WS บทที่ 239 ปณิธาน PART 8
การปะทะกันระหว่างพลังปีศาจแพนดอร่าทั้งสองทำให้เมอร์ลินประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาร่ายเพลิงวินาศแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังปีศาจแพนโดร่าปะทะกับพลังปีศาจอันอื่น
พายุคลั่งขจัดหมอกหนาทึบภายในพื้นที่รอบหนึ่งร้อยเมตรเผยให้เห็นทะเลเปลวเพลิงสีขาวดูเหมือนจะส่องแสงร้อนแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ขณะที่มันโอบล้อมลมอันรุนแรง การปะทะกันระหว่างพลังธาตุทั้งสองนี้ดูเหมือนจะท้าทายกฎแห่งธรรมชาติทั้งหมด
การปะทะกันของไฟและลมกลายเป็นฉากที่น่ากลัว ในขณะนั้นเอง เมอร์ลินก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เมอร์ลินจำได้ว่าในโบสถ์ของเมืองแบล็ควอเตอร์ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังทางศาสนาที่เขาเคยเห็น ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้บรรยายถึงเทพแห่งแสงที่มีพลังวิเศษที่สามารถขับไล่ความมืดและลงโทษปีศาจได้
‘เป็นไปได้ไหมว่า ‘เทพแห่งแสง’ จริง ๆ แล้วเป็นนักเวทย์โบราณที่มีพลังปีศาจแพนโดร่า?’
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของเมอร์ลินขณะที่เขามองดูสองพลังปีศาจปะทะกัน
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ได้แน่ใจกับสิ่งที่เขาคิดมากนักเนื่องจากทางโบสถ์แห่งแสงมีท่าทีต่อต้านพวกนักเวทย์และตลอดระยะเวลาหลายปีของเขาในดินแดนมนต์ดำ เมอร์ลินยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับนักเวทย์ที่สร้างคาถาธาตุแสงเลย แม้ว่าธาตุแสงจะเป็นหนึ่งในพลังธาตุที่สามารถสร้างเป็นคาถาได้แต่ไม่มีนักเวทย์คนใดเคยสร้างคาถาธาตุแสงมาก่อนเลย
“หือ? พลังปีศาจแพนโดร่า? แกเองก็มีด้วยเหรอ?”
พ่อมดไวส์เห็นทะเลเพลิงสีขาวที่โหมกระหน่ำและใบหน้าของเขา เขามีคาถาธาตุไฟและสามารถสร้างพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุไฟได้
ไวส์ยังได้ฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าด้วยตัวเขาเองและรู้ถึงความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อของมัน พลังปีศาจแพนโดร่านั้นหายากมาก แม้แต่ในออสมูก็ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ
ไวส์ตระหนักว่าเมอร์ลินครอบครองพลังปีศาจแพนโดร่าและตัดสินใจว่าเขาจะฆ่าเมอร์ลินเพื่อเอามันมา เขาดูไม่กังวลเลยสักนิดว่าเขาจะพ่ายแพ้
นี่คือความคิดทั่วไปของนักเวทย์จากออสมู พวกเขาเชื่อว่าไม่มีใครนอกจากสมาชิกอย่างเป็นทางการที่จะยิ่งใหญ่เท่ากับพวกเขาหรือมีพลังเทียบเคียงพวกเขาได้
“พายุคลั่ง เปลี่ยนรูปแบบ!” ไวส์แผดเสียง พายุคลั่งยิ่งน่ากลัวมากขึ้นไปอีก มันแทบจะบดขยี้ทะเลเพลิงสีขาวจนเกือบหมด
เมอร์ลินขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่ารีเซน ในขณะที่ไวส์ยังยืนขวางทางเขา
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะสู้อย่างสุดกำลัง!”
สายตาของเมอร์ลินจดจ่อและในไม่ช้าพลังธาตุมืดบนร่างกายของเขาก็เริ่มผันผวนเพื่อสร้างพลังมหาศาล นี่เป็นผลมาจากการฝึกฝนดวงใจแห่งความมืด
ผู้ที่มีดวงใจแห่งความมืดจะถูกเรียกว่า ข้ารับใช้แห่งความมืดที่ถูกเรียกอย่างนี้เนื่องจากพวกเขาครอบครองพลังธาตุมืดที่น่าสะพรึงกลัวและเป็นศูนย์รวมที่น่ากลัวของความมืด
“เขตแดนแสงดำ!”
เมอร์ลินตะโกนและร่ายเขตแดนแสงดำแบบเสริมพลังทันที จากนั้นแสงได้หักเหรอบ ๆ ตัวของไวส์และทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นมืดสนิท แม้แต่พลังจิตก็ไม่สามารถตรวจสอบความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ได้
เขตแดนแสงดำของเมอร์ลินได้รับการเสริมพลังจากดวงใจแห่งความมืด แม้แต่นักเวทย์ที่อยู่จุดสูงสุดของพลังจิตระดับสามและระดับสี่ก็ยังตกอยู่ภายใต้ภาพลวงตา
เมอร์ลินไม่เคยพบนักเวทย์ระดับสี่มาก่อนและแม้ว่าไวส์จะเป็นนักเวทย์ระดับสามแต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังจิตพอ ๆ กับนักเวทย์ระดับสี่
ความมืดได้เข้ามาใกล้ไวส์และเขาก็อดไม่ได้ที่จะยอมแพ้ พลังปีศาจแพนโดร่าของไวส์ลดลงอย่างมากและพังทลายลงอย่างรวดเร็ว
นี่หมายความว่าไวส์ตกอยู่ในภาพลวงตา
“พลังปีศาจแพนโดร่า เพลิงวินาศ!”
เมอร์ลินมองดูพลังของพ่อมดไวส์ที่ลดลงไปอย่างมาก เขาจึงร่ายเพลิงโดยไม่ลังเล พลังเวทย์ของโครงสร้างเวทมนต์คาถาลูกไฟกับเพลิงพิโรธแทบจะหมดลงในพริบตา
ทะเลเปลวเพลิงสีขาวพุ่งสูงขึ้นและพุ่งชนเข้ากับพลังปีศาจแพนโดร่าของไวส์
“คาถาธาตุมืดนั้นสุดแสนจะลึกลับแต่พลังจิตของฉันก็เท่ากับนักเวทย์ระดับสี่ ถึงเขตแดนแสงดำจะร่ายผ่านอุปกรณ์เวทมนต์ มันก็ไม่มีทางที่จะมาหลอกฉันได้!!!”
ทันใดนั้น เสียงที่สงบมาจากภายในความมืด จากนั้นพลังปีศาจแพนโดร่าของไวส์ก็เพิ่มขึ้นมาอีกครั้งและก่อตัวเป็นพายุขนาดมหึมา
พลังปีศาจแพนโดร่าทั้งสองได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง แต่ละคนพยายามที่จะทำให้อีกฝ่ายพลังเวทย์หมด แม้ว่าเมอร์ลินจะมีรูปแบบคาถามากมายในจิตใต้สำนึกของเขาแต่เขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับหนึ่งเท่านั้น สิ่งนี้ไม่อาจต่อต้านความแข็งแกร่งอันน่าเหลือเชื่อของนักเวทย์ระดับสามอย่างไวส์ได้
เมอร์ลินไม่เคยทำให้พลังเวทย์ของไวส์หมดและนี่คือข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของเขา!
“ไม่นะ พ่อมดเมอร์ลินแห่งดินแดนมนต์ดำอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไวส์ แต่ทั้งสองกำลังพยายามทำให้พลังงานของอีกฝ่ายหมด หากพลังปีศาจแพนโดร่าของเขาหมด อีกไม่นานก่อนที่เมอร์ลินจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”
นักเวทย์ระดับสี่ที่เฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างพลังปีศาจแพนโดร่าของเมอร์ลินกับไวส์ ดูเหมือนว่าไวส์จะเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเขาเป็นนักเวทย์ระดับสาม
ทางด้านรีเซน เขารู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นของเมอร์ลินที่มีต่อเขา ถ้าเมอร์ลินไม่ตายตอนนี้ เมอร์ลินจะกลายเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่
ตอนนี้ไวส์อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบอยู่แล้ว และถ้าเมอร์ลินถูกฆ่า เขาหวังว่าเขาจะโชคดีกว่านี้ที่สามารถเอาสมบัติที่จำเป็นในการฝึกฝนเพลิงวินาศมาได้ เขาไม่ได้ครอบครองสิ่งของที่จำเป็นและสิ่งนี้ขัดขวางการฝึกฝนของเขา
เมอร์ลินสามารถฝึกฝนรูปแบบแรกของเพลิงวินาศได้ นี่หมายความว่าเขามีสมบัติที่จำเป็นสำหรับการฝึก ถ้าเขาไม่ได้ใช้มันจนหมด พ่อมดรีเซนก็สามารถใช้มันและฝึกฝนเพลิงวินาศให้กับตัวเองได้
เมอร์ลินใช้เพลิงวินาศกับไวส์ ความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวทำให้รีเซนอิจฉาอย่างมากและความปรารถนาของเขาที่จะฝึกฝนเพลิงวินาศก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาใช้พลังปีศาจแพนโดร่าเพลิงวินาศเท่านั้นแต่การต่อสู้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นจน เมอร์ลินเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่ทว่าเขายังมีพลังปีศาจแพโดร่าอีกอย่างที่ยังไม่ได้ใช้
“พลังปีศาจแพนดอร่า ดัชนีเยือกแข็ง!”
เมอร์ลินยื่นนิ้วสีขาวซีดของเขาซึ่งตอนนี้มันกลับคืนสู่สภาพปกติเพราะเขาได้ฝึกฝนรูปแบบแรกดัชนีเยือกแข็งสำเร็จแล้ว
นอกจากนี้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินใช้ดัชนีเยือกแข็ง หลังจากที่เขาฝึกฝนรูปแบบแรกสำเร็จ!
เมอร์ลินจ้องเข้าไปในเขตแดนแสงดำ พลังจิตของไวส์นั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริงและพลังของคาถาไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เมอร์ลินจึงทำได้แค่พึ่งพาพลังปีศาจแพนโดร่าเท่านั้น ท้ายที่สุด คาถาในจิตใต้สำนึกของเขาล้วนเป็นคาถาระดับหนึ่งและไวส์เป็นนักเวทย์ระดับสามที่ทรงพลัง เมอร์ลินสู้เขาไม่ได้เลย
*ชู่ว!*
พลังของดัชนีเยือกแข็งอาจไม่ได้ดูหวือหวาอะไรนัก มันไม่ได้น่ากลัวเท่ากับเพลิงวินาศแต่มันก็ยังเป็นพลังปีศาจแพนโดร่าอยู่ดีซึ่งพลังของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเพลิงวินาศเลย
*แคร่ก! แคร่ก!”
ชั้นของผลึกน้ำแข็งแข็งตัวอย่างรวดเร็วที่พื้น มันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ถึงเท้าของไวส์
ไวส์และเมอร์ลินมีพลังต่อสู้ที่เท่าเทียมในแง่ของพลังปีศาจแพนโดร่า อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินตอนนี้มีสองพลังปีศาจแพนโดร่าจึงสร้างความแตกต่างได้มาก
ตอนนี้พลังปีศาจแพนโดร่าของไวส์กำลังพัวพันกับเพลิงวินาศ เขาจึงไม่ได้ใช้พลังปีศาจแพนโดร่าของเขารับมือกับดัชนีเยือกแข็งของเมอร์ลิน ดังนั้นไวส์จึงทำได้เพียงใช้คาถาป้องกันระดับสามของเขาเพื่อพยายามป้องกันดัชนีเยือกแข็งแต่มันก็ไร้ผล
สายลมหนาวจากดัชนีเยือกแข็งแพร่กระจายเร็วเกินไปและทำให้ร่างกายของไวส์แข็งตัว
ในที่สุดไวส์ก็รู้สึกถึความกลัว เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยน้ำมือของนักเวทย์ระดับหนึ่งอย่างเมอร์ลิน!
“ไม่ ฉันเป็นอัจฉริยะของออสมู! ฉันจะไม่ตาย ฉันถูกกำหนดให้เป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง!” น้ำเสียงของไวส์แหลมดังมากทำให้เมอร์ลินขมวดคิ้ว
*แคร่ก!*
ทันทีที่ชั้นน้ำแข็งที่ห่อหุ้มไวส์ก็เริ่มปริออก ผลึกน้ำแข็งแตกและในไม่ช้า ร่างกายของเขาก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับเปลือกไข่
ผลึกน้ำแข็งที่แตกสลายตกลงสู่พื้นและพายุคลั่งได้อันตรธานหายไปทันทีที่ไวส์เสียชีวิต
ในขณะนั้นเอง แสงอรุณก็ปรากฏขึ้นและผ่านหมอกอันหนาทึบ นักเวทย์ระดับต่ำบางคนสามารถมองเห็นชิ้นส่วนของผลึกน้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้อย่างชัดเจนซึ่งนั่นเป็นร่างกายของไวส์
ไม่มีเลือดและไม่มีน้ำตากับความสูญเสียของไวส์ นักเวทย์ผู้น่ารังเกียจที่ต้องการทำลายตระกูลไรท์ซึ่งเขาได้พ่ายแพ้ต่อเมอร์ลิน ทำให้พวกเขาจ้องมองเมอร์ลินด้วยความกลัว
“นักเวทย์หกธาตุจากดินแดนมนต์ดำแถมยังมีพลังปีศาจแพนโดร่าอีกด้วย…เขามีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าไคลส์จากดินแดนมนต์ดำ นับจากวันนี้เป็นต้นไปชื่อเสียงของเมอร์ลินจะมีมากกว่านี้ เขาอาจเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงคนแรกของดินแดนมนต์ดำ!”
“ฮี่ฮี่ ตอนนี้ไคลส์ได้ทรยศจากดินแดนมนต์ดำและออกจากที่นั่นไปแล้วแต่ก็มีเมอร์ลินที่มีพลังมากกว่าขึ้นมาแทนที่ อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยเหตุการณ์ในวันนี้ ความยุ่งยากของดินแดนมนต์ดำเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น”
“ฉันได้ยินมาว่าดินแดนมนต์ดำได้ออกคำสั่งให้ฆ่าไคลส์มาแล้วโดยมอบหมายให้นักเวทย์ระดับสี่หรือต่ำกว่าเพื่อรับรางวัล ฉันค่อนข้างคาดหวังว่าจะมีการเผชิญหน้าระหว่างอัจฉริยะทั้งเก่าและใหม่ของดินแดนมนต์ดำ!”
นักเวทย์ระดับสี่คนอื่น ๆ ได้เห็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่และเมอร์ลินก็คว้าชัยชนะด้วยการสังหารสมาชิกทางการของออซมูอย่างไวสส์ที่เป็นนักเวทย์ระดับสาม พวกเขาทั้งหมดรู้สึกโล่งใจ
ท้ายที่สุด พวกออสมูก็เหมือนกับองค์กรนักเวทย์ที่จะมาคิดบัญชีกับคนที่สังหารคนของเขา ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาคือดินแดนมนต์ดำไม่ใช่ตระกูลนักเวทย์ในเมืองโฟลตติ้ง
เมอร์ลินหยิบแหวนที่ปกคลุมไปด้วยผลึกน้ำแข็งขึ้นมาจากพื้นดิน มันคือแหวนของไวส์
เมอร์ลินใช้กำลังเพื่อสลายผลึกน้ำแข็งและนำแหวนกลับมา
“ใครจะไปคิดว่าฉันจะเอาชนะไวส์ที่มาจากออซมูได้?”
เมอร์ลินมองไปที่แหวนและนึกถึงไคลส์ทันที อัจฉริยะคนแรกของดินแดมนต์ดำที่ได้ทรยศต่อพวกเขาและตอนนี้ก็หันไปหาออสมู
บางทีวันหนึ่ง เมอร์ลินอาจจะต้องต่อสู้กับไคลส์
“พ่อมดรีเซน ดูเหมือนว่าเรามีเรื่องที่ต้องสะสางกันนะ!”
เมอร์ลินเก็บแหวนของไวส์ออกโดยไม่ได้ตรวจดูของข้างในและหันไปมองที่รีเซนซึ่งยังคงตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว