WS บทที่ 240 ปณิธาน PART 9
ใบหน้าของรีเซนซีดลง เขาเห็นไวส์ผู้ทรงพลังถูกฆ่าด้วยน้ำมือของเมอร์ลิน ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ใช้จังหวะที่ทั้งคู่กำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้หนีไปจากที่นี่
รีเซนสังเกตเห็นพลังธาตุมืดรอบ ๆ ตัวเมอร์ลิน มันทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นเอง เขาตัดสินใจหยิบม้วนหนังสัตว์ออกมาจากแหวนของเขาทันที ขณะที่เขาตะโกนใส่นักเวทย์ที่อยู่รอบๆ ตัวเขาว่า
"ข้ามีวิธีการฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าอยู่ในมือ ใครก็ตามที่ช่วยข้าเอาชนะเมอร์ลินได้จะได้รับมันไป!"
ตอนนี้รีเซนสิ้นหวังอย่างมาก เขาเต็มใจที่จะสูญเสียวิธีการฝึกฝนเพลิงวินาศเพื่อช่วยชีวิตเขา
“พลังปีศาจแพนโดร่า?”
“มันคือพลังปีศาจแพนโดร่าจริง ๆ งั้นเหรอ?”
นักเวทย์หลายคนเหลือบมองที่ม้วนหนังสัตว์ในมือของรีเซนด้วยความประหลาดใจในแววตาของพวกเขา ขณะที่พวกเขาจ้องมองมันอย่างกระตือรือร้น
เมอร์ลินหยุดเดินและสายตากวาดไปรอบ ๆ ทันใดนั้น นักเวทย์รอบ ๆ ตัวเขาก็ดูไม่อยากได้อีกต่อไป แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่ก็ส่ายหัวและระงับการความต้องการนี้ไว้
พลังปีศาจแพนโดร่านั้นน่าดึงดูดใจแต่หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเมอร์ลินและไวส์แล้ว นักเวทย์ระดับที่สี่ก็รู้อย่างชัดเจนว่าเมอร์ลินนั้นอันตรายเพียงใด มีแต่คนที่ไม่กลัวตายเท่านั้นที่จะกล้ารับข้อเสนอนี้
“มันไม่มีประโยชน์ที่จะหลีกเลี่ยงความตาย รีเซน!”
เมอร์ลินส่ายหัวขณะที่มองดูรีเซนอย่างสงบ เมอร์ลินไม่ใช่พ่อมดมือใหม่เหมือนกับตอนที่เขาเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำเป็นครั้งแรก ตอนนี้เขามีความคิดของนักเวทย์ที่แข็งแกร่งและเขาสามารถเผชิญกับอุปสรรคใด ๆ ก็ได้!
"เพลิงวินาศ!"
เมอร์ลินขยับตัวเล็กน้อยและทันใดนั้น เปลวไฟสีขาวก็ลุกโชนขึ้นจากร่างของพ่อมดรีเซน เปลวไฟพองตัวขึ้นและในไม่ช้าร่างกายของรีเซนก็ถูกไฟไหม้ทั้งหมด
เมอร์ลินเฝ้าดูอย่างสงบขณะที่รีเซ่นดิ้นรนอย่างทุรนทุรายในเปลวเพลิง ในที่สุดรีเซนก็ล้มลงบนพื้น ร่างกายของเขาถูกไฟไหม้เกรียมจนจำไม่ได้ เมอร์ลินรอจนไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในที่สุดเขาก็โบกมือให้เปลวเพลิงสงบลง
สิ่งที่เหลืออยู่ในร่างกายของรีเซนคือแหวนของเขาและม้วนหนังสัตว์ที่บันทึกวิธีการฝึกฝนเพลิงวินาศเอาไว้ นักเวทย์ที่อยู่รอบ ๆ มองดูเมอร์ลินหยิบหนังสัตว์ขึ้นมาด้วยแววตาที่สิ้นหวัง
ตอนนี้ม้วนหนังสัตว์อยู่ในมือของเมอร์ลินแล้วและพวกเขารู้ว่าเมอร์ลินมีความพลังปีศาจแพนโดร่าอยู่แล้ว มันเหมือนกับพ่อมดลีโอ ทุกคนรู้ว่าเขาฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดสำเร็จ ใครจะกล้ายืนหยัดต่อสู้กับเขาอย่างโง่เขลา
นี่เป็นเพราะความมั่นใจที่เมอร์ลินได้รับจากตอนที่เขาฆ่าไวส์ ตอนนี้เขามั่นใจว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ด้อยไปกว่านักเวทย์ระดับสี่ ในความเป็นจริง อาจไม่มีนักเวทย์ในเมืองโฟลตติ้งคนไหนกล้าที่จะต่อต้านเมอร์ลิน!
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเมอร์ลินครอบครองพลังปีศาจแพนโดร่า พวกเขาก็ไม่กล้ากระทำการใด ๆ และพวกเขารับคำเตือนจากชิ้นส่วนของไวส์ที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่บนพื้น
"เอเลน่า ไปกันเถอะ!"
เมอร์ลินเก็บม้วนหนังสัตว์และแหวนออกแล้วสั่งให้เอเลน่าออกไปจากทีนี่ พ่อมดแมทธิวแห่งตระกูลเดลแมนมองดูเมอร์ลินจากไปพร้อมกับเอเลน่าด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“เอเลน่า นั่นเธอเอง ทำไมเธอไม่พูดถึงว่าเธอกับเมอร์ลินเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกัน”
พ่อมดแมทธิวคิดเรื่องนี้ด้วยสีหน้าปีติยินดี จากนั้นเขาก็รีบกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเดลแมน
…
มหาสมุทรอันกว้างใหญ่นั้นดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดและผืนทวีปใด ๆ ก็ดูเหมือนเล็กอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร
กลางมหาสมุทรที่มีสิ้นสุดมีเกาะที่ไม่มีชื่อ บนนั้นคือปราสาทที่พิจิตรตระการตาและงดงามซึ่งส่องประกายเจิดจ้าจนมองเห็นได้จากระยะไกล
“ไคลส์!”
ในบ้านหลังหนึ่งในบริเวณปราสาท ได้มีแม่มดผมหางม้าตัวสูงสวมเสื้อผ้ารัดรูปตะโกนข้ามห้องไปที่พ่อมดอีกคนหนึ่งที่กำลังหลับตาลง
พ่อมดชายขมวดคิ้วและดูหงุดหงิดขณะที่เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
“บลูเบิร์ด เกิดอะไรขึ้น?”
แม่มดชื่อบลูเบิร์ดดูเหมือนจะเป็นโค้ดเนมมากกว่าชื่อจริง
“ไคลส์ ไอ้ไง่ไวส์ มันตายแล้ว!” บลูเบิร์ดกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ
ไคลส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากระซิบถามว่า “ไวส์ตายแล้วเหรอ เขาไม่ได้ไปที่เมืองโฟลตติ้งเพื่อทำงานง่าย ๆ เหรอ นอกจากอาคารสเตอร์ลิ่งแวนักเวทย์ในเมืองโฟลตติ้งก็ไม่แข็งแกร่งมากนัก แม้ว่าคุณจะรวมอาคารสเตอร์ลิ่งไปด้วย นักเวทย์แห่งเมืองโฟลตติ้งเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสี่เท่านั้น ไวส์ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้นแต่เขาคงจะสามารถเอาชนะนักเวทย์ระดับสี่ของเมืองโฟลตติ้งได้อย่างง่ายดาย มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่?”
บลูเบิร์ดสูดลมหายใจ “คนที่ฆ่าไวส์ไม่ได้มาจากเมืองโฟลตติ้งแต่เป็นนักเวทย์จากดินแดนเวทมนต์ดำ! ดูเหมือนว่าที่นั่นช่างน่าทึ่งจริง ๆ หลังจากที่คุณจากไปแล้วก็มีนักเวทย์หกธาตุระดับหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา เขาเป็นคนที่ฆ่าไวส์”
“นักเวทย์หกธาตุ!”
ไคลส์สงบสติอารมณ์ก่อนจะได้ยินคำอธิบายของบลูเบิร์ด ร่างกายของเขาเผยพลังงานที่ชั่วร้ายออกมา ตัวเขาเองเป็นนักเวทย์ห้าธาตุ เขารู้ว่าการเป็นนักเวทย์หกธาตุนั้นยากเพียงใด
ครั้งหนึ่งไคลส์เคยคิดที่จะเป็นนักเวทย์หกธาตุแต่ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความพยายาม
ในตอนนี้มีนักเวทย์หกธาตุในดินแดนมนต์ดำและไคลส์รู้สึกประหลาดใจ
“เดี๋ยวก่อน ฉันพอจะจำได้ลาง ๆ ในดินแดนมนต์ดำมีนักเวทย์คนหนึ่งซึ่งได้รับการจัดสรรให้ไปที่หอคอยพ่อมดลีโอ เขาเป็นนักเวทย์หกธาตุแต่ยังไม่ได้นักเวทย์ระดับหนึ่งเลย เป็นเขาใช่มั้ย ถ้าฉันจำไม่ได้ผิด เขามีชื่อว่าเมอร์ลิน!”
ไคลส์เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เขาอยู่ในดินแดนมนต์ดำ เขาจำได้ว่าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนักเวทย์หกธาตุแต่เมอร์ลินเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นในขณะนั้นและอยู่ห่างไกลจากการเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งมาก
“ใช่แล้ว นั่นคือเมอร์ลิน! ลีโอน่าทึ่งจริงๆ เขาสามารถฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดได้และยังสังหารท่านออสซีอุสด้วยน้ำมือของเขาเอง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมีลูกศิษย์ที่ทรงพลังอีกด้วย…” บลูเบิร์ดพูดอย่างอารมณ์ดี
“ตอนนี้เบื้องบนกำลังคิดอะไรอยู่” ไคลส์ถามพร้อมกับหรี่ตาเล็กน้อย
“ตอนแรกพวกเขาคิดจะเกลี้ยกล่อมเมอร์ลินให้ทรยศต่อดินแดนมนต์ดำแต่น่าเสียดายที่ข้อตกลงระหว่างดินแดนมนต์ดำและเมืองโฟลตติ้งไม่สามารถทำลายได้ในขณะนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถส่งเวทย์ระดับสี่ไปได้ มันจะโจ่งแจ้งเกินไป ทางเบื้องบนกำลังเตรียมส่งนักเวทย์ระดับสามไปแทนและฉันได้ลงชื่อรับงานนี้ไปแล้ว” สีหน้าของบลูเบิร์ดค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเมื่อเธออธิบายสถานการณ์ด้วยเสียงต่ำ
"ฮะ? เธอจะไปหาเขา?"
“ใช่ ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามตำแหน่งของคุณในออซมู เจ้าโง่ไวส์ประเมินตัวเองสูงเกินไป เขาต้องการเปรียบเทียบตัวเองกับคุณ ฉันกำลังหาโอกาสที่จะฆ่าเขาแต่โชคดีที่เมอร์ลินทำแทนฉันไปแล้ว แล้วที่สำคัญเมอร์ลินนั้นแข็งแกร่งมาก ไคลส์ คุณก็รู้ธรรมเนียมของออสมู ยิ่งมีนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์มากเท่าไหร่คนเก่า ๆ ก็จะถูกเขี่ยทิ้ง หากเมอร์ลินมาถึงออสมู ฉันเกรงว่าเขาจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อตำแหน่งของคุณ!”
“ฉะนั้น ฉันจึงสมัครเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อล่อลวงเมอร์ลินแต่เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่คุกคามตำแหน่งของคุณ ดังนั้นจะฆ่าเขา!”
นัยน์ตาของบลูเบิร์ดเย็นชาแต่น้ำเสียงของเธอยังคงสงบ เมื่อเธอมองไปที่ไคลส์ สีหน้าของเธอก็กลับนุ่มนวลขึ้น
ไคลส์รู้สึกไม่สบายใจเมื่อมองไปที่บลูเบิร์ด เขายื่นมือและลูบผมของเธอเบา ๆ และเขาพูดอย่างใจเย็น
"เอาล่ะบลูเบิร์ด ฉันโล่งใจที่คุณไป ถ้าไม่อย่างงั้นฉันจะฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าที่ออสมูให้สำเร็จและไปพบกับเมอร์ลินเป็นการส่วนตัวเพื่อดูว่านักเวทย์หกธาตุที่ลือกันว่าน่าอัศจรรย์จริง ๆ หรือไม่"
“อะไรนะ? คุณแน่ใจหรือว่าคุณต้องการที่จะฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่า? ไม่มีใครในออสมูประสบความสำเร็จในการฝึกฝนมาก่อน มีนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์จำนวนมากเกินไปที่เสียชีวิตด้วยการฝึกฝนพลังปีศาจอันนี้” บลูเบิร์ดที่ได้ยินเรื่องนี้ทำให้ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอดูประหม่ามาก
ไคลส์ลูบผมของบลูเบิร์ดต่อไป เขายิ้มและให้ความมั่นใจกับเธอด้วยเสียงที่สงบ "คิดว่าฉันจะยอมทรยศต่อดินแดมนต์ดำเพื่อสิ่งใดกัน? นักเวทย์ธรรมดาไม่สามารถกลายเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังได้และฉันไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็นคนธรรมดา!" ไคลส์พูดด้วยสีหน้าโกรธจัด
บลูเบิร์ดเงียบไปครู่หนึ่งแต่ในที่สุดเธอก็สงบลง เธอรู้ว่าเมื่อไคลส์ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว จิตใจของเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“ได้ หลังจากที่ฉันฆ่าเมอร์ลิน ฉันจะกลับมาโดยเร็วที่สุด ถ้าคุณตาย ฉันจะไปกับคุณ!” บลูเบิร์ดผู้เย็นชาตอนนี้ดูอ่อนโยนอย่างมาก
…
เมืองโฟลตติ้ง ตระกูลเดลแมน
พ่อมดแมทธิวรีบเดินเข้ามาจากลานบ้าน แม้ว่าตำแหน่งของเขาในตระกูลเดลแมนจะสูงแต่เขาไม่กล้าดูถูกคนในห้องนี้
*เอี๊ยด!*
จู่ ๆ ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก เมื่อพ่อมดแมทธิวเงยหน้าขึ้นอย่างดุเดือด เขาเห็นนักเวทย์หนุ่มสวมชุดคลุมสีดำจากอีกฟากหนึ่งของห้อง
“พ่อมดเมอร์ลิน!” พ่อมดแมทธิวตะโกนอย่างเร่งรีบขณะที่พ่อมดเอเลน่าเดินตามหลังเขา
เมอร์ลินมองดูเอเลน่าด้วยสีหน้าสับสนและเอเลน่ายืนขึ้นอย่างเชื่องช้าขณะที่เธอกระซิบ “เมอร์ลิน นี่คือพ่อของฉัน”
เมอร์ลินจำได้ว่าเอเลน่าพูดสั้น ๆ ว่าพ่อของเธอเป็นผู้นำในตระกูลเดลแมน
“พ่อมดแมทธิว มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” สายตาของเมอร์ลินสบกับพ่อมดแมทธิวขณะที่เขาถามอย่างใจเย็น
พ่อมดแมทธิวยิ้มและกระซิบ “พ่อมดเมอร์ลิน ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะ พวกเราตระกูลเดลแมนยินดีจ่ายด้วยอะไรก็ตามเพื่อคัดลอกวีธีการฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าบนม้วนหนังสัตว์นั่น!”
“คุณต้องการพลังปีศาจแพนโดร่างั้นเหรอ?”
เมอร์ลินหรี่ตาเล็กน้อยขณะที่เขาจ้องมองเอเลน่าอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของเธอแดงด้วยความเขินอาย จากนั้น เมอร์ลินก็หันไปมองพ่อมดแมทธิวด้วยแววตาเย็นชา