ตอนที่ 91 จากด้านหลัง
ตอนที่ 91 จากด้านหลัง
มีคนหายตัวไป...
กายเล่าต่อ “หลังจากตอนเช้าพวกเขาพบว่าคนในคณะสำรวจที่พักอยู่ในบ้านหลังที่ 4 นั้นหายตัวไปทั้งหมด พวกเขาสอบถามชาวบ้านถึงเรื่องการหายตัวไป แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่คนเดียว นั้นทำให้พวกคนที่เหลือรู้แล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลในที่แห่งนี้
หลายคนในคณะสำรวจไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง จึงเข้าไปจับตัวชาวบ้านหมายจะบีบเค้นให้พวกเขาพูด แต่กลับไม่มีชาวบ้านคนใดสนใจการกระทำของพวกเขา ด้วยความโมโหคนในคณะสำรวจจึงจัดการสังหารคนในหมู่บ้านอย่างโหดร้าย”
“หลังจากพวกเขาฆ่าคนไปหลายสิบคน แต่คนในหมู่บ้านแห่งทุ่งหญ้าแห้งแล้งเหล่านั้นกลับทำเพียงยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรเช่นเคย
ทุกคนที่เห็นรอยยิ้มของคนในหมู่บ้าน แม้มันจะดูเป็นมิตรมากแค่ไหน แค่ในความรู้สึกพวกเขากลับหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง
สุดท้ายคนที่เหลือไม่มีทางเลือกพวกเขาพากันเก็บของและออกจากหมู่บ้านในทันที จนกระทั่งยามค่ำคืนมาถึง พวกเขาก็ยังไม่สามารถออกจากทุ่งหญ้าแห้งแล้งได้ ราวกับว่ายิ่งเดินระยะทางก็ยิ่งขยายออกไปเรื่อย ๆ นั้นทำให้พอดวงตะวันตกดิน คณะสำรวจต้องทำการพักแรมกลางทุ่งหญ้าอีกครั้ง”
“แต่แล้วในคืนนี้ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกครั้ง” กายเน้นย้ำ ตอนนี้ทุกคนจดจ่ออยู่กับเรื่องเล่าของเขากันหมด “พวกเขาพากันหลับหมดโดยไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย จนเช้าวันต่อมา ก็พบว่ามีคนหายไปอีกแล้วและมีอาหารจำนวนมากวางอยู่เบื้องหน้าแทน”
“อาหารอย่าบอกนะว่า...”
“ใช่..” กายหันมาพยักหน้าให้กับลิลี่ “มันคนที่หายไป หลายคนนั้นพอเห็นอาหารก็ต่างพากันกรีดร้อง เพราะในครั้งนี้อาหารที่วางอยู่กลับไม่ได้มีหน้าตาน่ารับประทานเหมือนเช่นอาหารในหมู่บ้านที่ผ่านมา ตอนนี้ในถาดอาหารจานชามด้านหน้า เต็มไปด้วยชิ้นส่วนของมนุษย์ ทั้งศีรษะ เครื่องใน อวัยวะต่าง ๆ เรียงรายกันอยู่ด้านหน้า แม้แต่โลหิตก็ถูกเทไว้ในขวดและแก้วราวกับมันคือไวน์แดงชั้นเลิศ
นั้นทำให้พวกคณะสำรวจที่เหลืออยู่รู้ได้ทันทีว่าอาหารที่กินไปก่อนหน้านั้นที่หมู่บ้านคือพวกพรรคพวกของตนในคณะสำรวจ
หลายคนในคณะสำรวจต่างกรีดร้องออกมาว่าปีศาจ มารร้ายไม่หยุด บ้างก็ทิ้งตัวนั่งลงอ้วก แต่ก็มีบางส่วนที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ คนเหล่านั้นต่างพากันเคร่งเครียด เพราะสหายที่นอนอยู่ข้าง ๆ กันกลับกลายเป็นอาหารบนจานอย่างนั้น แสดงว่าตอนนี้มีบางสิ่งจ้องจะเล่นงานพวกเขาทุกคนอยู่
และพอมาวิเคราะห์ดูพวกเขาก็รู้ว่าการหายตัวไปของทุกคนนั้นเรียงลำดับตามบ้านที่พวกเขาเข้าไปพัก คืนก่อนคือ คนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังที่ 4 คืนที่ผ่านมาคือคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังที่ 3 และในคืนนี้คือคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังที่ 2 และคืนถัดไปคงไม่มีใครเหลือรอดแล้วพอคิดแบบนั้น พวกเขาก็แทบจะบ้ารีบพากันหาทางออกจากทุ่งร้างแห่งนี้ แต่ก็เหมือนเช่นเดิม มันไม่มีทางออก และในที่สุดคืนนี้ก็มาถึง พวกเขาพยายามเฝ้าถ่างตามองดูรอบ ๆ ในความมืด ครั้งนี้พวกเขาได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาล้อมรอบที่พักจำนวนมาก ทำให้คนที่เคยอยู่ในบ้านหลังที่สองต่างสั่นกลัว
พวกเขาเอาแต่จับจ้องไปในความมืดมิด...แต่ไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ด้านหลังของพวกเขานั้นมีบางสิ่งยืนมองอยู่เช่นกัน....” กายพยายามลากเสียงให้ยาวขึ้น
“อะไรอยู่ข้างหลังพวกเขา” มีอาและอีกสามคนถามด้วยความอยากรู้
กายลดเสียงให้ต่ำลงเข้ากับบรรยากาศก่อนจะพูดต่อ “มันคือพวกชาวบ้านจากหมู่บ้านที่พวกเขาเคยพัก แต่ในครั้งนี้ชาวบ้านพวกนั้นกับแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะใบหน้าของชาวบ้านนั้น มีแต่ปากขนาดใหญ่ ไร้ซึ่งดวงตา จมูก คิ้วหรือสิ่งใดอื่นอีก...”
ทั้งสี่ต่างขนลุกกับคำบอกเล่าของกาย โดยเฉพาะรอบตัวของพวกเขาตอนนี้ช่างเหมือนกับในเรื่องเล่าของกายมา นั้นทำให้ทุกคนพากันหันไปมองข้างหลังของตัวเอง แต่พอเห็นว่าไม่มีสิ่งใดก็พากันหายใจโล่งอก
“เดวินเรื่องเล่านี่มันน่าขนลุกเป็นบ้าเลย” ลิลี่ส่ายหัวเบา ๆ
“ข้านึกว่าจะมี...” ลูก้าพูดยังไม่ทันจบก็ถึงกับนิ่งไป
เพราะในตอนนั้นเองได้มีเสียง แก็ก! ของกิ่งไม้ที่หักดังมาจากทางด้านหลังของตนเอง
ลิลี่ถึงกับตกใจจับแขนมีอาแน่น อาลีน่า ลูก้า ก็ตื่นตกใจไม่แพ้กัน เพราะอยู่ ๆ ก็มีเสียงมาจากในความมืดเหมือนกับที่กายเล่าเมื่อสักครู่
“เรื่องที่เจ้าเล่าเป็นเรื่องจริงไหม” ลูก้าถามด้วยความกลัว
“ข้าก็ไม่รู้” กายก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะเขาก็ไปอ่านมาจากเรื่องที่ผู้เล่นคนอื่นมาเขียนเล่าสู่กันฟังเท่านั้น
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้คิดอะไรมาก จู่เจ้าของเสียงนั้นก็พุ่งออกมาจากเงามืดจูโจมพวกเขาทันที
“ระวังข้างหลัง” กายก็ร้องตะโกนเสียง ก่อนที่จะคว้าค้อนสั่นสะเทือนที่วางอยู่กับพื้นขึ้นมาหันไปฟาดใส่เงาที่กระโดดเข้ามาอย่างเต็มแรง
ปัง!
ค้อนฟาดใส่ร่างนั้นอย่างเต็มแรงมันกระเด็นกระดอนกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใจกลางจน ต้นไม้ทั้งต้นสั่นไหวเบา ๆ
“ปีศาจ!”
“ปีศาจในความมืด...”
ลิลี่และอาลีน่าพูดโพรงออกมาพร้อมกัน มีอารีบหยิบฟืนท่อนหนึ่งที่ติดไฟเดินตรงไปที่ร่างแน่นิ่งอยู่ตรงโคลนต้นไม้ และตรวจดูจนแน่ใจ จึงหันไปกล่าวกับทุกคน
“ไม่ใช่ปีศาจ...มันคือหมาป่า”
กาย ลูก้า อาลีน่า และลิลี่รีบเดินเข้ามาดู ร่างที่นอนแน่นิ่งนั้นราวกับลูกโปร่งใส่น้ำ
“การโจมตีเมื่อกี้นี้ได้ป่นกระดูก เส้นเอ็นและอวัยวะภายในรวมทั้งกล้ามเนื้อทั้งหมดจนแหลกเหลว ส่วนหนังของมันยังอยู่ในสภาพดีอยู่” มีอาพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ทุกคนหันไปมองกายและค้อนในมือของเขา กายเองก็ทึ่งกับการโจมตีเมื่อสักครู่ของเขาเช่นกัน
ลิลี่เดินเข้าไปจับหางของหมาป่ายกขึ้นห้อยหัว ทันใดนั้นเศษซากอวัยวะและอื่น ๆ ก็ไหลลงกับพื้นเหลือเพียงผืนหนังของหมาป่าตัวหนึ่งเท่านั้น
“เหลือเชื่อ เป็นแบบที่เจ้าบอกจริงด้วยมีอา” ลิลี่มองไปที่ค้อนในมือของกายด้วยสายตาเป็นประกาย ถ้าเธอได้มันมาไว้ในการครอบครองจะทำให้เธอเหมือนเสือติดปีกอย่างแน่นอน
“ถ้ามันคือหมาป่าตอนนี้เราก็ซวยกันแล้ว...” ยังไม่สิ้นคำของอาลีน่า เสียงหอนโหยหวนก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย มันคือเสียงของฝูงหมาป่า
“มีอา อาลีน่า รีบไปป้องกันม้าไว้ ลิลี่ ลูก้า ช่วยข้าจัดการหมาป่าตัวอื่น ๆ” กายสั่งออกมา มีอาและอาลีน่าไม่รอช้ารีบไปยืนป้องกันม้าของพวกเขาไว้ไม่ให้หมาป่าเข้ามาโจมตีพวกมัน ส่วนลิลี่และลูก้าต่างคว้าอาวุธของตัวเองยืนอยู่รอบนอกเป็นแนวหน้าข้าง ๆ กาย
เสียงฝูงหมาป่าวิ่งวนไปมาไม่หยุดพวกมันพยายามสร้างความสับสนให้กับพวกเขา ก่อนที่จะมีหมาป่าสามตัวใหญ่กว่าสองเมตรพุ่งออกมาจากเงามืดจู่โจมลิลี่
“ลิลี่ระวัง มันคิดว่าเจ้าตัวเล็กสุดจึงอ่อนแอที่สุด” กายตะโกนบอกลิลี่
กายและลูก้ารีบเข้าไปช่วยลิลี่
ลิลี่ได้ยินดังนั้นก็มองไปที่หมาป่าที่กำลังพุ่งเข้ามาขย่ำคอเธอด้วยความเดือดดาล พลางกำหมัดแน่นร้องตะโกน “เจ้าหมาบัดซบ...ใครตัวเล็กกัน”
หมาป่าไม่สนใจว่าเด็กมัดผมเปียตัวเล็กข้างหน้าจะพูดอะไร เพราะในความคิดของมันขอแค่ขย่ำคอเธอได้ เด็กนั้นก็ต้องเสร็จมันอย่างแน่นอน
แต่แล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างที่หมาป่าตัวนั้นคิด เพราะหมัดของลิลี่นั้นรวดเร็วมากจนซัดเข้าไปที่หัวของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ตูม!
หัวของหมาป่าโดนลิลี่ต่อยจนระเบิดราวกับลูกโปร่งที่สูบลมเกินขนาดระเบิดกระจายเป็นชิ้น ๆ ล่างหล่นดังตุบ หมาป่าอีกตัวก็ตกใจ แต่มันอยู่ใกล้จึงถอยไม่ทันจึงฉวยโอกาสนี้คิดจะกัดลิลี่จากด้านข้าง
แต่ในตอนนั้นเองลูก้าที่รวดเร็วก็ฟันไปที่ตัวของมัน นั้นทำให้หมาป่าตัวนั้นต้องกระโดดหลบไปข้าง ๆ โชคร้ายที่มันลืมคิดไปว่าลิลี่นั้นก็รวดเร็วไม่แพ้มัน
ลิลี่กระโดดขึ้นสูงกระทืบหมาป่าตัวนั้นจมไปกับพื้นดิน เสียงร้องของหมาป่าดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ลิลี่จึงจัดการส่งหมัดที่อัดแน่นได้ด้วยพละกำลังเข้าไปที่หัวของมันจนหมาป่าตายคาที่ในทันที
ตัวสุดท้ายที่คิดจะโจมตีเพื่อหยั่งเชิง กลับต้องเบรกตีนแตกถอยหลังคิดหนีเข้าไปในพุ่มไม้และเงามืด แต่ความเร็วของมันช้าไป
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัด ความเร็ว” ปลายเท้าของกายดีดฟริ้วลากค้อนสั่นสะเทือนพุ่งกระแทกเข้าไปที่ข้างลำตัวหมาป่าอย่างเต็มแรง ก่อนมันจะกระเด็นหายไปในพุ่มไม้ในเงามืด
หลังจากจัดการตัวที่หยั่งเชิงไป 3 ตัวพวกเขาก็รู้ว่ามันไม่จบแค่นี้อย่างแน่นอน เพราะท่าทีของฝูงหมาป่า ยังไม่มีท่าทีจะถอยกลับไป
“มันโจมตีม้า” มีอาตะโกนบอกพวกเขา
เมื่อจัดการคนไม่ได้ พวกมันจึงหันมาล่าม้าแทน เสียงม้าร้องด้วยความตื่นตกใจ ม้าพวกนี้ไม่ใช่ม้าศึก ดังนั้นเพียงแค่รัศมีของหมาป่าในฐานะนักล่าก็ทำให้ม้าพวกนี้ตื่นตกใจได้แล้ว
“ลูก้าเจ้าเร็วสุดไปช่วย ลิลี่และข้าจะป้องกันด้านนี้”
ลูก้าพยักหน้าเข้าใจ มันรู้ว่าหมาป่าเจ้าเลห์พวกกำลังทำให้พวกเขาเสียขบวน กายและลิลี่ต้องคอยจัดการด้านนี้
ลูก้า มีอาและอาลีน่า สู้กับหมาป่าอีกด้าน กายและลิลี่ก็เตรียมสู้กับหมาป่าทางด้านนี้เช่นกัน
ถึงพวกมันไม่ทรงพลังมากนัก อย่างมากก็แค่ระดับ 2 แต่อาจจะมีจ่าฝูงเป็นระดับ 3 แบบนี้เสียเปรียบเกินไปเมื่อมองไม่เห็นพวกมัน กายครุ่นคิดหาทองออกอย่างหนัก เขาไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่ตัวกันแน่ แต่ต้องไม่ใช่น้อย ๆ อย่างแน่นอน
“มาอีกแล้ว” ลิลี่ร้องบอกก่อนจะเข้าไปซัดกับหมาป่าอีกตัว
กายก็สู้กับหมาป่าอีกตัว ซึ่งน่าจะอยู่ในขั้นที่ 2 ในครั้งนี้หมาป่าตัวนี้รวดเร็วมาก จนมันเกือบสร้างบาดแผลให้กับเขา ยังดีที่กายนั้นเร็วกว่าใช้ค้อนสั่นสะเทือนทุบมันจนตกตายไปได้
“เราสู้กับพวกมันทั้งคืนไม่ได้แน่ ต้องรีบฆ่าให้หมด” อาลีน่าคว้าลูกศรก่อนจะใช้ศิลปะการต่อสู้ เจาะทะลวงยิงเจาะกะโหลกหมาป่าทะลุออกหลัง
มีอาก็เห็นด้วย เพราะพวกเขาต้องคอยป้องกันไม่ให้หมาป่าโจมตีม้าจึงเสียเปรียบพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไม่เห็นว่าพวกมันจะพุ่งออกมาจากทางไหนในเงามืด
“ใช้ไฟ” กายดูเหมือนจะคิดอะไรออกวิ่งไปที่กองไฟ คว้าหยิบฟืนขึ้นมาโยนไปทางมีอา
...