์ของฉางไช่หลี่ออกแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดว่า ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้น 10 ไม่มีใครสู้เขาได้ ฉางไช่หลี่ย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน ดังนั้นเลยต้องการให้ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของวังสุริยันจันทราทดสอบดู
“ศิษย์พี่น่าน”
ทันทีที่เข้ามาในหุบเขา ฉางไช่หลี่ตะโกนไปทางศาลาไม้กลางหุบเขา
ไม่นาน ชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเทา ดูสกปรกมอมแมมได้เดินออกมาจากศาลา ใบหน้าบูดบึ้งไม่รับแขก เมื่อเดินเข้ามาใกล้ ก็หรี่ตาสำรวจมองผู้มาเยือนทั้งสาม
“ศิษย์น้องหญิงฉาง มาถึงที่นี่ มีอะไรให้ข้าช่วย?”
ฉางไช่หลี่ชี้ไปทางซูเฉิน แนะนำว่า “ศิษย์พี่น่าน เขาชื่อซูเฉิน เป็นศิษย์คนใหม่ของวังสุริยันจันทราเรา”
น่านหลีชวนเกิดความสับสนเล็กน้อย จ้องมองฉางไช่หลี่ด้วยความงุนงง ลอบกล่าวในใจว่า ‘วังสุริยันจันทรารับศิษย์ใหม่ ไม่เห็นจำเป็นต้องวิ่งแจ้นมาแนะนำให้ข้ารู้จักเสียหน่อย? เอ .. หรือว่าต้องการให้ข้ารับมันเป็นศิษย์?’
ฉางไช่หลี่รู้สึกได้ว่าน่านหลีชวนกำลังเข้าใจผิด อธิบายด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่น่าน วัตถุประสงค์ที่ข้ามาที่นี่มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคืออยากให้ท่านประลองกับซูเฉิน”
“ว่ากระไร!?”
สีหน้าของน่านหลีชวนแข็งค้าง เผลอคิดว่าฉางไช่หลี่ใช่มาที่นี่เพื่อก่อกวนเขาหรือไม่?
ให้เขาประลองกับ ศิษย์รุ่นหลังเนี่ยนะ? ไม่ใช่ว่ามีกู่เทียนฮวาอยู่ข้างๆนั่นหรอกหรือ? ทำไมไม่ให้กู่เทียนฮวากับซูเฉินสู้กันซะเลยเล่า?
กู่เทียนฮวาเองก็ตะลึงเช่นกัน ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าฉางไช่หลี่จะทำแบบนี้ ในหัวใจอดไม่ได้ที่จะกังวลแทนซูเฉิน
ซูเฉินแม้จะแข็งแกร่งมาก แต่ถึงอย่างไรอยู่แค่ขั้น 7 แล้วเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของขั้น 10 อย่างน่านหลีชวน ได้อย่างไร?
อย่าบอกนะว่าท่านประมุขต้องการดัดนิสัยซูเฉินให้รู้จักก้มหัวลงเสียบ้าง?
กู่เทียนฮวาคาดเดาไปต่างๆนาๆ ขณะเดียวกันน่านหลีชวนดึงฉางไช่หลี่ออกไปด้านข้าง กระซิบว่า “ศิษย์น้องหญิงฉาง เจ้าเด็กนั่นคงล่วงเกินเจ้ามาใช่ไหม? ถึงยืมมือข้ามอบบทเรียนให้เขา?”
“ศิษย์พี่น่านคิดมากเกินไปแล้ว”
ฉางไช่หลี่ส่ายหัว อธิบายว่า “ข้าต้องการให้ท่านประลองกับซูเฉินจริงๆ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง”
ได้ยินแบบนั้น น่านหลีชวนขมวดคิ้ว “เขาน่าจะอายุไม่ถึง 20 ปีถูกไหม? แล้วจะมีระดับฝึกตนซักเท่าไหร่กัน?”
“เขาอายุน้อยกว่า 20 ปีจริงๆ แต่กลับเป็นถึงผู้ฝึกตนทุกอาชีพในขั้น 7 แล้ว!” ฉางไช่หลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพื่อยืนยันว่าไม่ได้กำลังล้อเล่นจริงๆ
ซู๊ดดดด!
น่านหลีชวนสูดหายใจลึก ผู้ฝึกตนทุกอาชีพขั้น 7 ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี พรสวรรค์เช่นนี้ หาได้ยากยิ่งบนโลก กระทั่งเหล่าระดับเทวะ ยังมิอาจประสบความสำเร็จได้เท่านี้ในวัยเดียวกันเลย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี เพราะต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขั้น 7 ทุกอาชีพ ยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขั้น 10 อย่างแน่นอน ซึ่งจุดนี้ ฉางไช่หลี่เองก็น่าจะรู้เป็นอย่างดี แล้วเหตุใดเธอถึงยืนกรานที่จะให้ซูเฉินประลองกับตน?
“แม้ว่าซูเฉินจะอยู่แค่ขั้น 7 แต่เขามีวิชาแปลงร่างชนิดหนึ่ง มันสามารถเพิ่มระดับฐานฝึกตนให้สูงขึ้นได้ 1 ขั้นในพริบตาเดียว”
ฉางไช่หลี่กล่าว ก่อนชะงักไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยอีกประโยคที่แฝงไปด้วยความหมาย
“มีอีกเรื่องหนึ่ง ซูเฉินเคยบอกว่า ต่ำกว่าขั้น 10 .. รวมไปถึงขั้น 10 ไม่มีผู้ใดต่อกรกับเขาได้!”
2/10
Ep.722
“สามหาวสิ้นดี!”
น่านหลีชวนเดาะลิ้น อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ
หากไม่ใช่เพราะฉางไช่หลี่เอ่ยปากด้วยตัวเอง เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้ฝึกตนขั้น 7 จะกล้าเปล่งวาจาใหญ่โตเช่นนี้
“ศิษย์พี่น่าน ตอนนี้ท่านเริ่มสนใจจะประลองกับซูเฉินรึยัง?” ฉางไช่หลี่ลองเลียบเคียงถามดู
เมื่อครั้งเยาว์วัย น่านหลีชวนเองก็หยิ่งทะนงไม่แพ้กัน เขามักจะหาคนที่อยู่ในขั้นสูงกว่าตนเอง แล้วขอท้าประลองเสมอๆ
หรือหากให้สรุปแบบตรงประเด็น –น่านหลีชวนกับซูเฉินคือคนประเภทเดียวกัน มักท้าตีท้าต่อยกับผู้ที่มีขั้นสูงกว่าตนเองด้วยความจองหอง แล้วแบบนี้ มีหรือที่น่านหลีชวนจะยอมถอย?
ด้วยความเข้าใจของฉางไช่หลี่ที่มีต่อน่านหลีชวน ศิษย์พี่ของเธอต้องตกปากรับคำเรื่องประลองกับซูเฉินอย่างแน่นอน
“ชี้แนะเจ้าเด็กนี่ซักนิดซักหน่อยคงไม่เป็นไร” น่านหลีชวนครุ่นคิดก่อนให้คำตอบ พร้อมถามกลับว่า “แต่เจ้าเองก็เป็นขั้น 10 เหมือนกันมิใช่หรือ? แล้วทำไมไม่สู้กับเขาซะเองเลยล่ะ?”
ฉางไช่หลี่เหมือนจะเตรียมคำตอบไว้นานแล้ว อธิบายทันทีว่า “ในฐานะประมุขแห่งวังสุริยันจันทรา เกิดแพ้ลูกศิษย์คนหนึ่งขึ้นมา ยังจะมีหน้าอยู่ในวังอีกหรือ?”
คำอธิบายนี้ ไม่ลื่นหูน่านหลีชวนเอาซะเลย เพราะหากเขาแพ้ จะไม่เท่ากับเป็นความอัปยศของวังสุริยันจันทราซะเองหรือ? เกิดแพ้ขึ้นมา เขาก็ขายหน้าแย่เลยซี่?
อย่างไรก็ตาม ไม่นานเขาก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป เพราะเมื่อเทียบกับเหล่าศิษย์คนอื่นๆแล้ว ซูเฉินถือว่าดึงดูดความสนใจของเขามากจริงๆ
“ตกลง ตราบใดที่เจ้าเด็กนั่นกล้ายอมรับคำท้า ข้าจะประลองกับเขา”
น่านหลีชวนกล่าวด้วยความผ่อนคลาย ชัดเจนว่าเขาไม่เห็นซูเฉินอยู่ในสายตา
เมื่อเห็นว่าน่านหลีชวนยอมตกลง หัวใจของฉางไช่หลี่มีความสุขมาก หันไปพูดกับศิษย์ใหม่ข้างหลังเธอว่า “ซูเฉิน เจ้าสนใจรับคำชี้แนะจากศิษย์พี่น่านหรือไม่?”
“ผมสนใจ”
ซูเฉินพยักหน้า จุดประสงค์ของฉางไช่หลี่คือต้องการเห็นความแข็งแกร่งของเขา หากเขาไม่ตกลง แบบนั้นจะกระตุ้นให้เธอเกิดความแคลงใจ
นอกจากนี้ ผู้แข็งแกร่งขั้น 10 มีไม่มากนัก ซูเฉินเองก็อยากใช้โอกาสนี้ขัดเกลาตัวเองเช่นกัน
“เฮ้อ ..”
กู่เทียนฮวาเดิมต้องการเกลี้ยกล่อม แต่ซูเฉินตอบตกลงเร็วเกินไป เขาเลยทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ
“ประเสริฐยิ่ง!”
ฉางไช่หลี่ลอบร้องดีใจ จากนั้นเตือนเขาว่า “ศิษย์พี่น่านคือผู้ฝึกตนขั้น 10 ก็จริง แต่เจ้าวางใจได้ เขาจะออมมือให้ ไม่ถึงขั้นทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บหนัก”
คำพูดนี้อาจฟังเหมือนเตือนซูเฉิน แต่อันที่จริงเป็นคำที่เอ่ยถึงน่านหลีชวน ความหมายกลายๆว่า ให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ อย่าหนักข้อเกินไป หากซูเฉินบาดเจ็บขึ้นมา มันจะแย่เอา
แต่ใครจะทันคิด ว่าทันทีที่เสียงของฉางไช่หลี่ตกลง ซูเฉินจะกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ผู้อาวุโสน่านโปรดลงมือเต็มกำลัง เพราะทันทีที่ผมเคลื่อนไหว เกรงว่าท่านจะตามผมไม่ได้”
ประโยคนี้แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ประมาณว่าหากน่านหลีชวนไม่จริงจังเต็มที่ ก็เตรียมเจ็บตัวได้เลย
ได้ยินแบบนั้น ฉางไช่หลี่กับคนที่เหลือต่างตะลึงงัน จับจ้องซูเฉินด้วยอาการเหม่อลอย ในหัวใจบังเกิดความซับซ้อน
พวกเขาได้เห็นคนเย่อหยิ่งมาก็มาก แต่บุคคลเช่นซูเฉิน เป็นอะไรที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย!
ต่อให้เจ้าครอบครองพรสวรรค์เป็นพิเศษ หรือมีกำลังรบเหนือชั้นกว่าขั้นเดียวกันก็ตามที แต่ก็ไม่ควรเปล่งวาจาจองหองถึงเพียงนี้ถูกไหม?
น่านหลีชวนคือขั้น 10 ห่างชั้นกันถึง 3 ขั้น แต่เจ้ากลับบอกให้ลงมือเต็มที่ มันจะไม่สำคัญตัวเองไปหน่อยหรือ? อ๊าาา!
แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนอื่นๆคงไม่รู้ ว่าครั้งนี้ซูเฉินมิได้ทำเป็นอวดเก่งแต่อย่างใด
สิ่งที่เขาคิดก็คือ หากออมมือยามประลองกัน แล้วมันจะมีความหมายอะไร? แบบนี้เขาจะขัดเกลาตัวเองได้หรือ?
ดังนั้น เลยจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ เพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของน่านหลีชวน
“ได้! เราผู้เฒ่ายินดีสนองตามที่เจ้าต้องการ!”
ถูกกระตุ้นโดยคําพูดของซูเฉิน ใบหน้าของน่านหลีชวนปรากฏร่องรอยหมองคล้ำ
ในฐานะผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งแห่งวังสุริยันจันทรา แต่กลับถูกรุ่นเยาว์หน้าใหม่ขั้น 7 ดูหมิ่นเอา หากเขาไม่ดัดสันดานซูเฉินเสียบ้าง แล้วจะเอาศักดิ์ศรีของรุ่นใหญ่ไปไว้ที่ไหน?
“เทียนฮวา ถอยออกมาก่อน”
เห็นว่าไฟใกล้จะปะทุแล้ว ฉางไช่หลี่เอ่ยเตือนกู่เทียนฮวา
“ขอรับ”
กู่เทียนฮวาตอบกลับทันควัน ค่อยๆล่าถอยไป
เมื่อเหลือเพียงซูเฉินกับน่านหลีชวนอยู่ในพื้นที่ประลอง กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของทั้งสอง