HO บทที่ 102 จูนิเปอร์
“ฉันต้องขอโทษด้วย ความผิดของฉันเองที่ไม่ระวัง ฉะฉันชื่อ จูนิเปอร์ ฉันทำงานที่ร้านเบเกอรี่ลาครอส ฉันเป็นหัวหน้าพ่อครัวขนมที่นั่น” จูนิเปอร์พูดพลางเช็ดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ซินหยามองดูจูนิเปอร์และเห็นว่าเขาสวมชุดเครื่องแบบสีเขียวและสีชมพูโดยมีโลโก้ของลาครอสติดอยู่ การแต่งตัวนั้นเข้ากับผู้ชายคนนี้ ความสูงที่เตี้ยและอ้วนของเขาทำให้ชุดดูน่ารักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมสีบลอนด์ของเขาอยู่ภายในหมวกเชฟสีเขียวใบเล็ก ๆ
“ไม่เป็นไร คุณคงทำงานหนักเพื่อเค้กชิ้นนั้น ฉันก็คงจะอารมณ์เสียเหมือนกัน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับฉัน” เมลติ้งสโนว์พูดปลอบจูนิเปอร์
จูนิเปอร์ผงกศีรษะขอบคุณที่คำพูดของเมลติ้งสโนว์และมองตรงไปยังซินหยาด้วยความหวังที่ส่องประกายในดวงตาสีเขียวอมฟ้าของเขา “คุณช่วยทำเค้กอีกชิ้นได้ไหม?”
“อืม ก่อนอื่น เราออกไปกลางถนนกันก่อนเถอะ เราไม่อยากชนคนอื่นแล้วใช่ไหม?” ซินหยาบอกพวกเขาให้เดินไปที่รูปปั้นของชายคนหนึ่งถือดาบซึ่งอยู่ห่างจากถนนที่พวกเขาอยู่เล็กน้อย
หลังจากหลบเลี่ยงฝูงชนที่เดินอยู่บนถนนได้ ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบริเวณที่รูปปั้นตั้งอยู่
ขณะที่จูนิเปอร์กับซินหยานั่งคุยกันบนม้านั่งตัวหนึ่ง เมลติ้งสโนว์ก็ตัดสินใจมองดูรูปปั้นอย่างใกล้ชิด
เมื่อพวกเขานั่งลงที่ม้านั่ง จูนิเปอร์จับมือซินหยาและอ้อนวอนว่า "งั้นคุณจะช่วยฉันได้ไหม"
“คุณช่วยบอกที่มาที่ไปของเค้กนี้ได้หรือไม่?” ซินหยาพูดพลางดึงมือออกจากชายคนนั้น เขาไม่อยากกระโดดเข้าเร็วเกินไป เขายังคงรู้สึกว่าเขาอ่านเรื่องแบบนี้ที่ไหนสักแห่งแต่ยังนึกไม่ออก
“ฉันไม่มีเวลาอบเค้กอีกแล้วเพราะยังต้องเตรียมของหวานอื่น ๆ ของหวานที่ฉันต้องเตรียมนั้นละเอียดอ่อนมากและจะใช้เวลานานในการทำ” จูนิปอร์อธิบาย “ตัวเค้กเองเป็นสิ่งที่ทำง่ายที่สุดแต่ก็เป็นจุดศูนย์กลางของงานเลี้ยงด้วย นายกเทศมนตรีร้องขอเป็นพิเศษ และถ้าไม่มีนายกเทศมนตรีจะอารมณ์เสียมาก”
ซินหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหรือสองนาทีก่อนจะพูดว่า “ช่วยบอกฉันรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนายกเทศมนตรีได้มั้ย?”
จูนิเปอร์เหลือบมองกลับไปกลับมาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครฟังพวกเขาอยู่ ซินหยาพบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกและตระหนักว่าอาจมีเรื่องเกิดขึ้นกับนายกเทศมนตรีของเมืองนี้มากกว่าที่เขาคิด
“นายกเทศมนตรีเคยเป็นคนดีและอ่อนโยนมาก เขามักจะฟังความกังวลของผู้คน ไม่เคยเรียกร้องอะไรมากมายจากพลเมืองแม้ว่าเขาจะทำได้ เขาเป็นนายกเทศมนตรีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่วันหนึ่ง ทุกอย่างเปลี่ยนไป นายกเทศมนตรีกลายเป็นเผด็จการ” จูนิเปอร์กล่าว
“จริงเหรอ แต่คนที่นี่ดูไม่เหมือนอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการเลยเลยนะ” ซินหยากล่าว
จูนิเปอร์ถอนหายใจกล่าวว่า “นั่นก็เพราะว่านายกเทศมนตรีต้องการอย่างนั้น พลังของเขาซ่อนอยู่รอบ ๆ แต่มองไม่เห็นเว้นแต่คุณจะมองมัน ตอนนี้คนที่รู้สึกมากที่สุดคือเจ้าของและคนงานของร้านที่อยู่ในเมือง”
บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับซินหยาอย่างมาก ราวกับว่ามันติดอยู่ที่หัวของเขาแต่เขานึกมันไม่ออก
ซินหยาเลิกคิดเรื่องนี้แล้วมองเข้าไปในดวงตาที่สิ้นหวังของจูนิเปอร์และตัดสินใจช่วยเขา
“ตกลง ฉันจะช่วยคุณทำเค้กอีกชิ้น บอกฉันทีว่าคุณต้องการให้ฉันทำอะไร” ซินหยาบอกเขา
ดวงตาของจูนิเปอร์พลันสว่างขึ้นอย่างทวีคูณ ราวกับเป็นภาระอันใหญ่หลวงที่ทิ้งไว้ให้เขาได้อันตรธานหายไป เขาเริ่มอธิบายให้ซินหยาฟังว่านายกเทศมนตรีต้องการเค้กชนิดใดและควรจัดส่งเมื่อใด
คุณยอมรับภารกิจ
จูนิเปอร์ พ่อครัวขนมทำเค้กสำหรับงานเลี้ยงของนายกเทศมนตรีในคืนนี้ทำหล่นเค้กหล่นและไม่มีเวลาทำใหม่ จูนิเปอร์ขอให้คุณช่วยทำเค้กใหม่ เขาจะให้สูตรการทำเค้กและออกแบบเค้กว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เค้กจะต้องส่งที่คฤหาสน์ของนายกเทศมนตรีภายในเวลา 8.00 น. คืนนี้ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น หากไม่นำเค้กมาตรงเวลา จูนิเปอร์จะถูกทำให้อับอายต่อหน้าสาธารณชนและนายกเทศมนตรีจะขับเขาออกจากเมือง
*เฉพาะผู้เล่นที่มีทักษะการจัดเลี้ยงเท่านั้นจึงจะสามารถทำภารกิจได้*
เหลือเวลา: 6 ชั่วโมง
รางวัล: 700 ค่าประสบการณ์/ 100 เหรียญทองแดง/ สูตรอาหารที่ไม่รู้จัก
“นี่คือสูตรเค้กและการออกแบบ” จูนิเปอร์กล่าวขณะยื่นม้วนกระดาษสองม้วนให้ซินหยาขณะยืนขึ้น “ฉันต้องรีบกลับไปที่ร้านเบเกอรี่เพื่อเริ่มทำขนมอื่น ๆ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของคุณ”
เมื่อจูนิเปอร์จากไป เมลติ้งสโนว์ก็เดินเข้ามา ซินหยาที่เห็นเขาเดินผ่านมาจึงถามว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะชอบรูปปั้นมากเลยนะ”
“ผมไม่ได้รูปปั้นซะหน่อย ผมจับตาดูพี่อยู่ต่างหาก ผมยังรู้สึกไม่ดีกับพวกรูปปั้นอยู่เลย หลังจากที่ตามพี่ไปในดันเจี้ยนยาตอนนั้น” เมลติ้งสโนว์กล่าว
ซินหยาเกือบจะหัวเราะออกมา เขาไม่รู้ว่ารูปปั้นเหล่านั้นทำให้เด็กหนุ่มบอบช้ำทางจิตใจได้
"ตอนนี้เราต้องกลับไปที่เรือนแพก่อน ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ"
“โอ้ พ่อครัวคนนั้นให้ภารกิจกับพี่เหรอ?” เมลติ้งสโนว์ถามขณะเดิน
“ใช่แล้ว” ซินหยาตอบ “ก็พูดซะขนาดนั้น เขาคงไม่ให้ภารกิจฉันมาหรอก”
เมลติ้งสโนว์หัวเราะพูดว่า "ผมว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ ว่าแต่พี่จะทำเค้กให้ผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอ?"
“ฉันต้องทำเค้กและมีเวลาจำกัดในการทำ” ซินหยาอธิบาย
“ว้าว งั้นเรารีบกลับไปที่เรือนแพของพี่เลยดีกว่า” เมลติ้งสโนว์กล่าวขณะเร่งความเร็ว “ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นให้ส่วนผสมในการทำเค้กกับพี่เหรอ?”
“ไม่ แต่ไม่ต้องกังวลไป หลังจากได้สูตรแล้ว ฉันเห็นว่ามีทุกอย่างที่จำเป็นในการทำ” ซินหยาบอกเขา
เมลติ้งสโนว์ตะโกนใส่เขาว่า "พี่ดริฟไม่สำคัญว่าพี่จะมีส่วนผสมหรือไม่ก็ตาม พี่ควรถาม NPC สำหรับเรื่องนั้นก่อน นี่คือเหตุผลที่พี่ต้องการให้ผมคอยอยู่ช่วยพี่"
ซินหยาลูบหัวของเมลติ้งสโนว์ เด็กหนุ่มดูน่ารักมากในขณะที่พูดกับเขาอย่างดุดัน ซินหยาไม่สามารถหยุดตัวเองจากการทำเช่นนั้นได้
“ผมพูดจริง ๆ นะ” เมลติ้งสโนว์พูดด้วยความโมโหเล็กน้อยที่ซินหยาปฏิบัติต่อเขาอย่างกับเด็กน้อย
“ฉันรู้ ๆ” ซินย่าพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณที่ช่วยดูแลฉันนะ”
"ไม่มีปัญหา" เมลติ้งสโนว์กล่าวขณะพูดกับซินหยาอย่างเป็นมิตร
...
หลังจากฝึกฝนเพื่อเพิ่มค่าสเตตัสมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงเสร็จ เว่ยกับวอนเดอร์ริ่งซาวด์ตัดสินใจหยุดพักและนั่งข้างนอกบนดาดฟ้า มีเปลนอนเล่นที่แขวนอยู่มันดูสบายมากซึ่งเว่ยอยากจะลองนั่งดู
ขณะที่พวกเขานั่งบนเปลนอนและโยกเบา ๆ เมื่อคลื่นซัดเข้าหาเรือ บรรยากาศสงบและสบาย
เว่ยเริ่มรู้สึกเขินเล็กน้อย ขณะที่พวกเขากำลังออกกำลังกาย เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแต่ตอนนี้มันเหมือนกับว่าอารมณ์เปลี่ยนไป
ทั้งสองคนเริ่มคุยกันอย่างช้า ๆ สุ่มเรื่องต่าง ๆ ยกขึ้นมาพูดคุย จากนั้นพวกเขาก็พูดถึงเกมและสิ่งที่พวกเขาต้องการทำให้สำเร็จภายในเกม จากนั้นบทสนทนาก็เริ่มเปลี่ยนไป พวกเขาเริ่มพูดถึงชีวิตของตัวเองและเรื่องอื่นๆ ในระหว่างนั้น แม้เมื่อการสนทนาหยุดลงก็ไม่สำคัญ พวกเขาก็มีความสุขที่ได้อยู่ร่วมกัน เว่ยหวังว่าพวกเขาจะได้ใช้เวลาแบบนี้มากขึ้นในอนาคต
ทั้งสองได้แต่นั่งเงียบ ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบ ๆ ตัวพวกเขา พระอาทิตย์ยามบ่ายอยู่สูงบนท้องฟ้า ทอดแสงสีทองลงมาบนพวกเขา ทำให้พวกเขาอบอุ่น ขณะที่สายลมพัดผ่านพัดผ่านเข้ามา ทิ้งกลิ่นของน้ำเค็มไว้ บรรยากาศทำให้เว่ยรู้สึกราวกับว่าเธอกับวอนเดอร์ริ่งซาวด์เป็นคู่รักที่เกษียณอายุแล้วโดยใช้วัยทองบนเรือนแพ
ขณะที่เว่ยกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับตัวเอง วอนเดอร์ริ่งซาวด์ก็มองมาที่เธอและพูดว่า
"ที่นี่สวยดีนะ แต่นี่เป็นเพียงภาพที่สวยงามที่สุดเป็นอันดับสองที่ฉันเคยเห็นมา"
"งั้นเหรอ? แล้วอันดับหนึ่งคืออะไรล่ะ?" เว่ยถามด้วยความสงสัย เธอลืมความคิดก่อนหน้านี้ที่วนเวียนอยู่ในหัวไปหมดแล้ว
วอนเดอร์ริ่งซาวด์ขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เว่ยหน้าแดงก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า “ใบหน้าของคุณไงล่ะที่สวยที่สุดสำหรับฉัน”
เว่ยตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนที่เธอจะตอบสนองวอนเดอร์ริ่งซาวด์ก็หยุดปากเธอไว้
“คุณยังไม่ต้องตอบฉันตอนนี้ แค่อยากให้รู้ว่าฉันคิดกับมากกว่าเพื่อน” วอนเดอร์ริ่งซาวด์พูดพร้อมส่งยิ้มหวานเป็นครั้งสุดท้ายและลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในเรือนแพ
เว่ยมองตามเขาไปอย่างงุนงง เธอเฝ้าดูขณะที่เขาจากไป เธอค่อย ๆ สัมผัสหูของเธอ เธอรู้ว่าเธอมีความรู้สึกต่อวอนเดอร์ริ่งซาวด์แต่เธอต้องการรู้จักเขามากขึ้นก่อนที่พวกเขาจะไปไกลกว่าแค่เพื่อน
ทั้งหมดที่เธอรู้คือตอนนี้เธอต้องการคุยกับซินหยา ขณะที่เธอกำลังจะส่งข้อความหาเขา เธอเห็นเขาเดินมา เขาอยู่กับเด็กหนุ่มและพวกเขากำลังคุยกันอย่างมีความสุขขณะที่พวกเขาเดิน
เว่ยรู้ดีว่าเด็กคนนั้นคือเมลติ้งวโนว์ที่ซินหยาพูดถึง เธอแทบรอไม่ไหวที่จะพบกับเด็กชายที่ทำให้ซินหยามียิ้มแบบนั้น