บทที่ 439 ข้อมูล(ตอนฟรี)
บทที่ 439 ข้อมูล ตอนฟรี
จี้เฟิงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเห็นว่าเป็นสายของจี้ช่าวเหลย “พี่รองโทรมา หรือว่าจะมีข่าวเรื่องนั้นแล้ว?”
จี้เฟิงรีบชิดข้างทางและจอดรถไว้ข้างถนนทันที มันไม่ค่อยปลอดภัยนักหากจะคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ อันที่จริงจี้เฟิงจะไม่คิดมากถ้าเขาขับรถอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้มีเซียวหยูซวนและถงเล่ยนั่งมาด้วยเขาจะไม่ประมาทเด็ดขาด
เขายกมือขึ้นเพื่อดูเวลา ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเกือบสี่สิบนาทีกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียน เขาจึงวางใจได้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการบอกให้สองสาวสบายใจก่อนจะลงจากรถแล้วกดรับโทรศัพท์
“พี่รอง โทรมาตั้งแต่เช้าเลย มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ?” จี้เฟิงเอนตัวพิงประตูรถและล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ทันทีที่เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาก็เหลือบไปเห็นสายตาที่ไม่พอใจของเซียวหยูซวนและถงเล่ย เขาเช็ดจมูกอย่างเก้อๆก่อนจะเก็บบุหรี่ไว้ในกระเป๋าของเขาตามเดิม
จี้ช่าวเหลยแค่นเสียง “ทำไม? ไม่มีอะไรด่วนฉันจะโทรหานายไม่ได้เลยเหรอ? ตอนนี้ใหญ่โตมากเลยสินะ!”
จี้เฟิงหัวเราะฮ่าๆ “ใครจะกล้าคิดแบบนั้น โอเคๆ ผมผิดไปแล้ว รีบพูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ? พอดีว่าผมกำลังจะไปมหาลัย เดี๋ยวมันจะสายเอา!”
“นายยังไปเรียนอยู่อีกเหรอ?” จี้ช่าวเหลยส่งเสียงหึในลำคอและพูดอย่างดูถูกว่า “นี่ใช่จี้เฟิงตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย? ไหนบอกมาสิว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา นายเข้าเรียนไปกี่คาบ?”
จี้เฟิงหัวเราะคิกคักและไม่ได้พูดอะไร ความจริงแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้เข้าเรียนจริงๆนั่นแหละ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ข้างนอก
“ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ คำพูดของพี่รองอาจดูเหมือนแซวเล่น แต่จริงๆแล้วเป็นการกล่าวเตือน!” จี้เฟิงแอบคิดอยู่ในใจ เขารู้ดีว่าในเมื่อพี่รองยังรู้เรื่องของเขาดีขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นผู้อาวุโสในบ้านก็น่าจะรู้เรื่องของเขาดีเช่นกัน บางครั้งเวลาที่เขาทำอะไรผิด พี่รองอาจจะพูดเตือนตรงๆไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้ในการเตือนเขาทางอ้อม
จี้เฟิงยิ้มและกล่าวว่า “พี่รอง ตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วจะเป็นนักเรียนที่ดีอีกครั้ง พี่รีบๆพูดมาเถอะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าจะได้ข่าวของป้าหลี่แล้ว?”
พอพูดถึงเรื่องสำคัญ จี้ช่าวเหลยก็หยุดพูดติดตลกและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ก็พูดอย่างเต็มปากเต็มคำไม่ได้หรอกนะว่าเป็นข่าวหรือเปล่า เพียงแต่หาข้อมูลเล็กๆน้อยๆของคนที่เหมือนจะมีความเป็นไปได้อยู่จำนวนหนึ่ง นายจะว่างตอนไหนล่ะ จะได้มาช่วยกันดูรายละเอียดอีกทีนึง!”
“จำนวนหนึ่งนี่มันกี่คน?” จี้เฟิงถาม
“หลังจากเปรียบเทียบเงื่อนไขต่างๆแล้ว ฉันตัดคนออกไปสิบกว่าคน สุดท้ายเหลืออีกคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด อายุใกล้เคียงกันแถมยังอยู่ในเขตพื้นที่ภูเขาเหมือนกันว่า แน่นอนว่าฉันนับรวบคนที่อยู่ใกล้กับเขตนั้นด้วย เพราะมันก็ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว สภาพแวดล้อมในปัจจุบันก็ต่างไปจากเดิมมาก อาจจะมีอะไรพัฒนาขึ้นก็ได้ หรือไม่ก็เป็นการทุบรื้อสร้างจนไม่เหลือเค้าภูมิประเทศแบบเดิม...” จี้ช่าวเหลยอธิบาย “แต่หกคนที่ฉันคัดมานี่ ว่ากันว่าสามในหกคนนั้นมีลูกหลานเต็มไปหมด...”
หัวใจของจี้เฟิงจมดิ่งลง เขาขมวดคิ้วและถามว่า “แล้วอีกสามคนที่เหลือล่ะ?”
“อีกสามคนที่เหลือไม่ได้อยู่ในทะเบียนบ้านเดิมแล้ว!” จี้ช่าวเหลยอธิบายต่อ “ดังนั้นตอนนี้ที่พวกเราหาเจอจึงมีเพียงหลี่เยี่ยฉินที่มีลูกหลานเยอะแยะ ส่วนอีกสามคนที่เหลือไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเธอไปไหน บางคนบอกว่าออกไปทำงานต่างเมือง บางคนก็บอกว่าไม่ได้กลับมานานหลายปีแล้ว... นายก็รู้ว่าประเทศจีนกว้างใหญ่ขนาดไหน การจะหาคนพวกนี้เจอคงยาก...”
เป็นอย่างที่คิด!
จี้เฟิงคิดในใจ เขาคาดเดามานานแล้วว่าหลังจากที่หลี่เยี่ยฉินจากไป พ่อของเขาคงไม่สามารถตามหาเธอได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปตามหาด้วยตัวเอง แต่อย่างน้อยเขาจะต้องส่งคนไปตามหาเธอแน่ๆ ดังนั้นถ้าป้าหลี่เยี่ยฉินไม่ต้องการให้พ่อของเขาตามหาเธอเจอ เธอก็คงไม่กลับไปที่บ้านเกิดของเธออย่างแน่นอน
.... ซึ่งมันแตกต่างจากตอนที่แม่จากไป!
จี้เฟิงรู้ดีว่าในตอนที่แม่จากไป เธอกลับไปที่บ้านเกิดก่อน ซึ่งความหมายมันก็ชัดเจนมาก แม่ของจี้เฟิงหวังว่าพ่อของเขาจะไปตามหาเธอและขอโทษเธอ ผู้หญิงเกือบทุกคนอยากให้คนรักของตัวเองง้อ ยิ่งไปกว่านั้น มีสามีภรรยาคู่ไหนบ้างที่ไม่เคยทะเลาะกัน ดังนั้นแค่การไปง้อขอคืนดีและกล่าวขอโทษอย่างจริงใจก็เพียงพอแล้ว
แต่เพราะความเย็นชาและการเยาะเย้ยดูถูกของญาติพี่น้องภายในบ้าน ทำให้เซียวซูเหม่ยแม่ของจี้เฟิงที่ว่ามีจิตใจเข้มแข็งแล้วก็ยังไม่สามารถทนได้ และแน่นอนว่าเธอไม่ต้องการเห็นลูกของเธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะถูกรังแกเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงออกจากบ้านเกิดเมืองนอนไปด้วยความโกรธ
และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้จี้เฟิงต้องแยกห่างจากพ่อบังเกิดเกล้ามานานกว่าสิบปี
แต่ในกรณีของป้าหลี่เยี่ยฉินนั้นไม่เหมือนกัน เธออาจจะเสียใจมาก เธอจึงพาลูกๆของเธอไปหลบซ่อนไว้รวมทั้งปิดบังชื่อ ถ้าเธอทำขนาดนั้นแล้วเธอจะกลับบ้านเกิดได้ยังไง?
จี้เฟิงไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี เขาได้แต่ถือสายโทรศัพท์ไว้อย่างนั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“น้องสาม แม้ว่าฉันจะไม่ได้บอกว่าจะไม่ตามหาหลี่เยี่ยฉินสามคนนั้น แต่ฉันก็อยากจะบอกนายไว้ก่อนว่าหลี่เยี่ยฉินที่พวกเราจะไปเจอ ไม่น่าจะเป็นคนที่เราตามหา...” จี้ช่าวเหลยรู้สึกได้ว่าจี้เฟิงไม่สบายใจ น้ำเสียงของเขาจึงจริงจังขึ้นมาทันที “แต่ไม่ว่ายังไง เราก็ต้องไปตรวจสอบด้วยตัวเองให้รู้ชัดกันไปเลย เอาเป็นว่านายหาเวลาว่างมาพูดคุยวางแผนกันก่อนดีกว่า!”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและพึมพำว่า “พี่รอง เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าวันนี้พี่มีเวลา ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจที่จะตัดสามคนนี้ออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นผมคงนอนไม่หลับแน่!”
“ได้ วันนี้ฉันว่าง อันที่จริงพี่ชายคนนี้เป็นผู้จัดการส่วนตัวที่ว่างที่สุดสำหรับน้องชายอย่างนายอยู่แล้ว นายจะมาหาฉันเมื่อไหร่ก็ได้!” จี้ช่าวเหลยยิ้ม
จี้เฟิงตอบรับเพียงสั้นๆและวางสายทันที เขาพิงประตูรถและถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้คนที่มีชื่อว่าหลี่เยี่ยฉินถูกตัดออกไปจนเหลือเพียงหกคนเท่านั้น สามในหกคนมีลูกหลานมากมาย... ส่วนอีกสามคนยังหาไม่เจอ
ผลลัพธ์เช่นนี้ถ้ามองแบบไม่หลอกตัวเองมันก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีนัก
ที่สำคัญกว่านั้น ตามความหมายของจี้ช่าวเหลย หลี่เยี่ยฉินสามคนที่มีลูกหลานมากมาย มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเป็นคนที่พวกเขาตามหา
“จี้เฟิง.. มีอะไรเหรอ?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้นข้างๆ เซียวหยูซวนเห็นจี้เฟิงขมวดคิ้วแน่นก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“มีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย!” จี้เฟิงเกาหัว “ฉันอยากตามหาใครซักคน แต่ฉันกลับมีแค่ชื่อของเธอเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย...”
เซียวหยูซวนใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อยและถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีว่า “เธอ.. ผู้หญิงเหรอ? นายกำลังตามหาใครอยู่?”
“นอกจากแม่ของฉันที่เป็นภรรยาของพ่อแล้ว เมื่อก่อนพ่อของฉันเคยมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาก่อน..” จี้เฟิงยิ้มอย่างชั่วร้าย
ใบหน้าของเซียวหยูซวนแดงระเรื่อ เธอพ่นลมออกจมูกและกล่าวว่า “นายดูออกเหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่?”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “ทำไมจะมองไม่ออกล่ะ เอาล่ะ ฉันจะพาพวกเธอไปส่งที่มหาลัยก่อน ดูเหมือนว่าแผนการที่จะเป็นนักเรียนที่ดีในวันนี้คงต้องล่มซะแล้วล่ะ!”
เซียวหยูซวนรู้ว่าจี้เฟิงมีเรื่องต้องทำ เธอจึงไม่ได้คัดค้านอะไรอีก นอกจากนี้เธอเองก็รู้ดีว่าด้วยความสามารถในการจำของจี้เฟิง ที่จริงแล้วการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยแทบไม่มีความหมายอะไรกับเขาเลย เพียงแต่ที่จี้เฟิงต้องเข้าเรียนก็เป็นเพราะพวกเธอขอร้องเท่านั้น
หลังจากขึ้นรถแล้ว จี้เฟิงก็สตาร์ทรถและมุ่งหน้าไปยังสหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจวทันที
เมื่อมาส่งแฟนสาวทั้งสองของเขาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว จี้เฟิงไม่ได้ลงจากรถ เขาลดหน้าต่างลงและพูดกับพวกเธอด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าฉันมารับไม่ทันพวกเธอก็เรียกแท็กซี่กลับเลยนะ ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะล่ะ แต่ถ้าฉันกลับมาเร็วฉันจะโทรหาก็แล้วกัน!”
“ระวังตัวด้วย ถ้ามีปัญหาอะไรที่ยังแก้ไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งรีบร้อน!” เซียวหยูซวนกล่าวด้วยความเป็นห่วง
ถงเล่ยพูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่คมชัดว่า “ขับรถระวังๆนะ อย่างขับเร็วมากล่ะ เดี๋ยวจะไม่ปลอดภัย!”
“ไม่ขับเร็วแน่นอน!” จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของแฟนสาวทั้งสองคนของเขา หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข ความภาคภูมิใจและความสำเร็จ
“พี่รอง หาที่ดื่มชากันสักถ้วยเถอะ!” หลังจากขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัย จี้เฟิงก็โทรหาจี้ช่าวเหลย พี่ชายคนที่สองของเขาทันที
จี้ช่าวเหลยตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่า “โอเค เอาเป็นที่ ‘ดอกไม้ท่ามกลางแสงจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิคลับเฮ้าส์’ ก็แล้วกัน ที่นั่นไม่ได้มีแค่อาหารเท่านั้น แต่ยังมีชา กาแฟ และสิ่งบันเทิงอื่นๆด้วย!”
“.... พี่ตั้งใจใช่มั้ย?!” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ทั้งๆที่พี่รองของเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าฮูซู่ฮุ่ยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่ดอกไม้ท่ามกลางแสงจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิคลับเฮ้าส์ แต่ก็ยังนัดให้ไปเจอกันที่นั่น เขามีจุดประสงค์อะไรไม่ต้องใช้สมองคิดก็รู้
จี้ช่าวเหลยหัวเราะ “ฮ่าๆๆ น้องสาม ที่จริงแล้วสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของ ดอกไม้ท่ามกลางแสงจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิคลับเฮ้าส์ (โอ๊ยยย ชื่อจะยาวไปหน๊ายย) ถือว่าดีเป็นอันดับต้นๆในเจียงโจว แต่ถ้านายไม่สบายใจที่จะไปที่นั่นจริงๆ... งั้นเราก็ไปที่คลับหลินจิงของหลี่เว่ยตงกันดีมั้ย?”
“....” ทันใดนั้นเส้นสีดำหลายเส้นก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของจี้เฟิง จะไปที่นั่นก็ต้องเสียเวลาเดินทางอย่างน้อยสองชั่วโมง ถ้าเขาเอาเวลาไปเสียกับการเดินทางขนาดนั้นแล้ว ยังจะมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้อยู่อีกมั้ย?
จี้เฟิงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ “งั้นก็ไปที่ดอกไม้ท่ามกลางแสงจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิคลับเฮ้าส์กันเถอะ!”
“นายเลือกถูกแล้ว ก็เหมือนกับที่นายเคยพูดไง เราต้องให้โอกาสคนเขาได้กล่าวขอโทษบ้างนะ!” จี้ช่าวเหลยพูดด้วยรอยยิ้มจบก็วางสายทันที
จี้เฟิงหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินประโยคที่เขาเคยพูดกับพี่รองย้อนกลับมาที่ตัวเอง “อย่างผู้ชายคนนี้เนี่ยนะจะให้โอกาสคนอื่นมากล่าวขอโทษ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็แปลกแล้ว! เห็นๆกันอยู่ว่านายอยากจะทำให้ฮูซู่ฮุ่ยขายหน้าขนาดนั้น... ผู้ชายตัวโตแต่คิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงตกอับ มันจะได้อะไรขึ้นมา?”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นก็เหยียบคันเร่งแล้วรถก็พุ่งตัวออกไปทันที
...............
ในดอกไม้ท่ามกลางแสงจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิคลับเฮ้าส์ ภายใต้การดูแลของหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ พนักงานคนอื่นๆกำลังทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้และ เฟอร์นิเจอร์บางส่วนในแผนกอาหารและเครื่องดื่ม
ฮูซู่ฮุ่ยก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เพียงแต่เธอทำงานด้วยท่าทีเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา
“เสี่ยวฮุ่ย เธอกำลังคิดอะไรอยู่? รีบทำงานเร็วเข้าสิ นี่ก็ได้เวลาผู้จัดการลงมาตรวจแล้ว!” พนักงานคนหนึ่งกระซิบเสียงดุ
“อา.. ห๊ะ? อ๋อ! โอเคๆ” ฮูซู่ฮุ่ยสะดุ้งเล็กน้อยและมีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอรีบหยิบไม้ถูพื้นขึ้นมาแล้วถูพื้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหาร ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาที่นี่จึงมาเพื่อดื่มชากาแฟหรือมาเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกด้านความบันเทิงของที่นี่
เนื่องจากคลับเฮ้าส์แห่งนี้มีที่พักผ่อนและสถานที่อำนวยความสะดวกด้านความบันเทิง ดังนั้นในโอกาสที่ลูกค้ายังมีไม่มาก พนักงานจึงต้องอาศัยโอกาสนี้ทำความสะอาดโดยเร็วที่สุด
ในตอนนั้นเอง ประตูอัตโนมัติของคลับเฮ้าส์ก็แยกออกจากกัน ร่างสูงใหญ่และหล่อเหลาของชายหนุ่มสองคนก็เดินเข้ามา พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
อึก!
ฮูซู่ฮุ่ยชะงักและหน้าซีดเผือดทันที แน่นอนว่าเธอรู้จักสองคนนี้ พวกเขาคือจี้เฟิงกับจี้ช่าวเหลย!
“น้องสาม นายชอบเล่นกีฬาอะไร? เราสองคนไปเล่นบิลเลียดกันสักหน่อยมั้ย?” จี้ช่าวเหลยถามด้วยรอยยิ้ม
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมกลัวว่าจะชนะจนทำให้พี่ร้องไห้!”
“ไอ้เด็กเวร ดูถูกพี่ชายคนนี้ขนาดนี้เลยเหรอ?” จี้ช่าวเหลยไม่พอใจขึ้นมาทันที “ในเมื่อกล้าพูดขนาดนี้ ฉันจะแสดงให้นายเห็นฝีมือที่แท้จริงของฉัน!”
“คร้าบๆ ผมจะรอรับความพ่ายแพ้ก็แล้วกัน!” จี้เฟิงพูดพลางหัวเราะ
จี้ช่าวเหลยก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่จู่ๆ เขาก็หยุดชะงักและพูดขึ้นว่า “อ๊ะ เธอคนนั้น! คนที่กำลังถูพื้นอยู่น่ะ! เธอไม่เห็นเหรอว่ามีลูกค้าเข้าร้าน? ทำไมยังไม่มาทักทายอีก?!”
ทันใดนั้นเส้นสีดำหลายเส้นก็ปูดขึ้นบนหน้าผากของจี้เฟิง เขาผลักหลังจี้ช่าวเหลยเบาๆให้เดินต่อและพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “พี่รอง หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว ผมกับเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว เราไปกันเถอะ! ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นหรอก”
จี้ช่าวเหลยหัวเราะเสียงดัง จะไม่ให้เขาสนใจเรื่องนี้ได้ยังไง? น้องชายถูกคนอื่นทำให้อับอายขายหน้า ตัวเองเป็นพี่ชาย จะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายสร้างเรื่องแล้วใช้ชีวิตอย่างสบายใจเฉิบได้เหรอ
…จบบทที่ 439~❤️