701-702
1/10
Ep.701
“อย่างที่ซูเฉินพูด นับจากนี้ข้าคือคนของพวกเจ้า เราผู้เฒ่าไม่มีทักษะใดโดดเด่น ที่พอมีฝีไม้ลายมืออยู่บ้างคือการหลอมอาวุธ หากใครต้องการหลอมหรือปรับแต่งมัน ขออย่าได้ลังเลที่จะเอ่ยปากออกมา” อู๋หยาจื่อหัวเราะ
แม้ฟังดูเป็นแค่คำพูดเรื่อยเปื่อย แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะสนิทสนมกับทุกคน
เฉินเฟิงและบรรดาศิษย์รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เดิมที่พวกเขามายังหุบเขาซีหยาก็เพื่อขอให้อู๋หยาจื่อปรับแต่งอาวุธ ตอนนี้อู๋หยาจื่เอ่ยปากว่าจะช่วยด้วยตัวเอง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้
ทั้งสามต่างหยิบอาวุธออกมา ขอความช่วยเหลือจากอู๋หยาจื่อ
การปรับแต่งอาวุธธรรมดา สำหรับอู๋หยาจื่อแล้ว ไม่ต่างจากการทำอาหารจานเล็กจานหนึ่งเท่านั้น เขาตอบตกลงทันที
แน่นอน หากต้องการปรับแต่งอาวุธ จำเป็นต้องเข้าสู่ [มิติสันโดษ]
ซึ่งปัจจุบัน [มิติสันโดษ] อยู่ในมือซูเฉิน นั่นหมายความว่าต้องได้รับการยินยอมจากซูเฉินเช่นกัน ถึงจะเข้าไปได้
“เอาไว้วันอื่นฉันจะให้ผู้อาวุโสช่วยปรับแต่งอาวุธกับทุกคน” ซูเฉินกล่าว ในใจคิดว่าพรุ่งนี้น่าจะได้วัสดุดีๆมาอีกหลายชิ้น เพื่อซ่อมแซม [มิติสันโดษ] ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ จากนั้นค่อยให้อู๋หยาจื่อเข้าไป
นี่ยังไม่นับรวมถึงเรื่องที่ว่า อู๋หยาจื่อเพิ่งเข้าร่วม ก็ขอให้เขาลงแรงหนักซะแล้ว แบบนี้มันค่อนข้างน่าเกลียดเกินไป
แม้เฉินเฟิงและคนอื่นๆจะกังวลเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจดี แค่รออีกไม่กี่วันพวกเขาทำไมจะทำไม่ได้?
หลังจากนั้น ซูเฉินขอให้หยางฮ่าวและสหายเตรียมอาหาร ส่วนเขาสนทนากับอู๋หยาจื่อ
“ผู้อาวุโส ท่านพอจะซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เทวะได้ไหม?”
[ตราประทับจิตราสวรรค์เบญจธาตุ] ได้รับความเสียหายร้ายแรง หากซ่อมไม่ได้ มันก็ไม่สามารถสำแดงพลังอย่างเต็มที่ หรือก็คือกลายเป็นซี่โครงไก่ในน้ำซุป ไม่มีประโยชน์อันใด
ซ่อมแซมสิ่งประดิษฐ์เทวะ?
อู๋หยาจื่อชะงักไปเล็กน้อย
เขาย้อนนึกถึงตอนสู้กัน สิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งสามชิ้นของซูเฉินยังคงไม่บุบสลาย แล้วทำไมต้องซ่อมแซมพวกมันด้วย?
อย่าบอกนะว่าเขายังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกชิ้นหนึ่ง?
เมื่อฉุกคิดได้ถึงเรื่องนี้ อู๋หยาจื่อต้องสูดหายใจลึก ลองเลียบเคียงถามว่า “ซูเฉิน ไม่ใช่ว่าเจ้ายังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกหรอกนะ?”
“ผู้อาวุโส ผมยังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกชิ้นที่เสียหายร้ายแรง” ขณะกล่าว ซูเฉินก็หยิบ [ตราประทับจิตราสวรรค์เบญจธาตุ] ออกมา และวางลงเบื้องหน้าอู๋หยาจื่อ
“นี่น้องซูยังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกชิ้นด้วยหรือ?” เหลิงมู่เย่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แต่เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ยังคงสงบ ไม่แสดงอาการตกใจใดๆ เพราะ [ตราประทับจิตราสวรรค์เบญจธาตุ] นี้ ซูเฉินได้มันมาจากการประมูลบนเกาะชงซวี่ เรื่องนี้พวกเขารู้ดี
เฉินเฟิงกระซิบบอกเหลิงมู่เย่ว่า “ศิษย์พี่เหลิง เฮียซูนอกจากสิ่งประดิษฐ์เทวะชิ้นนั้นที่พังเสียหายกับภูเขาลูกเล็กแล้ว เขายังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะอีกถึงสองชิ้น”
“ยังมีอีกสองชิ้น?”
เหลิงมู่เย่เบิกตากว้าง ลมหายใจขาดห้วงไป
อู๋หยาจื่อรับ[ตราประทับจิตราสวรรค์เบญจธาตุ] ตรวจสอบมันอย่างถี่ถ้วน ก่อนเอ่ยปากออกมาอย่างช้าๆว่า “พลังธาตุทั้ง 5 ของมันที่หายไปคือ ดิน ไม้ ทอง และไฟ หากคิดซ่อมแซม เป็นเรื่องยากมาก”
ใบหน้าของซูเฉินแข็งทื่อไปเล็กน้อย เอ่ยถาม “ผู้อาวุโส พอมีหวังที่จะซ่อมมันได้หรือไม่?”
“พลังธาตุดินสามารถใช้ดินจักรพรรดิแทนได้ , พลังธาตุทองสามารถแทนที่ด้วยผลึกศิลาแดง ส่วนธาตุไฟ … ข้าได้ยินมาว่าจะมีการประมูลเม็ดยาอัคคีขั้น 7 ในวันพรุ่งนี้ นั่นน่าจะใช้แทนกันได้ แต่ประเด็นก็คือ วัตถุซึ่งเป็นตัวแทนของธาตุไม้นั้นหาไม่ง่ายนัก”
อู๋หยาจื่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“พลังธาตุไม้ …” ซูเฉินพึมพำ ก่อนเอ่ยปากว่า “ผู้อาวุโส ถ้าใช้กิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิต พอจะแทนกันได้ไหม?”
อู๋หยาจื่อคิดว่าซูเฉินกำลังพูดถึงไม้ศึก เขาเลยส่ายหัวและกล่าวว่า “แม้ไม้ศึกจะทำมาจากกิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิต แต่มันเคยถูกใช้งานไปแล้วครั้งหนึ่ง แถมยังเป็นวัตถุที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถแทนที่กันได้”
ซูเฉินอธิบาย่วา “ผู้อาวุโส ผมหมายถึงกิ่งก้านจริงๆของต้นไม้แห่งชีวิต”
“นี่เจ้ามีต้นไม้แห่งชีวิตด้วย?”
ดวงตาของอู๋หยาจื่อเปล่งประกายสดใสขึ้นมาทันทีทันใด
“เปล่า แต่ผมรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วอีกไม่นานจะไปตามหามัน” ซูเฉินบอก
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้”
อู๋หยาจื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ต้นไม้แห่งชีวิตเป็นพืชวิญญาณชั้นนำของโลก กิ่งก้านของมันสามารถใช้แทนกันได้อย่างแน่นอน”
2/10
Ep.702
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินค่อยโล่งใจ แล้วคุยกันเรื่องอื่นต่อ
รอจนหยางฮ่าวเตรียมอาหารเสร็จ ทุกคนก็ล้อมวงดื่มกินและสนทนากัน เฮฮาจนดึกดื่น แต่เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเข้าร่วมงานประมูลแต่เช้า ซูเฉินเลยขอให้ทุกคนรีบแยกย้ายกันไปนอน
เช้าวันถัดมา งานประมูลของเมืองเทียนเฟิงยังคงจัดตามกำหนดเดิม
เหมือนที่เฉินเฟิงคาดการณ์ไว้ การตายของเฝิงหลี่ ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากนัก
ซูเฉินซื้อตั๋วห้องส่วนตัว พาสมาชิกกลุ่มเขาเข้าสู่ภายในงานประมูลอันโอ่อ่าตระการตา
ส่วนอู๋หยาจื่อเนื่องจากจำเป็นต้องซื้อวัสดุที่ใช้ซ่อมแซม [มิติสันโดษ] เลยไม่ได้ตามมาด้วย แต่ก่อนจะแยกจากกัน เขากำชับซูเฉิน ว่าต้องประมูลเม็ดยาอัคคีขั้น 7 มาให้จงได้ และหากเจอของดีชิ้นอื่น ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน
ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน ตราบใดที่เขาเห็นว่าของชิ้นนั้นน่าสนใจ ย่อมไม่มีทางพลาดมัน จุดนี้สอดคล้องกับสิ่งที่อู๋หยาจื่อพูดพอดี
…
รออยู่ในห้องส่วนตัวพักหนึ่ง งานประมูลก็เริ่มขึ้น
งานประมูลในที่นี้ก็เหมือนกับที่อื่นๆ พิธีกรยังคงเป็นหญิงสาวอ่อนเยาว์และงดงาม หลังจากเธอแนะนำกฏสั้นๆ ก็ประกาศเริ่มการประมูล
รายการแรกของงาน คือศิลาวิญญาณวายุ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 หินพลังงาน เคาะเพิ่มราคาแต่ละครั้งต้องไม่ต่ำกว่า 100 ก้อน
เมื่อพิธีกรหญิงประกาศ ซูเฉินไม่รั้งรอ เคาะราคากระโดดขึ้นเป็น 10,000 หินพลังงานทันที
หินพลังงาน 10,000 สำหรับคนอื่นๆ มันคือจำนวนมหาศาล แต่สำหรับตัวเขา ที่ครอบครองหินพลังงานนับไม่ถ้วน ไม่นับว่าอยู่ในสายตา
ยิ่งเมื่อรวมกับสมบัติที่อู๋หยาจื่อสะสมมาหลายสิบปี ก็กลายเป็นความมั่งคั่งเทียบเท่าได้กับประเทศหนึ่งเลยทีเดียว
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เขาเลยเคาะราคาสูงทันทีที่เปิดงาน เพื่อแสดงถึงเจตนาว่าจะต้องได้มันมาครอบครอง
“น้องซูร่ำรวยจริงๆ!” เหลิงมู่เย่อ้าปากค้าง
ซูเฉินยิงปืนนัดแรกด้วย 10,000 หินพลังงาน นี่ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย แต่คนอื่นๆในห้องส่วนตัวกลับสงบมาก
เพราฉากประมาณนี้ พวกเขาเคยเห็นมาจนชินชาแล้ว
“ห้องหมายเลข 17 เสนอราคา 10,000 หินพลังงาน!” พิธีกรสาวตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ห้อง 17 คือหมายเลขห้องส่วนตัวที่ซูเฉินและคนอื่นๆอยู่
อย่างไรก็ตาม แม้ราคา 10,000 หินพลังงานจะไม่น้อย แต่หากคิดครอบครองศิลาวิญญาณวายุ เห็นได้ชัดว่ายังไม่พอ
แทบจะในทันที ก็มีคนอื่นเคาะประมูลเพิ่ม ราคาของศิลาวิญญาณวายุกระโดดขึ้น พริบตาเดียวกลายเป็น 16,000 แต้มพลังงาน
ซูเฉินยิ้มหยาม เคาะประมูลครั้งที่สองด้วยราคา 20,000 ทันที
ราคานี้เกือบจะเกินมูลค่าของศิลาวิญญาณวายุแล้ว ทำให้ในงานเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่ห้อง 3 จะเสนอราคา 21,000 หินพลังงาน
ซูเฉินไม่ลังเล เคาะเพิ่มเป็น 25,000 ทันที สามารถข่มอีกฝ่ายได้อย่างสิ้นเชิง ประสบความสำเร็จในการคว้าศิลาวิญญาณวายุมาครอง
รอจนบริกรนำศิลาวิญญาณวายุมาให้ ซูเฉินรีบติดตั้งลงใน [รถศึกอัจฉริยะ] ทันที แล้วสนทนากับมัน
“เสี่ยวจือ ด้วยศิลาวิญญาณวายุนี้ มันช่วยให้นายบินได้เร็วขึ้นแค่ไหน?”
“อย่างน้อยน่าจะ 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบอย่างมั่นใจ
“ไม่เลว” มุมปากของซูเฉินยกยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ปัจจุบันยังไวขนาดนี้ ในอนาคตความเร็วของมันจะต้องมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ยังไงก็ตาม เขาตระหนักดีเช่นกัน ว่าศิลาวิญญาณวายุจำนวนเท่านี้ยังไม่เพียงพอ ซูเฉินต้องการมันอีก ยังคงตั้งใจว่าจะแวะไปเยี่ยมเยือนวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู
หลังจากนั้น งานประมูลดำเนินต่อไป เนื่องจาก ส่วนต่อมาคือรายการอาวุธทั้งหมด ซึ่งซูเฉินไม่สนใจ เลยไม่ได้เคาะราคาอีก
เมื่อรายการประมูลอาวุธเสร็จสิ้น รายการประมูลต่อไปคือแร่ และสิ่งอื่นๆที่คล้ายๆกัน ระหว่างนั้นซูเฉินคอยสื่อสารกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ตลอดเวลา และเลือกประมูลแร่ที่มีประโยชน์ต่อมัน จ่ายหินพลังงานไปหลายหมื่นก้อน ได้แร่มาหลายชิ้น
“ศิษย์น้องเฉิน น้องซูรวยขนาดไหนกันแน่?” เหลิงมู่เย่กระซิบถามเฉินเฟิง
เฉินเฟิงรู้แค่ว่าซูเฉินรวยมาก แต่ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าอีกฝ่ายมีหินพลังงานกี่ก้อน หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ก็ตอบกลับไปว่า
“ร่ำรวยชนิดที่ว่าลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา”