683-684
7/10
Ep.683
สมบัติที่แฝงไปด้วยพลังชีวิตเป็นอะไรที่มีค่ามาก จะมีสักกี่คนกันที่สามารถครอบครองได้?
เพราะอย่างนี้ไง คนที่สามารถเข้าสู่หุบเขาซีหยาถึงมีน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับซูเฉิน เพราะในตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นผลอายุวัฒนะ หรือไม้ศึกที่สร้างจากกิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิต ทุกอย่างล้วนตรงกับเงื่อนไข
อย่างไรก็ตาม ผลอายุวัฒนะเป็นข้อมูลสำคัญมากเกินไป เขาจะไม่ยอมเปิดเผยให้ใครรู้ง่ายๆ ดังนั้นตั้งใจที่จะใช้ไม้ศึกเป็นตัวเบิกทาง
“พี่เหลิง พวกคุณรออยู่ข้างนอกสักพัก ผมขอเข้าไปสำรวจสถานการณ์ก่อน” ซูเฉินพูดกับเหลิงมู่เย่และคนอื่นๆ
“เฮียซู เฮียมีของที่ว่านั่นหรอ?” เฉินเฟิงถาม ตอนนี้เขาเริ่มเกิดความกังวลขึ้นมา ว่าถ้าซูเฉินไม่มีของ แล้วจะบุกเข้าไปดื้อๆเลยไหม?
ด้วยอุปนิสัยของซูเฉิน เป็นไปได้ว่าเขาจะทำมันจริงๆ
หากเป็นในสถานการณ์ปกติก็ช่างมันเถอะ แต่ที่นี่! ในหุบเขาซีหยาน่ะมันไม่เหมือนกัน!
มีข่าวลือว่าอู๋หยาจื่อไม่ใช่แค่ปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ฝึกตนที่มีกำลังรบอันลึกล้ำอีกด้วย
และตั้งแต่ที่อู๋หยาจื่อมาอาศัยอยู่ในหุบเขาซีหยา ก็ไม่เคยมีใครกล้าสร้างปัญหาที่นี่อีกเลย
นี่แสดงให้เห็นว่า กำลังรบของอู๋หยาจื่อนั้นทรงพลังเพียงใด
“ฉันบังเอิญมีอยู่ชิ้นหนึ่งพอดีน่ะ เลยอยากลองเสี่ยงโชคดู” ซูเฉินยิ้ม
ได้ยินแบบนั้น เฉินเฟิงและศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ถอนหายใจพร้อมกัน
ต่อมา ซูเฉินก็เดินเข้าไปในหุบเขาซีหยาเพียงลำพัง
หุบเขาซีหยาล้อมรอบไปด้วยภูเขา เข้าไปได้ทางเดียวคือลอดอุโมงค์กลางภูเขา และมีชายวัยกลางคนสองคนกำลังเฝ้าอยู่หน้าปากทางเข้าอุโมงค์
ซูเฉินก้าวไปข้างหน้า หยิบไม้ศึกออกมา ยื่นถึงมือทหารยามคนหนึ่ง เอ่ยถามว่า “ด้วยไม้ศึกด้ามนี้ พอจะใช้เข้าไปได้รึเปล่า?”
“แม้มันจะเป็นไม้ที่ตายแล้ว แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต”
“เข้าไปได้” ทหารยามพยักหน้า พูดกับซูเฉินต่อว่า “ตามฉันมา”
ซูเฉินเดินตามทหารยามเข้าไปในอุโมงค์ เดินมาได้ประมาณ 10 นาที ก็เข้ามาถึงส่วนในของหุบเขา
พื้นที่ในหุบเขาไม่ใหญ่มาก แต่สภาพแวดล้อมเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว อากาศก็สดชื่นบริสุทธิ์ ชวนให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย
“ปรมาจารย์อยู่ที่นั่น โปรดนำสมบัติชิ้นนี้ไปมอบให้ท่าน”
ทหารยามชี้มือไปทางกระท่อมมุงจากในหุบเขา พร้อมกล่าวกำชับ แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในอุโมงค์
ซูเฉินไม่คิดอะไรมากความ ค่อยๆเดินช้าๆไปยังกระท่อมมุงจาก
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู เขาก็มองสำรวจไปรอบๆ ก่อนตะโกนเข้าไปในกระท่อมว่า “ท่านปรมาจารย์อู๋หยาจื่อ ผู้เยาว์ซูเฉินขอเข้าคารวะ”
“เชิญเข้ามาได้”
เสียงทุ้มลึกดังออกมาจากข้างใน จากนั้นประตูไม้เล็กๆของกระท่อมมุงจากก็เปิดออก
ซูเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย ก้าวเข้าไปข้างใน
เขาพบว่าห้องภายในกระท่อมว่างเปล่า นอกจากชายชราผมสั้นหงอกขาวแล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีกเลย
ซูเฉินมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ หนังตากระตุกขึ้นทันที
ชายชราเบื้องหน้าเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคืออู๋หยาจื่อ
คนผู้นี้ดูแก่และชรามาก แต่ซูเฉินกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าเกรงขามผิดปกติที่เล็ดลอดออกมาจากร่างเขา
ซึ่งนี่คือกลิ่นอายของความแข็งแกร่ง!
เป็นกลิ่นอายที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้น 9 อย่างเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ก็ยังไม่อาจครอบครองได้
‘อู๋หยาจื่อคือผู้แข็งแกร่งขั้น 10 งั้นหรือ?’ ซูเฉินลอบตกใจ
“ผู้มาเยือน เจ้าคงรู้กฏแล้ว นำของออกมา ขอให้ข้าได้ตรวจสอบดูหน่อย” อู๋หยาจื่อกระพริบตา สำรวจมองซูเฉิน เอ่ยตรงเข้าประเด็น
ซูเฉินไม่ลังเล ยื่นไม้ศึกส่งถึงมืออู๋หยาจื่อ
มือของอู๋หยาจื่อลูบไล้ไปตามไม้ศึก พินิจมันอย่างถี่ถ้วนอยู่พักหนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม ทอดถอนหายใจเบาๆ
“น่าเสียดายที่มันเป็นวัตถุที่ตายแล้ว”
ซูเฉินลอบพูดกับตัวเองว่า ‘เขารู้จริงๆด้วย? เป็นไปได้ไหมว่าอู๋หยาจื่อจะรู้ที่มาของไม้ศึกนี้? ’
ไม้ศึกเหลามาจากกิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิต มีน้อยคนนักที่รู้เรื่อง แต่อู๋หยาจื่อกลับสามารถระบุได้ในพริบตา นี่ไม่ธรรมดาเลย
8/10
Ep.684
“สหายน้อยซู ช่วยเล่าที่มาของไม้ศึกนี้ให้เราฟังหน่อยจะได้ไหม?” อู๋หยาจื่อมองซูเฉิน เอ่ยถามเสียงแผ่ว
“ผู้อาวุโส โปรดเรียกผมแค่ซูเฉินเถอะ”
ซูเฉินยิ้ม จากนั้นกล่าวว่า “ผมชิงไม้ศึกนี้มาจากมืออาวุโสคนหนึ่งของจักรวรรดิเฉินเชิ่ง”
“จักรวรรดิเฉินเชิ่ง …”
อู๋หยาจื่อพึมพำ หันมาพูดว่า “ไม้ศึกนี้ใช้แลกเปลี่ยนได้ เจ้าต้องการสร้างอาวุธ หรือแค่ขายมัน?”
ซูเฉินหรี่ตาลง กล่าวเสียงเรียบว่า “ผู้อาวุโส ผมต้องการแลกเปลี่ยนมันกับของสิ่งหนึ่งที่ท่านมี”
เป้าหมายหลักของเขาคือต้นผลจำลองจิต ประการแรกเขาต้องแน่ใจว่าต้นผลจำลองจิตอยู่ในมืออีกฝ่าย แล้วแผนอื่นค่อยว่ากัน
“โอ้?” อู๋หยาจื่ออุทานออกมาเบาๆ มองซูเฉินด้วยความสนใจ แล้วกล่าวว่า “ลองว่ามาสิ เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับอะไร?”
“ผู้อาวุโสน่าจะมีต้นผลจำลองจิตอยู่ต้นหนึ่งใช่หรือไม่? นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการแลกเปลี่ยน” ซูเฉินกล่าว ขณะเดียวกันก็สบตาอีกฝ่าย
ได้ยินประโยคนี้ อู๋หยาจื่อชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายส่ายหัว กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม้ไม้ศึกของเจ้าจะไม่เลว แต่หากต้องการใช้แลกเปลี่ยนกับต้นผลจำลองจิต ยังไม่เพียงพอ”
ต้นผลจำลองจิตกับต้นไม้แห่งชีวิตล้วนเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของพืชปีศาจ ขณะที่ไม้ศึกเป็นเพียงกิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิตเท่านั้น เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับต้นผลจำลองจิตได้
ซูเฉินรู้เรื่องนี้ดี เขาไม่คิดจะแลกเปลี่ยนมันกับไม้ศึกท่อนเดียวอยู่แล้ว
“ผู้อาวุโส ผมสามารถเพิ่มสมบัติชิ้นอื่นได้” ซูเฉินกล่าว
“ว่าต่อสิ” อู๋หยาจื่อเริ่มสนใจ ในความคิดเขา การที่ซูเฉินสามารถชิงไม้ศึกที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตมาได้ บางทีเขาอาจมีสมบัติดีๆอยู่อีก
“ผมยังมีผลึกศิลาแดงอยู่เยอะพอสมควร , โครงกระดูกของสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 8 อีกหลายตัว รวมไปถึงงหินพลังงานระดับต่างๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน” ซูเฉินกล่าวอย่างช้าๆ
หินพลังงานไม่ได้อยู่ในสายตาของอู๋หยาจื่อ แต่โครงกระดูกสัตว์กลายพันธุ์และผลึกศิลาแดง มากพอที่จะทำให้เขาหวั่นไหว มองมายังซูเฉินด้วยความตกใจ
อู๋หยาจื่อลองถามหยั่งเชิงว่า “ซูเฉิน เจ้าน่าจะยังอายุไม่ถึง 20 ปีใช่หรือไม่?”
“ผู้เยาว์อายุได้ 17 ปีในตอนนี้” ซูเฉินบอกตามความจริง
อู๋หยาจื่อพยักหน้า ถามต่อว่า “งั้นเจ้าเป็นผู้ฝึกตนขั้นไหน?”
การมีผลึกศิลาแดงและโครงกระดูกสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 8 ในครอบครอง นั่นหมายความว่าต้องมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง เพราะหากอ่อนแอ ของล้ำค่าเช่นนี้คงถูกผู้อื่นแย่งชิงไปนานแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ ซูเฉินยังเยาว์ แล้วกำลังรบของเขาอยู่ในขั้นใดกัน?
“ผมเป็นผู้ฝึกตนขั้น 7” ซูเฉินเฉลยตามตรง
“ขั้น 7?”
อู่หยาจื่อเดาะลิ้น อดทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์ไม่ได้ “ช่างเป็นอัจฉริยะ! สวรรค์ประทานพรให้เจ้าโดยแท้!”
อายุ 17 ปี แต่สามารถปีนป่ายมาถึงขั้น 7 ได้แล้ว! เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ในการฝึกตนของซูเฉินน่าหวาดกลัวเพียงใด
อู๋หยาจื่อยังรู้สึกกระทั่งว่า เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับเทวะในรุ่นเขา เมื่อเทียบกันตอนวัยเท่าซูเฉิน ยังห่างชั้นกันมาก
เจ้าตัวสูดหายใจลึก ผุดรอยยิ้มขอโทษ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน สมบัติเหล่านี้คงสามารถทำให้หัวใจข้าเต้นแรงได้ แต่ตอนนี้ สิ่งที่เราผู้เฒ่าต้องการมีเพียงสมบัติที่มีพลังชีวิต ฉะนั้นไม่อาจบรรลุข้อตกลง”
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินเงียบไป
ต้นผลจำลองจิตเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาจะครอบครอง ไม่ว่ายังไงก็ต้องคว้ามันมาให้ได้
กระนั้น อู๋หยาจื่อยังคงยืนกรานว่าต้องแลกเปลี่ยนด้วยสมบัติที่มีพลังชีวิต นี่ทำให้เขาลำบากใจเล็กน้อย
ผลอายุวัฒนะมันก็น่าจะได้อยู่หรอก แต่เขาไม่กล้าหยิบยกมันออกมาเนี่ยสิ เพราะเขายังมองความแข็งแกร่งของอู๋หยาจื่อไม่ออก
เกิดในกรณีที่อู๋หยาจื่อมีเจตนาร้าย เขายังไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถรับมือได้หรือไม่
หลังจากลังเลอยู่นาน ซูเฉินกัดฟันและกล่าวว่า “ถ้าผมขอใช้สิ่งประดิษฐ์เทวะเป็นการแลกเปลี่ยนล่ะ?”
กระบี่น้ำตาลดินในมือเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือสิ่งประดิษฐ์เทวะ และเนื่องจากมันถูกใช้โดยเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ ซูเฉินเลยไม่ตั้งใจใช้เอง หากยังเก็บไว้คงเสียของเปล่าๆ งั้นจะดีกว่าไหมถ้าใช้มันแลกเปลี่ยนกับต้นผลจำลองจิต?