195 - เราอยู่กินด้วยกัน
195 - เราอยู่กินด้วยกัน
เมื่อเพลงจบลงนกกว่าร้อยตัวไม่ยอมแยกย้ายกันไปและยังคงกระพือปีกอย่างต่อเนื่องในบริเวณโดยรอบทำให้ฉากสวยงามยิ่งขึ้น เพลงสวรรค์นี้เป็นเพลงที่น้อยคนจะสามารถรับฟังได้ตลอดชีวิตของพวกเขา
เย่ฟ่านปรบมือและกล่าวชมเชยด้วยใจจริง
“พี่ฮั่วเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ เพลงของเจ้าสามารถเคลื่อนภูเขาโดยไม่ต้องลงแรง ทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยคิดฝันว่าจะได้พบเจอ ข้านับถือท่านหมดหัวใจแล้ว”
“น้องชายยกย่องเกินไป นี่เป็นเพียงความปรองดองเท่านั้นไม่มีอะไรมาก” เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วเขาก็ยกจอกสุราขึ้นพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้าหวังว่ายอดเขาดวงดาวและยอดเขารกร้างจะมีความสัมพันธ์ที่กลมกลืนกันตลอดไป”
ทุกคนยกถ้วยของพวกเขาขึ้นมาพร้อมกับกระดกลงไปในคำเดียว
“ข้าได้ยินมาว่าศิษย์น้องเสี่ยวม่านพูดถึงน้องชายคนเล็กเย่ว่าพวกเจ้ามาจากดินแดนที่ไกลแสนไกล สถานที่นั้นมีวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยม แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากดินแดนรกร้างตะวันออก ข้าอยากเห็นมันจริงๆ”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหวหลี่เสี่ยวม่านบอกความจริงของสถานการณ์แล้วหรือไม่? หากเป็นกรณีนี้สถานการณ์จะค่อนข้างเป็นปัญหา เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาง
ในขณะนี้หลี่เสี่ยวม่านสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ สีหน้าของนางดูสงบนิ่งการแสดงออกของนางสงบเหมือนดอกบัว ไม่เห็นสิ่งใดในการแสดงออกของนาง
“มันไม่มีทางเทียบได้กับดินแดนรกร้างตะวันออก” เย่ฟ่านดื่มสุราผลไม้ของเขาก่อนที่จะจะวางถ้วยลงแล้วกล่าวด้วยท่าทางสงบ
“ที่นั่นไม่มีใครรู้วิธีฝึกฝนคนส่วนมากจะตายจากวัยชราด้วยอายุไม่เกินหนึ่งร้อยปี”
“น้องเย่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าอยากจะศึกษาให้มากกว่านี้หวังว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธข้าในตอนนั้น” ฮั่วอวิ๋นเฟยจริงจังมากและเขาดื่มสุราผลไม้อีกถ้วยด้วยความเคารพก่อนจะพูดต่อ
“ข้าเชื่อว่าบ้านเกิดของเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับความลึกลับบางอย่าง”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ความลับอะไรบางอย่าง เป็นไปได้ไหมที่หลี่เสี่ยวม่านทรยศต่อทุกคนแล้ว?
ดวงตากลมโตของจี้จื่อเยว่ยังคงเหลือบมองจากด้านข้าง นางสนใจอย่างมากในความลับมากมายที่อยู่ในพุงของเย่ฟ่านและมุ่งมั่นที่จะขุดค้นทุกอย่างที่เป็นไปได้
“ตระกูลจี้เป็นตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก ชื่อนี้ดังกึกก้องมาตั้งแต่สมัยโบราณ คุณหนูของตระกูลจี้เป็นแขกในไท่ซวนของเราข้ารู้สึกละอายใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้ทำตัวให้เหมาะสม”
ฮั่วอวิ๋นเฟยแสดงความเคารพต่อจี้จื่อเยว่โดยยกถ้วยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
หญิงสาวของตระกูลขุนนางโบราณ สถานะดังกล่าวทำให้คนอื่นๆตกตะลึง หลี่เสี่ยวม่านก็ตกตะลึงและมีการแสดงออกที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
จี้จื่อเยว่ไม่แปลกใจ ในความเป็นจริงศิษย์หลายคนบนยอดเขา ยอดเขารกร้างรู้จักตัวตนของนาง ด้วยสถานะหลานชายของผู้อาวุโสประจำยอดเขาดวงดาวมีหรือที่ฮั่วอวิ๋นเฟยจะไม่รู้ได้
นางยิ้มยางอ่อนหวานทำให้ลักยิ้มปรากฏขึ้นบนแก้มของนาง
** “ข้าชื่อจี้จื่อเยว่ จี้ที่แปลว่าแม่น้ำ จื่อก็คือปราณสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก ส่วนเยว่ที่มีความหมายว่าดวงจันทร์”
(**แม่น้ำปราณสวรรค์ตระกูลจี้เป็นสถานที่ลึกลับของประเทศจีนในสมัยโบราณ)
“แม่น้ำปราณสวรรค์ตระกูลจี้!” หัวใจของเย่ฟ่านสั่นคลอน
เขาไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องตระกูลของนางมาก่อน และในขณะนี้มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของเขา ผู้คนในโลกนี้รู้หรือไม่ว่าแม่น้ำปราณสวรรค์ตระกูลจี้คืออะไร?
“ข้าควรจะแสดงความเคารพต่อคุณหนูจื่อเยว่ก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงเพราะข้าเพิ่งออกมาจากการทำสมาธิจึงทำให้เกิดความเสียมารยาทอยู่บ้าง ข้าเคยต่อสู้กับพี่ชายของเจ้าก็จริงแต่สุดท้ายพวกเราก็จบลงด้วยการเป็นสหาย”
ขณะที่เขาพูดเขาก็ยืนขึ้นและกล่าวต่อไปว่า
“ข้าต้องไปรับแขกคนสำคัญซึ่งต้องขออภัยพวกเจ้าด้วย ขอเชิญพวกเจ้าทั้งสองอยู่ที่นี่เพื่อสนุกไปกับศิษย์น้องของข้าก่อนแล้วข้าจะรีบกลับมาในเวลารวดเร็ว”
“พวกเราไม่ต้องไปรบกวนพี่ฮั่วออกไปต้อนรับ พวกเราสามารถมาเองได้”
ในสถานที่นี้ฉากที่งดงามปรากฏขึ้น มีคนแปลกหน้าสิบคนลอยเข้ามาใกล้อย่างสง่างาม มีทั้งชายและหญิงรัศมีของพวกเขาอยู่ไกลจากปกติ
ชายหนุ่มพวกนั้นมีบุคลิกองอาจหล่อเหลาในขณะที่หญิงสาวก็งดงามเป็นพิเศษราวกับว่าพวกเขาเป็นหน่อเนื้อของผู้อมตะบนสวรรค์ชั้นฟ้า
“ทำไมพี่ฮ่าวเยว่ถึงบังเอิญมาที่นี่ได้……” จี้จื่อเยว่พูดตะกุกตะกักขณะที่นางซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของเย่ฟ่าน
ยอดเขารกร้างมียอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งขณะนี้กำลังหลับสนิท เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วดินแดนรกร้างตะวันออก ผู้ที่มีหน้าตาอยู่บ้างไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องมาชมความครึกครื้นในนิกายไท่ซวนอยู่แล้ว
ในเวลาเดียวกันเหล่าศิษย์ที่มีความสามารถของมหาอำนาจเหล่านี้ก็มายังนิกายไท่ซวนด้วยเช่นกัน
โดยในหมู่พวกเขาคือจี้ฮ่าวเยว่แห่งตระกูลจี้ที่มีร่างศักดิ์สิทธิ์รกร้างตะวันออก สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงและอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากนิกายอื่นๆ
ฮั่วอวิ๋นเฟยยิ้มขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับทุกคน นำคนบุคคลแปลกหน้าทั้งสิบเข้ามาในศาลาด้วยรอยยิ้ม
“จื่อเยว่……”
จี้ฮ่าวเยว่สะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย เขาดูสงบเหมือนดวงจันทร์ รัศมีของเขาไม่ธรรมดาสร้างความกดดันอย่างไม่สิ้นสุดไปที่จี้จื่อเยว่
“พี่ใหญ่ฮ่าวเยว่……”
จี้จื่อเยว่ยิ้มอ่านหวานขณะที่นางกระโดดออกจากด้านหลังเย่ฟ่านพร้อมกับคว้าแขนของจี้ฮ่าวเยว่
“เจ้าไปทำอะไรกับเขา”
การแสดงออกของจี้ฮ่าวเยว่สงบ แต่สายตาของเขายังคงกดดันเข้าหาเย่ฟ่าน เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือคนที่อยู่กับพวกอสูร
“ทำไมข้าจะอยู่กับเขาไม่ได้”
จี้จื่อเยว่ย่นจมูกของตัวเองและเขย่าแขนของจี้ฮ่าวเยว่ด้วยความไม่พอใจ
เด็กหนุ่มสาวหลายคนที่เดินเข้ามาพร้อมกันนั้นคือคนรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของแดนรกร้างตะวันออก ในเวลานี้สายตาทั้งหมดของพวกเขามุ่งเน้นไปที่จี้ฮ่าวเยว่และเย่ฟ่าน แม้แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็มีท่าทีเช่นกัน
จี้ฮ่าวเยว่ไม่พูดอะไร เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและมองลงมาที่เย่ฟ่าน
“ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา น้องสาวของข้าอยู่กับเจ้าเสมอ?”
เย่ฟ่านยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสงบพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
“ถูกต้องเราอยู่กินด้วยกัน”
"เจ้าพูดอะไร?!"
แม้ว่าการแสดงออกของจี้ฮ่าวเยว่จะสงบแต่ดวงจันทร์ที่ด้านหลังของเขาก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแล้ว แสงไฟจากดวงตาของเขาส่องประกายและมันพร้อมที่จะฉีกกระชากร่างกายของเย่ฟ่านเป็นชิ้นๆ
“ข้าขอโทษ ข้าหมายความว่าเราเป็นเพื่อนกันในการเดินทางและไม่เคยแยกจากกันจนมาถึงที่นี่”
“อย่าพูดไร้สาระดีกว่า” จี้จื่อเยว่ต่อยแขนของเขา
ทันใดนั้นทะเลสีเขียวก็ปรากฏออกมาจากด้านหลังของจี้ฮ่าวเยว่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคืองถึงขีดสุด
“พี่ใหญ่เจ้ากำลังทำอะไร!”
จี้จื่อเยว่ตกตะลึงนางรีบขยับตัวไปขวางหน้าของเย่ฟ่าน แต่ร่างกายของนางก็แข็งค้างแล้วไม่สามารถก้าวออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียว
ที่ด้านหลังผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าจี้ฮ่าวเยว่จะใช้ฉากพิเศษของเขากับเด็กหนุ่มนิรนาม ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเบิกกว้างมีสีน่าเหลือเชื่อเล็กน้อย หลี่เสี่ยวม่านและคนอื่นๆก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจเช่นกัน
ในตอนแรกฮั่วอวิ๋นเฟยต้องการที่จะลงมือสกัดกั้นแต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและเดินถอยหลังออกมา!