685-686
9/10
Ep.685
“นี่เจ้ามีสิ่งประดิษฐ์เทวะอยู่ด้วยหรือ?”
อู๋หยาจื่อเผยอปากเล็กน้อย สีหน้าแปรเปลี่ยนไป
สิ่งประดิษฐ์เทวะมักอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่งระดับเทวะ ไม่ก็เป็นพวกขุมกำลังใหญ่ แล้วอีกอย่าง จำนวนสิ่งประดิษฐ์เทวะก็มีอยู่น้อยนิด
ในขณะที่เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้น 7 เท่านั้น การที่สามารถครอบครองสิ่งประดิษฐ์เทวะ ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อนัก
อีกจุดหนึ่ง ซูเฉินต้องการใช้สิ่งประดิษฐ์เทวะแลกเปลี่ยนกับต้นผลจำลองจิต นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงเช่นกัน
“ผู้อาวุโส ผมพอจะใช้มันแลกเปลี่ยนได้ไหม?” ซูเฉินถาม
อู๋หยาจื่อได้สติกลับมา เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ตามหลักแล้วสิ่งประดิษฐ์เทวะเพียงชิ้นเดียวก็มากพอที่จะแลกเปลี่ยนกับต้นผลจำลองจิตได้ แต่ข้ามีความลับบางอย่างที่มิอาจเอ่ย เลยไม่สามารถตอบตกลงได้”
เห็นแก่ความจริงใจของซูเฉิน อีกฝ่ายอธิบายประโยคหนึ่ง
‘ความลับบางอย่างที่มิอาจเอ่ย?’
ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ลองเลียบเคียงถามว่า “ผู้อาวุโส พอจะบอกผมได้ไหม?”
เรื่องความลับของอีกฝ่าย เดิมเขาไม่อยากถาม แต่เพื่อต้นผลจำลองจิต เลยจำต้องเอ่ยออกไป
อู๋หยาจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจและพูดว่า “ก็ได้ เห็นแก่ลูกตื๊อของเจ้า เราผู้เฒ่าจะยอมเฉลย”
ซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ
“เราผู้เฒ่าย่างเข้าสู่บั้นปลายชีวิตแล้ว แต่ยังต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป วิธีเดียวที่สามารถทำได้คือต้องใช้สมบัติที่แฝงไว้ด้วยพลังแห่งชีวิตเท่านั้น ในขณะที่ต้นผลจำลองจิต แม้ไม่มีสรรพคุณแห่งชีวิต แต่ก็ยังพอช่วยทำหน้าที่ชะลอความแก่เฒ่าได้” อู๋หยาจื่อกล่าวอย่างช้าๆ
“อ้อ”
ซูเฉินเข้าใจในทันที ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมอู๋หยาจื่อถึงดึงดันไม่ยอมแลกเปลี่ยน
เพราะเมื่อคนกำลังจะตาย ต่อให้ได้สมบัติดีแค่ไหนมาครอง แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?
ในเวลานั้นเอง ซูเฉินเกิดความคิดอุกอาจขึ้นมา ว่าเขาสามารถใช้ผลอายุวัฒนะเป็นเหยื่อล่อได้หรือไม่? แล้วฉวยโอกาสนี้บีบอู๋หยาจื่อเข้ามาเป็นพวก
ไม่ต้องพูดถึงระดับฝึกตนของอู๋หยาจื่อ แค่ความสามารถในการหลอมอาวุธก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจเขาเต้นรัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม การทำแบบนี้มันออกจะเสี่ยงไปหน่อย หรืออาจเรียกว่าน่ารังเกียจเลยก็ได้
กระนั้น ซูเฉินไม่ใช่นักบุญ ยิ่งไปกว่านั้น ความตั้งใจเดิมของเขาคือไม่คิดทำร้ายอู๋หยาจื่ออยู่แล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เขาไม่คิดว่าแผนนี้เป็นเรื่องที่ผิด
เมื่อฉุกคิดได้ ซูเฉินไตร่ตรองพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงกระซิบ “ผู้อาวุโส ถ้าผมสามารถให้สิ่งหนึ่งที่สามารถต่อชีวิตได้ ท่านจะยอมติดตามผมไหม?”
อู๋หยาจื่อตกตะลึง เมื่อตั้งสติได้ สีหน้าของเขาก็หมองคล้ำลงทันที ประกายเย็นเยียบฉายวาบออกมาจากดวงตา ส่งเสียงฮึ่มเบาๆ “เจ้าต้องการให้ข้ายอมจำนนต่อเจ้าหรือ?”
ถูกสายตาของอู๋หยาจื่อทิ่มแทง ซูเฉินสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันคุกรุ่น หัวใจของเขาเต้นแรง
‘เป็นอย่างที่คิด อู๋หยาจื่อซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้จริงๆ!’
ซูเฉินเดาะลิ้น ไม่นานก็สงบสติอารมณ์ลง ผุดยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโสใช้คำว่ายอมจำนนคงไม่เหมาะสมนัก ควรใช้คำว่า ‘ร่วมมือ’ กันจะดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าซูเฉินฟื้นตัวกลับมาสงบได้อย่างรวดเร็วภายใต้แรงกดดันของเขา อู๋หยาจื่อตะลึงงันไปชั่วขณะ ต้องเพ่งมองสำรวจซูเฉินอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“เจ้าควรรู้ว่าเราผู้เฒ่าต้องการสิ่งใด จงบอกรายละเอียดมา ว่าเจ้าสามารถให้อะไรข้าได้บ้าง? แล้วค่อยพูดถึงเรื่องการร่วมมือกันอีกครั้ง”
เมื่อเห็นอู๋หยาจื่อคล้อยตาม ซูเฉินรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เอ่ยปากว่า “รายละเอียดที่ว่านั่น ผมยังไม่สามารถบอกผู้อาวุโสในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ผมรับประกันว่าสามารถช่วยยืดอายุขัยของผู้อาวุโสได้อย่างแน่นอน”
หลังจากได้เห็นความน่าสะพรึงกลัวของอู๋หยาจื่อ ซูเฉินไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลของผลอายุวัฒนะ
ได้ยินแบบนั้น อีกฝ่ายหรี่ตาลง ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะสังหารเจ้า แล้วเอาของไปหรือ?”
ซูเฉินหัวเราะพรืด สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม กล่าวอย่างจริงจังว่า “ไม่ใช่ว่าผมจองหอง แต่ต่ำกว่าระดับเทวะลงไป–
–ไม่มีใครฆ่าผมได้!”
10/10
Ep.686
สีหน้าของอู๋หยาจื่อแข็งค้าง เหม่อมองซูเฉินด้วยความว่างเปล่า
ต่ำกว่าระดับเทวะลงไปไม่มีใครสามารถสังหารเขาได้?
ผู้ฝึกตนขั้น 7 … หยิ่งผยองได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ตามสัญชาตญาณ ตอนแรกเขาคิดว่าซูเฉินกำลังคุยโว แต่หลังจากได้เห็นสีหน้าท่าทีของซูเฉินแล้ว อู๋หยาจื่อต้องลอบทบทวนดีๆอีกครั้ง พึมพำกับตัวเอง
‘หรืออีกฝ่ายจะซ่อนกำลังรบเอาไว้?’
คิดได้แบบนี้ อู๋หยาจื่อเปล่งเสียงเบาราวกระซิบ “ในเมื่อเจ้ามั่นใจในตัวเองถึงขนาดนี้ เช่นนั้นกล้าที่จะรับมือข้าสักกระบวนท่าหรือไม่? ตราบใดที่เจ้าไม่ตาย ก็ค่อยพูดเรื่องความร่วมมือกัน”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอรับกระบวนท่าจากผู้อาวุโสเอง!”
ซูเฉินดีใจมาก รีบตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา นอกจากระดับเทวะแล้ว ใครเล่าจะสามารถโค่นเขาในกระบวนท่าเดียวได้?
สำหรับอู๋หยาจื่อ เนื่องจากอีกฝ่ายพำนักอยู่ในทวีปนี้ แสดงว่าเขาต้องไม่ใช่ชนชั้นเทวะอย่างแน่นอน
เมื่อไม่ใช่ระดับเทวะ ซูเฉินก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“ดี! กล้าหาญยิ่ง!”
อู๋หยาจื่อหัวเราะเสียงดัง จากนั้นกล่าวเสริมว่า “กระท่อมนี่ไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ พวกเราเปลี่ยนสถานที่กันเถิด”
สิ้นเสียง เขาหงายฝ่ามือ
เห็นแค่เพียงรอยแยกหลุมดำผุดขึ้นมา และค่อยๆอ้าออก
“นี่คืออะไร?”
ซูเฉินรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นแผ่เข้ามาหาเขา ไม่รอให้ทันได้ตอบสนอง ภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่ามัว
เมื่อวิสัยทัศน์กลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนอยู่ท่ามกลางพื้นที่กว้าง รอบด้านรายล้อมไปด้วยวัชพืชรก และเห็นกระท่อมมุงจากอยู่ไม่ไกล
“ที่นี่คือมิติโดดเดี่ยวที่แยกตัวออกมา หากเจ้าสามารถรับมือการโจมตีของข้าได้หนึ่งกระบวนท่า ย่อมสามารถออกไปได้ แต่หากทำไม่ได้ คงต้องฝังกระดูกไว้ที่นี่”
ระหว่างนั้นเอง เสียงเย็นชาของอู๋หยาจื่อดังก้องอยู่ในหูของซูเฉิน
สีหน้าของซูเฉินหมองลง หรี่ตากวาดมองไปทั่ว ไม่นานก็เห็นร่างของอู๋หยาจื่ออยู่ห่างออกไป 10 เมตร
อู๋หยาจื่อในเวลานี้ แตกต่างจากที่เคยเห็นก่อนหน้านี้มาก
อู๋หยาจื่อในตอนแรกให้ความรู้สึกแก่ชรา แต่ในเวลานี้ แรงกดดันที่เขาแผ่ออกมา กลิ่นอายที่เล็ดลอดจากร่างเขา ดั่งมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง
“เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นไหนกัน?” หัวใจของซูเฉินสั่นสะท้าน
“ซูเฉิน ข้าขอเตือนเจ้า มิติโดดเดี่ยวต่างจากภายนอกมาก ที่นี่จะไม่ถูกกดขี่ด้วยอำนาจเขตแดน เจ้าสามารถสำแดงกำลังรบได้ตามต้องการ ดังนั้นต้องพยายามทำให้ดีที่สุด จงอย่าได้ออมมือ”
อู๋หยาจื่อสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวอย่างเฉยเมย
“ท่านหมายความว่ายังไง?”
ซูเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขารู้สึกว่าในประโยคนี้ของอู๋หยาจื่อมีอะไรแฝงอยู่ แต่ไม่สามารถเดาทางได้ในตอนนี้
อู๋หยาจื่อไม่รีบร้อนลงมือ เพียงยิ้มและอธิบายว่า “เพราะข้าคือตัวตนที่ยืนอยู่เหนือขั้น 10”
“นี่ท่านเป็นระดับเทวะ?”
ดวงตาของซูเฉินเบิกว้าง สีหน้าท่าทีเต็มไปด้วยความตกใจ
เขารู้อยู่หรอกว่าอู๋หยาจื่อน่ะแข็งแกร่ง ทว่าตั้งแต่ต้น ไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในระดับเทวะ
“พูดให้ถูกก็คือระดับเสมือนเทวะ เนื่องจากข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ฐานฝึกตนจึงตกลงจากระดับเทวะ” อู๋หยาจื่ออธิบาย
“เสมือนเทวะ … อยู่ระหว่างผู้แข็งแกร่งขั้น 10 กับระดับเทวะ?” ซูเฉินพึมพำด้วยสีหน้าจริงจัง
เวลานี้ เขาเข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอู๋หยาจื่อถึงกล้าเสนอให้เขารับมือให้ได้หนึ่งกระบวนท่า ที่แท้ก็เพราะอีกฝ่ายอยู่ในระดับเสมือนเทวะนี่เอง
“ซูเฉิน ตอนนี้เจ้ารู้ฐานฝึกตนของข้าแล้ว เจ้ายังยืนยันที่จะรับกระบวนท่าของข้าหรือไม่?” อู๋หยาจื่อยิ้มมุมปาก ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความยั่วยุ และเร้าใจ
ซูเฉินหรี่ตาลง ปลุกจิตต่อสู้ สร้างความฮึกเหิมไปตลอดทั้งร่าง
เสมือทนเทวะแล้วอย่างไร? เขาไม่เชื่อหรอก ว่าด้วยความแข็งแกร่งที่เขามี จะไม่สามารถรับมืออีกฝ่ายได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจเต็มร้อย ซูเฉินไม่กล้าประมาท
เขาแลกเปลี่ยนชิ้นส่วน [คุณสมบัติเลเวล 8 อย่างเต็มรูปแบบ] จาก [ร้านค้าวันสิ้นโลก] ทันที
หลังจากยกระดับฐานฝึกตนขึ้นเป็นขั้น 8 แล้ว ก็เปิดใช้งาน [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] ร่างกายสูงชะลูดขึ้นเป็น 10 จั้ง