ตอนที่ 12 ผู้มีพระคุณ
ตอนที่ 12
ผู้มีพระคุณ
“นี่เจ้า....”ใบหน้าของเจ้าหลงไม่อาจปิดกั้นความประหลาดใจเอาไว้ได้อีกต่อไป ไม่ใช่เพียงระดับพลังของเสี่ยวหงที่มากกว่าเด็กปกติอย่างเห็นได้ชัด แต่เขายังสัมผัสได้ถึงพลังงานธาตุไฟที่ร้อนแรงอย่างมากออกมาจากตัวของเสี่ยวหงอีกด้วย
“มีอะไรงั้นเหรอลุง”เสี่ยวหงที่ติดตามหลินเยว่มาเท่านั้นโดนอีกฝ่ายเข้ามาจับตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตก็หน้าหงิกไปก่อนแล้ว แถมตาลุงนี่ยังทำหน้าตาดูไม่ได้จ้องมองมาทางนางอีกต่างหาก นี่หากเป็นร่างจริงของนางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่จะมีผู้ชายมองนางด้วยท่าทีเช่นนี้ แต่พอคิดว่าตาลุงนี่มองร่างที่ยังอายุไม่ถึง 10 ขวบปีของนางด้วยสายตาเช่นนี้ก็เล่นเอารู้สึกขนลุกและขยะแขยงขึ้นมาเลย
“เจ้า เหตุใดเจ้าถึงมีพลังวิญญาณระดับสี่ตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ บิดามารดาของเจ้าเป็นใครกันแน่”เจ้าหลงตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ปกติแล้วเด็กอายุขนาดนี้แค่มีพลังวิญญาณแตะระดับ 1ได้ก็ถือน่าเหลือเชื่อแล้ว หากสูงกว่าระดับ 1 ขึ้นมาต่างก็เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์แต่กำเนิดชนิดที่ผู้คนต่างก็ต้องแย่งชิงกันเพื่อให้มาเข้าสำนักของตนทั้งนั้น แต่นางกลับอยู่สูงถึงระดับ 4 ต่อให้เป็นตระกูลหงสานิรันดร์ที่ตนเข้าใจผิดตอนแรกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอเด็กเช่นนี้
“บิดามารดาของข้าล้วนตายไปหมดแล้วจำไม่ได้หรอกว่าเป็นใคร”เสี่ยวหงพยายามถอยห่างเจ้าหลงอย่างขยะแขยง เจ้าลุงนี่หายใจแรงขึ้นเรื่อยๆเลยน่าขนลุงจริงๆ
“ดี ในเมื่อไม่มีบิดามารดาเช่นนั้นก็ไม่มีใครคัดค้านได้ เจ้าเดินทางกลับสำนักราชาวิญญาณกับข้า สำนักของเราจะดูแลเจ้าอย่างดีเอง”ได้ยินว่าเสี่ยวหงไร้บิดามารดาเจ้าหลงก็ยิ้มกว้างออกมา เช่นนั้นนางก็ไม่มีผู้ปกครองจะพาเข้าสำนักก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว
“ปล่อยนะเจ้าลุงนี่ ใครบอกให้เจ้าจับข้าได้กัน”เจ้าหลงยื่นมือเข้ามาจะจับแขนของเสี่ยวหงเอาไว้กลับโดนเสี่ยวหงสะบัดมือออกอย่างไร้เยื่อใยเสียอย่างนั้นเล่นเอาเจ้าหลงงุนงงเป็นไก่ตาแตก เด็กๆที่นี่ต่อให้มีบิดามารดาก็อยากจะกราบลาไปเข้าสำนักราชาวิญญาณกันทั้งสิ้น ในเขตเมืองภูผาทองแดงแห่งนี้ไม่มีสำนักใดเหนือกว่าอีกแล้ว แล้วเหตุใดเด็กสาวนางนี้ถึงได้ปฏิเสธออกมาอย่างสุดตัวเช่นนี้เล่า
“ท่านลุง เรื่องเช่นนี้ไม่อาจบังคับฝืนใจกันได้ เสี่ยวหงไม่อยากไปกับท่านอย่าได้บังคับนางเลย”ลู่ชิงเห็นเจ้าหลงยังทำหน้างงอยู่ก็เดินเข้าไปขวางเอาไว้ก่อนเสี่ยวหงจะทนไม่ไหว แม้ตอนนี้นางจะเปลี่ยนเป็นมนุษย์แล้วแต่ไม่ทราบเพราะเคยเป็นปีศาจมาก่อนหรือเพราะเป็นนิสัยดั้งเดิมของนางกันแน่ นางเลยฉุนเฉียวง่ายเป็นพิเศษ หากไม่ใช่เพราะมีหลินเยว่อยู่ข้างๆนางได้อาละวาดไปแล้วแน่ๆ
“ไม่ วันนี้เจ้าต้องไปกับข้า”เจ้าหลงไม่สนใจลู่ชิงที่เข้ามาขวางแม้แต่น้อย อย่างไรลู่ชิงก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งแม้พูดจาดีด้วยอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าหลงจะสนใจ เด็กคนนี้หากพาไปฝึกฝนในสำนักต้องสร้างชื่อเสียงให้ตนมากมายเป็นแน่ ต่อให้วันนี้ต้องบังคับฝืนใจก็ต้องพาไปให้ได้
หมับ.....
เจ้าหลงเดินเข้ามาคว้ามือของเสี่ยวหงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะออกแรงดึงร่างของนางให้เข้าไปหาตนเอง แม้เสี่ยวหงจะมีพลังวิญญาณสูงเกินเด็กทั่วไป แต่เจ้าหลงก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับ 5 ซึ่งสูงกว่าขั้นหนึ่ง แถมเจ้าหลงยังมีร่างกายเป็นชายโตเต็มวัยย่อมมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าเด็กสาวอายุไม่ถึง 10 ขวบปีเสียด้วยซ้ำ
“นี่เจ้า สามหาวเกินไปแล้ว”โดนกระชากแขนเข้าให้ เสี่ยวหงหมดความอดทนเสียจนได้ พริบตานั้นรอบๆแขนที่เจ้าหลงจับเอาไว้ก็ปรากฏเปลวเพลิงสีสายหนึ่งขึ้นมาเผามือของเจ้าหลงอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เจ้าหลงก็ไม่เสียแรงที่เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ พริบตาก่อนโดนเผาเขายังใช้พลังธาตุน้ำอันเป็นพรสวรรค์ของตนเองออกมาป้องกันไฟของเสี่ยวหงเอาไว้ ทว่า....
“ร้อน...”เจ้าหลงแม้ใช้พลังธาตุน้ำป้องกันเอาไว้แล้ว แต่ไฟของเสี่ยวหงกลับร้อนแรงจนพลังของเจ้าหลงไม่อาจป้องกันเอาไว้ได้ ยามนี้มือของเจ้าหลงแดงไปทั้งแถบเพราะโดนความร้อนเล่นงานแต่โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรนัก
“เหลือเชื่อเปลวไฟนั่น.......”เจ้าหลงเบิกตามองเปลวเพลิงที่อยู่รอบๆแขนของเสี่ยวหงด้วยความตกใจ หากเป็นเปลวไฟปกติมันคงไม่อาจทำร้ายเจ้าหลงที่มีพลังวิญญาณสูงกว่าได้แน่ๆ ประกอบกับสีของเปลวเพลิงที่ไหลเปลี่ยนวูบวาบไม่ซ้ำกันราวกับเป็นเปลวเพลิงหลากชนิดกำลังไหลเวียนอยู่รอบๆแขนของเสี่ยวหงไม่มีผิด
“ถ้าเจ้ายังไม่รีบไป ข้าจะเผาร่างเจ้าให้วอดเดี๋ยวนี้ล่ะ”เสี่ยวหงที่เพิ่งมาไม่ทราบว่าเจ้าหลงเป็นผู้มารตรวจสอบพลังวิญญาณให้เด็กๆในหมู่บ้านจ้องมองเจ้าหลงอย่างดุดันราวกับจะสังหารมันเสียตั้งแต่ตรงนี้ แถมเวลาที่นางพูดออกมายังสร้างเปลวเพลิงออกมารอบตัวทำเอาคนในหมู่บ้านพากันตกใจเป็นอย่างมาก
“ใจเย็นก่อนแม่หนู ข้าแค่อยากจะพาเจ้าไปกับข้าเท่านั้นเอง”เจ้าหลงมองเปลวเพลิงหลากสีตรงหน้าตาไม่กะพริบ แม้ยามนี้เปลวเพลิงกำลังจะพุ่งเข้ามาหาตัวเจ้าหลงก็ยังไม่คิดจะถอยแม้แต่น้อย ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะเจ้าหลงไม่กลัวตาย แต่เพราะเปลวเพลิงหลากสีของเสี่ยวหงนั้นเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ หากเจ้าหลงเข้าใจไม่ผิดเปลวเพลิงนั้นคงจะเป็นเพลิงนพเก้าที่ประกอบไปด้วยเพลิง 9 ชนิดที่มีความพิเศษแตกต่างกันออกมาไป ลำพังเพลิงแต่ละชนิดจะเกิดกับผู้ใดก็นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากแล้ว นี่กลับเกิดพร้อมกันทั้ง 9 ชนิดไม่เรียกว่าน่าเหลือเชื่อแล้วจะเรียกว่าอย่างไร วันนี้เจ้าหลงจะต้องเอาเด็กคนนี้กลับไปที่สำนักด้วยให้จงได้
“หึ....ข้าเป็นบ่าวรับใช้ของคุณหนู ชาตินี้จะไม่ไปไหนนอกจากข้างกายคุณหนูเท่านั้น”เสี่ยวหงตอบพลางเชิดหน้าด้วยท่าทีไม่พอใจ
“งั้น ข้าจะให้คุณหนูของเจ้าเข้าสำนักด้วยเป็นอย่างไร รับรองว่าพวกเจ้าจะได้รับการดูแลอย่างดีแน่นอน”เจ้าหลงถามพลางมองไปทางหลินเยว่ที่อยู่ด้านหลัง เดาว่านางน่าจะเป็นคุณหนูที่เสียวหงพูดถึง
“ข้าไม่ไปหรอก ท่านพูดจาดูถูกคนในหมู่บ้านของเราข้าไม่ชอบ”หลินเยว่ตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ ก่อนหน้านี้เจ้าหลงมีท่าทีแย่ๆกับเด็กในหมู่บ้านมาก ทั้งๆที่เด็กๆเหล่านี้ต่างเป็นสหายของหลินเยว่ทั้งนั้น
“ได้ยินชัดแล้วนะตาลุง คุณหนูของข้าไม่ไป ข้าก็ไม่ไป”เสี่ยวหงตอบพลางหันหลังเดินกลับมายืนข้างๆหลินเยว่เหมือนจะบอกว่าไม่มีทางที่เจ้าหลงจะพานางไปได้แล้วทำเอาเจ้าหลงใจหายวาบ อย่าล้อเล่นกันนะเด็กคนนั้นครอบครองเพลิงนพเก้าแถมยังมีพลังวิญญาณระดับ 4 ตั้งแต่อายุเท่านี้ ต่อให้ต้องทำอย่างไรก็ต้องพานางเข้าสำนักไปให้ได้
“หรือว่าคุณหนูของเจ้าจะเป็นผู้มีพระคุณงั้นหรือ”เจ้าหลงถามพลางมองไปทางหลินเยว่ด้วยท่าทีสงสัย หลินเยว่แทบไม่มีพลังวิญญาณเลยเห็นได้ชัดว่านางเป็นเพียงเด็กสาวทั่วไปที่มีสายเลือดของชาวต่างแดนเท่านั้น เหตุใดเด็กที่มีพรสวรรค์อย่างเสี่ยวหงถึงได้ติดตามนางกัน?
“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด”เสี่ยวหงตอบด้วยท่าทีไม่มั่นใจเสียเท่าไหร่ จะว่าเป็นผู้มีพระคุณก็ไม่ผิดหรอก
“ขะ ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็คงฝืนใจเจ้าไม่ได้ ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเช่นนั้นข้าขอลา”อยู่ๆเจ้าหลงก็มีท่าทีว่าง่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมยังขอตัวกลับไปอย่างรวดเร็วอีกต่างหากทั้งๆที่อยากได้ตัวเสี่ยวหงใจแทบขาดแท้ๆ
“ไปซะได้ก็ดี คุณหนูเราไปกันเถอะ”เสี่ยวหงแลบลิ้นใส่หลังของเจ้าหลงก่อนจะควงแขนหลินเยว่เดินออกไปจากหน้าหมู่บ้านเช่นกัน ท่าทางวันนี้จะเป็นวันซวยหรืออย่างไรก็ไม่ทราบถึงได้เจอตาลุงน่าขยะแขยงคนนั้นได้
.
.
.
“เจ้าว่ายังไงนะ”ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน เจ้าหลงเร่งฝีเท้ากลับมายังเมืองภูผาทองแดงก่อนจะขอเข้าพบเจ้าสำนักราชาวิญญาณทันที เรื่องครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้ว ที่เจ้าหลงถอยกลับมาก่อนนั้นไม่ใช่เพราะยอมแพ้ แต่เพื่อจะขอความเห็นจากอาจารย์ท่านอื่นและจากท่านเจ้าสำนักด้วย
“ขอรับ เป็นเพลิงนพเก้าไม่ผิดเพี้ยนแน่นอนขอรับ เกรงว่าเราจะเจอไข่ทองคำแล้วขอรับ”เจ้าหลงที่นั่งคุกเข่าอยู่ในห้องโถงของสำนักตอบอย่างจริงจังเป็นอย่างมาก เพราะถึงตอนนี้ก็ยังมีอาวุโสบางคนที่ไม่เชื่อด้วยซ้ำ
“หากเป็นเพลิงนพเก้าจริงทำไมเจ้าไม่พานางกลับมาเล่า”อาจารย์ท่านหนึ่งถามพลางมองมาทางเจ้าหลงด้วยท่าทีไม่เชื่อถือนัก หมู่บ้านที่เจ้าหลงไปตรวจสอบเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณอาศัยอยู่ด้วยซ้ำ ทำไมถึงมีเด็กผู้มีพรสวรรค์เช่นนั้นได้
“เป็นเพราะนางมีพันธะอยู่ที่บ้านเกิดขอรับ ข้ากลัวว่าหากบังคับฝืนใจนางจะไม่ยอมเป็นพวกกับเราแต่จะเป็นศัตรูแทนมากกว่า”เจ้าหลงตอบพลางอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านให้เหล่าอาจารย์และผู้อาวุโสฟัง
“ข้าเข้าใจแล้ว หากเป็นอย่างที่เจ้าเล่ามาเด็กคนนี้ก็เป็นหยกน้ำงามจริงๆ เช่นนั้นแล้วพวกเราต้องหาทางให้นางเชื่อใจพวกเราให้ได้”เจ้าสำนักได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาลงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“เจ้าบอกว่านางนับถือบุญคุณที่มีต่อเด็กสาวอีกคน แสดงว่านางเป็นคนที่เห็นบุญคุณเป็นเรื่องสำคัญ เช่นนั้นพวกเราก็สร้างบุญคุณกับนางก็พอไม่ใช่หรือ”หลังจากคิดอยู่นาน ในที่สุดท่านเจ้าสำนักก็คิดอะไรบางอย่างออก ในเมื่อเสี่ยวหงไม่ยอมเข้าสำนักเพราะต้องการอยู่กับผู้มีพระคุณ เช่นนั้นแล้วก็ทำให้พวกตนเป็นผู้มีพระคุณด้วยก็พอ
“เช่นนั้นพวกเราก็ต้องสร้างบุญคุณกับนางสินะขอรับ”ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ยินที่เจ้าสำนักพูดออกมาก็ยิ้มออกมาเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เจ้าสำนักต้องการจะทำแล้ว
“หรือว่าท่านเจ้าสำนักจะ....”เจ้าหลงคิดตามอยู่พักหนึ่งก็หน้าถอดสีขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ปกติแล้วการสร้างบุญคุณให้กันก็ต้องให้การช่วยเหลือกันเสียก่อน แต่หมู่บ้านนั้นไม่ได้ขาดแคลนอะไรจะไปสร้างบุญคุณได้ก็ต้องเกิดเรื่องเสียก่อน
“เจ้าคิดว่าไง ระหว่างหมู่บ้านกำลังลุงไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง ข้าผู้ผ่านทางมาก็เข้าไปช่วยนางที่เหลือชีวิตรอดมาเพียงคนเดียวเท่านั้น แบบนี้จะทำให้นางซาบซึ้งจนอยากเข้าสำนักหรือไม่”