184 - ผู้แข็งแกร่งอีกฝั่งหนึ่ง
184 - ผู้แข็งแกร่งอีกฝั่งหนึ่ง
ศิษย์พี่หยางยิ้มแต่ไม่ได้พูดในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า เขาสูงและผอมเพรียว สูงกว่าคนธรรมดาสองช่วงศีรษะ เขามองลงมาทางเย่ฟ่านที่อายุเพียงสิบสี่เท่านั้น
“ที่จริงเจ้าถือว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน ร่างกายของเจ้ามีพลังมาก ถ้าเจ้ายอมรับความผิดพลาดของเจ้าตอนนี้ ข้าจะไม่ทำให้เรื่องยากสำหรับเจ้า เราเป็นศิษย์ของนิกายไท่ซวนพวกเราควรรักษาความสามัคคีไว้”
เย่ฟ่านพยักหน้าและกล่าวว่า
“ใช่แล้ว ยอดเขารกร้างและยอดเขาดวงดาวถือได้ว่าเป็นยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียง หากข้าทำลายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ มันคงเป็นเรื่องน่าเสียดาย”
“สหายคนนี้หยิ่งผยองเกินไป เขากล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าศิษย์พี่หยางเขาคงคิดรนหาที่ตายจริงๆ!”
“ศิษย์พี่หยาง หักแขนขาของมันออกเลย! เด็กน้อยคนนี้หยิ่งผยองมากเกินไป แม้กระทั่งท่านปรากฏตัวขึ้นมาเขาก็ยังคงท้าทายยอดเขาดวงดาวของเราโดยไม่เห็นอยู่ในสายตา!”
“ในประวัติศาสตร์ของนิกายไท่ซวน ผู้นำนิกายครึ่งหนึ่งมาจากยอดเขาของเรา แม้ว่ายอดเขารกร้างจะผงาดขึ้นอีกครั้งแต่กว่าจะถึงระดับเดียวกันกับยอดเขาเราคงต้องใช้เวลาอีกเป็นร้อยปี”
หลี่เสี่ยวม่านเดินไปข้างหน้าและพยายามเกลี้ยกล่อมเย่ฟ่านอีกครั้ง
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่หยาง ขอโทษเร็วเข้า”
จี้จื่อเยว่มีรอยยิ้มที่สดใสอยู่บนใบหน้า นางปรบมือพร้อมกับตะโกนดังๆด้วยความตื่นเต้น
"สู้ ๆ สู้! ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”
เย่ฟ่านเหลือบมองที่หลี่เสี่ยวม่าน เขาไม่ได้พูดอะไรแต่เดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างใจเย็น
“ศิษย์น้องหลี่เจ้าก็เห็นแล้ว ข้าขอโทษจริงๆเพราะเขาเป็นนี้ข้าก็ไม่มีทางเลือก” รอยยิ้มของศิษย์พี่หยางสดใสมาก
เย่ฟ่านเดินเข้ามาข้างหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“สามหมัดมากเกินไปหรือเปล่า? ข้ารู้สึกว่าหมัดเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับเจ้า”
ศิษย์พี่หยางไม่โกรธรอยยิ้มสดใสยังคงฉาบอยู่บนใบหน้าของเขา
“ในเมื่อเจ้ามั่นใจมาก ข้าจะยอมทำตามความปรารถนาของเจ้าและใช้หมัดเดียวเพื่อยุติการต่อสู้นี้ แต่เจ้าคงต้องกลับไปนอนอยู่บนเตียงสักสามปีถึงจะสามารถลุกขึ้นได้”
“ศิษย์พี่หยาง หักแขนมันเลย!” เหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านหลังอดไม่ได้ที่จะตะโกน
“เอาล่ะ ข้าจะให้เจ้าสำนึกว่าการตอแยยอดเขาดวงดาวของเราเจ้าต้องเจอกับอะไรบ้าง!” ศิษย์พี่หยางเหยียดฝ่ามือซ้ายไปข้างหน้าในขณะที่เขาอุทาน
“ไปนอนอยู่บนเตียงเงียบๆสองสามปีก็แล้วกัน!”
ฝ่ามือของเขาตบไปข้างหน้า พวกมันเพลงประกายสดใสอย่างสมบูรณ์ ลมกระโชกแรงเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆฝ่ามือหยกขณะที่พืชพรรณรอบๆถูกถอนรากถอนโคน
เย่ฟ่านสงบมาก เขาไม่ได้หมุนเวียนพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาแม้แต่น้อย ฝ่ามือของเขาตบออกไปเบาๆคล้ายกับการปัดเป่ามดแมลงที่เข้ามารบกวนเท่านั้น
ที่ด้านหลังเหล่าศิษย์ของยอดเขาดวงดาวมีรอยยิ้มบนใบหน้า การไม่แยแสของเย่ฟ่านเป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น หลายคนปรบมือคล้ายกับว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว
มีเพียงชายชุดขาวเท่านั้นที่ขมวดคิ้วก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง
“ศิษย์น้องหยาง ระวัง!”
อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไปแล้ว ฝ่ามือของเย่ฟ่านเปลี่ยนเป็นสีทองราวกับว่ามันถูกหลอมจากทองคำ ใบหน้าของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆก็บิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว
"ปัง!"
ฝ่ามือสีทองชนกับมือโปร่งแสงก่อนที่เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจะดังขึ้นผสมปนเปกับเสียงกระดูกหัก "ปีปะปี้" ไม่หยุดหย่อน
“ฮ่าๆๆๆ……. หิ่งห้อยตัวน้อยกล้ามาประชันแสงกับดวงจันทร์ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ”
“เขาไม่รู้ว่าร่างกายของศิษย์ของยอดเขาดวงดาวของเราแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อฝึกฝนในระดับสูงร่างกายของเราจะเปรียบได้กับขุมทรัพย์ทางจิตวิญญาณ เขากล้าเผชิญหน้าพี่หยางอย่างตรงไปตรงมานี่เป็นเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น!”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เสียงของพวกเขาก็ถูกตัดขาดในทันที คำพูดที่พวกเขาวางแผนจะพูดถูกกลืนลงไปในท้อง ดวงตาของพวกเขาเปิดกว้างอย่างไม่เชื่อว่าเหตุการณ์จะจบลงแบบนี้จริงๆ
เสียงกระดูกหักไม่ได้มาจากเย่ฟ่านแต่มันมาจากร่างกายของศิษย์พี่หยางที่เป็นเหมือนวีรบุรุษในหัวใจพวกเขา ในเวลานี้ทุกคนต่างพูดไม่ออกและไม่สามารถพูดอะไรได้
เสื้อผ้าบนร่างของศิษย์พี่หยางแตกสลาย ร่างกายของเขาเกือบจะโปร่งแสงนั่นเป็นการพิสูจน์ว่าร่างกายของเขาแทบจะฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดของยอดเขาดวงดาวแล้ว
แต่ภายในร่างกายที่โปร่งใสนั้นกระดูกสีขาวซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกมันถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แขนขวาของเขาแทบจะไม่มีชิ้นส่วนกระดูกที่สมบูรณ์เลย
หลังจากนั้นรอยร้าวยังคงขยายไปถึงคอของเขาก่อนที่จะพุ่งไปที่บริเวณหน้าอก จากนั้นก็ต่อไปที่ขาของเขาอย่างรวดเร็ว พวกมันเคลื่อนไหวราวกับใยแมงมุมจำนวนมาก
ในที่สุดกระดูกสันหลัง แขนข้างหนึ่งและกะโหลกศีรษะของเขาก็เริ่มได้รับผลกระทบขึ้นมาเช่นกัน
นี่เป็นฉากที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ร่างกายโปร่งแสงของเขาทำให้ทุกคนมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้อย่างชัดเจน หลายคนตัวแข็งเป็นหิน ความรู้สึกของพวกเขาว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เย่ฟ่านถอยห่างออกไปอย่างสงบก่อนจะถอนหายใจ
ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง นี่คือผู้ฝึกตนของขอบเขตสะพานวิญญาณ กระดูกภายในร่างกายทั้งหมดของเขาถูกทุบด้วยหมัดเดียว เพียงแค่คิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ก็ทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นคลอน
ที่ด้านหลัง ผู้ฝึกตนหญิงพุ่งไปข้างหน้าและใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ล้อมรอบร่างกายทั้งหมดของศิษย์พี่หยางเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบพื้นไม่เช่นนั้นมีโอกาสสูงอย่างยิ่งที่เขาจะเสียชีวิตจากการกระทบกระเทือน
ถึงกระนั้นใบหน้าของนางก็ยังซีดเผือดและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"นี้……"
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!”
ไม่มีใครสามารถรักษาความสงบได้ พลังที่อยู่ภายในหมัดนี้ช่างน่าพิศวงเกินไป เย่ฟ่านสามารถบดขยี้ร่างกายของผู้ฝึกตนอาณาจักรสะพานวิญญาณได้อย่างง่ายดายแบบนี้ได้ยังไง?
ผู้ฝึกตนหลายคนที่ถูกเย่ฟ่านเตะเมื่อสักครู่ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด คนคนนี้แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ การที่เย่ฟ่านจะฆ่าพวกเขานั้นไม่ต่างกับการบี้มดแมลงเลย
“ร่างกายเช่นนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ยอดเขาดวงดาวของเราใช้แสงดาวเพื่อฝึกฝนร่างกายของเราทำให้มันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง หรือว่าแท้ที่จริงแล้วเขาคือผู้ฝึกตนอีกฝั่งหนึ่ง?”
เย่ฟ่านยืนสงบนิ่งเขาดูเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ที่อ่อนเยาว์และอ่อนโยนอย่างยิ่งแววตาของเขาสดใสและไร้เดียงสา มันยากที่ทุกคนจะเปรียบเทียบเขากับสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งตัวนั้น
ศิษย์ของยอดเขาดวงดาวเริ่มรู้สึกร่างกายเย็นเฉียบ นี่คือสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ และแน่นอนว่าเป็นสัตว์ในตำนานที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัว
หลี่เสี่ยวม่านมึนงงอย่างถึงที่สุด ในทำนองเดียวกันนางไม่เคยคิดเลยว่าเย่ฟ่านจะทำให้ศิษย์พี่หยางพิการด้วยหมัดเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดของเขาด้วยซ้ำ เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สามารถทำใจยอมรับได้
ในขณะนี้มีเพียงจี้จื่อเยว่เท่านั้นที่ยังคงสงบและส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
“น่าเบื่อมาก นี่เป็นคนจริงๆหรือว่าเป็นหุ่นไล่กา? ไม่คิดว่าเขาจะเปล่าประโยชน์ถึงขนาดนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของนางหลายคนก็จ้องมองอย่างโกรธเคือง
“ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องหยางยังไม่เพียงพอ เขาไม่สามารถตำหนิใครได้ พวกเจ้าทุกคนถอยออกไป” ชายชุดขาวที่สงบนิ่งเดินไปข้างหน้า
เขาเป็นคนเดียวจากยอดเขาดวงดาวที่ยังคงรักษาความสงบไม่ได้ ดวงตาเย็นชาของเขาจ้องมองไปยังเย่ฟ่าน
“เจ้าทำให้ศิษย์ของยอดเขาดวงดาวได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง เจ้ามีความแข็งแกร่งจริงๆ การแพ้ให้กับเจ้าไม่ได้น่าละอาย”
“ข้าก็แค่ต้องการให้เขานอนพักอยู่บนเตียงสักสองสามปีเท่านั้น” เย่ฟ่านยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อย
ชายชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าเขาอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น คิ้วของเขาเหมือนโค้งพระจันทร์เสี้ยว ชุดสีขาวของเขาสะอาดปราศจากสิ่งเจือปนและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงดาวที่วิ่งวนไปมา
“เจ้าควรจะได้เรียนรู้ศิลปะลึกลับก่อนที่จะเข้าสู่สำนักของเราแล้ว ข้าสงสัยว่าเจ้าฝึกฝนวิชาลึกลับอะไร?” ชายชุดขาวถามอย่างใจเย็น
“เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ตามธรรมชาติ” เย่ฟ่านตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าเจ้าไม่อยากพูด ข้าจะไม่ถามอีก” ชายชุดขาวตอบอย่างใจเย็นก่อนดำเนินการต่อ
“มาประลองกันเถอะ”