WS บทที่ 236 ปณิธาน PART 5
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเดลแมนนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้าออกอยู่ตลอดเวลา โชคดีที่คฤหาสน์ของตระกูลนั้นใหญ่พอที่มีที่ว่างมากมายที่กันไว้เพื่อให้สมาชิกของตระกูลที่ถูกเรียกตัวมามีที่พัก
ในวันปกติ ดูเหมือนว่าคฤหาสน์ตระกูลเดลแมนจะมีสมาชิกไม่มากนักแต่หลังจากที่พ่อมดแมทธิวออกคำสั่งให้เรียกสมาชิกทุกคนกลับมา ฝูงชนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
“เมอร์ลิน รออยู่ในห้องก่อนนะ ฉันจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
เอเลน่าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ใครๆ ก็เห็นว่าเธอค่อนข้างกังวลเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตระกูลของเธอ
เมอร์ลินพยักหน้าและตอบว่า “ได้เลย แม่มดเอเลน่า”
หลังจากนั้น เอเลน่าก็ออกจากห้องไปเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นใน ขณะเดียวกันเมอร์ลินตรวจสอบพลังจิตของเขาอย่างเงียบ ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับนักเวทย์ระดับสาม
ส่วนโครงสร้างเวทมนต์ทั้งหกในการรับรู้ของเขา ภายใต้การควบคุมของพลังจิตอันมหาศาลของเขา พวกมันอยู่ในสถานะปกติและพร้อมใช้งานทุกเมื่อ อีกทั้งมันยังดูดซับพลังธาตุและเปลี่ยนเป็นพลังเวทย์ตามปกติไม่มีปัญหาอะไร
แม้แต่ในช่วงเวลาว่างๆ เช่นนี้ เมอร์ลินก็ไม่ได้หยุดการฝึกฝนของเขา เขากำลังนั่งทำสมาธิ แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ยุ่งมากแต่เขาจะฝึกฝนเทคนิคการทำสมาธิขั้นสูงในทุกครั้งที่มีโอกาส ด้วยการทำเช่นนี้ เขาจะเพิ่มพลังจิตอย่างต่อเนื่องแต่เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณของพลังจิตที่เมอร์ลินต้องการ พลังจิตที่เพิ่มขึ้นนั้นดูเหมือนจะเล็กน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม เทคนิคการทำสมาธิขั้นสูงยังคงทำหน้าที่ตามจุดประสงค์ของเมอร์ลิน บางทีเมื่อพลังจิตของเขาทะลวงผ่านจากระดับสามและไปถึงระดับที่สี่ เทคนิคการทำสมาธิขั้นสูงคงจะไม่มีประโยชน์อะไรกับเมอร์ลินอีกต่อไป
“เมอร์ลิน ฉันมีข่าวเกี่ยวกับรีเซน!”
ขณะที่เมอร์ลินกำลังทำสมาธิอยู่นั้น เอเลน่าก็บุกเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ
"หืม? คุณพบรีเซนงั้นหรือ?"
เมอร์ลินลืมตาขึ้นและพลังที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเขาซึ่งสงบนิ่งกลับกลายเป็นความน่ากลัวและน่าสะพรึงกลัวในพริบตา ทำให้รอยยิ้มอันเปี่ยมสุขของเอเลน่าหยุดนิ่งบนใบหน้าของเธอ
นี่เป็นเพราะเมอร์ลินได้ฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดและพลังที่เขาปล่อยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นเต็มไปด้วยความมืดที่แข็งแกร่งและทรงพลัง
เมอร์ลินที่เพิ่งรู้ตัว เขารีบดึงพลังรอบ ๆ ตัวของเขากลับทันที ด้วยเหตุนี้ เอเลน่าจึงฟื้นคืนสติและพูดด้วยเสียงต่ำว่า
“ตอนแรก ฉันไปถามว่าทำไมตระกูลถึงเรียกตัวสมาชิกตระกูลกลับมาและฉันก็รู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับรีเซ่นจากในนั้น
ดูเหมือนว่ารีเซนยังคงซ่อนตัวอยู่ในเมืองโฟลตติ้ง เขาเป็นสมาชิกสมทบของออสมูและเขารู้วิธีซ่อนตัวอย่างดี อย่างไรก็ตาม ตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่ใช่ความลับใหญ่สำหรับตระกูลเดลแมนและตระกูลนักเวทย์อื่น ๆ"
ดวงตาของเมอร์ลินฉายแววคมกริบและเขาถามเสียงต่ำ "แล้วตอนนี้รีเซนอยู่ที่ไหน"
เอเลน่าสามารถสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของเมอร์ลินที่มีต่อพ่อมดรีเซ่นอย่างชัดเจนแต่เธอยังคงแนะนำเขาอย่างแผ่วเบา "พ่อมดเมอร์ลิน เรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก หากคุณวางแผนจะฆ่ารีเซน ตอนนี้เขาอยู่เคียงข้างพ่อมดไวส์ นักเวทย์ผู้มีพรสวรรค์ระดับสามจากออสมู"
“ไวส์?” เมอร์ลินหรี่ตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“พ่อมดไวส์เป็นนักเวทย์ระดับสามจากออสมูที่มาจากองค์กรนักเวทย์ขนาดกลางในธูเล่ เขาได้หักหลังที่นั่นและเข้าร่วมกับออสมู จากนั้นพลังของเขาต้องเพิ่มขึ้นหลายครั้งจากการฝึกฝนในออสมู ตอนนี้เขาทำหน้าที่ภายใต้คำสั่งของออสมูและมาที่เมืองโฟลตติ้งเพื่อมาเอาตัวพ่อมดเชนแห่งตระกูลไรท์”
เมอร์ลินเข้าใจสถานการณ์ทันที พ่อมดเชนแสดงพรสวรรค์ที่เหลือเชื่อและวิธีการทำงานของออซมูก็คือการกำหนดเป้าหมายนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์อย่างเขา ออสมูกล้าที่จะขโมยนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ขององค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่มาโดยตลอดดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่พวกเขามาที่ตระกูลไรท์
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ได้กังวลเกี่ยวกับออซมู ใครก็ตามที่พวกเขาวางแผนที่จะขโมยนั้นไม่ใช่เรื่องของเมอร์ลิน เขาสนใจแต่ริเซนเท่านั้น
“แล้วไวส์กับรีเซนล่ะอยู่ที่ไหน” เมอร์ลินถามอย่างลึกซึ้ง
เอเลน่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ในที่สุดก็ตอบ “ไวส์จะตรงไปยังตระกูลไรท์ในวันพรุ่งนี้ ในฐานะสมาชิกของออซมู รีเซนจะต้องติดตามเขาไปอย่างแน่นอน”
“ตระกูลไรท์!” เมอร์ลินก้มศีรษะลงและพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ “ก็ได้ พรุ่งนี้เราไปที่ตระกูลไรท์กัน แล้วรอให้รีเซนปรากฏตัวออกมา!”
เอเลน่าเปิดปากของเธอและดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ในที่สุดเธอก็ไม่พูดอะไรและออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ …
เช้าตรู่ของวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น ก่อนที่หมอกในเมืองโฟลตติ้งจะสลายไป ตระกูลไรท์เต็มไปด้วยเสียงดังและการเคลื่อนไหว เหล่านักเวทย์มารวมตัวกันเป็นกลุ่มอย่างต่อเนื่องและจ้องมองไปที่ทางเข้าประตู
นักเวทย์ของตระกูลไรท์ที่แข็งแกร่งที่สุดคือนักเวทย์ระดับสี่ โมยี เขาจ้องมองอย่างเคร่งขรึมที่ทางเข้าประตูที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนา นอกจากพ่อมดโมยีแล้ว ยังมีนักวเทย์อื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาเหล่านี้เป็นนักเวทย์ระดับสามของตระกูลไรท์
พวกเขารวมตัวกันที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเขาพร้อมต่อสู้มาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับไวส์แล้วและไม่กล้าที่จะละเลยการรักษาความปลอดภัยของพวกเขา
*ตุบ ตุบ*
ทันใดนั้น เงาสองเงาก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหมอก ลมกระโชกแรงพัดพาหมอกออกไปและนักเวทย์ตะโกนว่า "นั่นไวส์ พวกมันมาแล้ว ออซมูส่งไวส์มาจริงๆ!"
หมอกสลายไปและไวส์ก็พารีเซนไปที่ประตูตระกูลไรท์ เมื่อเห็นว่าทางเข้าเต็มไปด้วยเฟล่านักเวทย์ พ่อมดไวส์ไม่แสดงอาการกลัวออกมาแม้แต่น้อย เขากลับพูดออกมาได้อย่างสบาย ๆ
"โมยีเอาตัวเชนมาให้ฉัน ในตอนนี้ครึ่งหนึ่งเขาเป้นคนของออสมูแล้ว ดังนั้นถ้าคุณไม่ปล่อยเขามา ฉันเกรงว่าวันนี้ตระกูลไรท์จะหายไปตลอดกาล…”
“พ่อมดไวส์ เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
พ่อมดโมยีซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นอย่างสบาย ๆ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมีริ้วรอยแต่ดวงตาของเขาก็ยังเร่าร้อนด้วยจิตวิญญาณที่พุ่งพล่าน
"ฆ่ามัน!"
ใบหน้าของพ่อมดโมยีเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและเขาก็คำรามเสียงแหบ ทันใดนั้น เหล่านักเวทย์ที่ซ่อนตัวอยู่ในหมอกก็ร่ายคาถาของตนด้วยเสียงดัง กระแสพลังเวทย์ได้พุ่งเข้าหาพ่อมดไวส์ในพริบตา
เมื่อพ่อมดรีเซนมองดูท้องฟ้าแห่งเวทมนตร์ ใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที เขาถอยกลับตามสัญชาตญาณ แค่เวทมนต์ของนักเวทย์เพียงคนเดียว เขาก็คงไม่กลัวแต่เวทมนต์พวกนี้ถูกร่ายด้วยนักเวทย์จำนวนมาก พลังของมันน่าสะพรึงกลัว แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่ก็ยังไม่สามารถต้านทานสิ่งนี้ได้
อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของพ่อมดไวส์ไม่ได้เปลี่ยน เขามองขึ้นไปที่กระแสเวทมนต์เบื้องหน้าและรอยยิ้มเยาะเย้ยอย่างดูถูกเหยียดหยามที่ริมฝีปากของเขา
“วายุเอ๋ย จงตื่นลุกมา!”
พ่อมดไวส์พึมพำเบา ๆ และทันใดนั้นสายลมคลั่งก็บิดตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดยักษ์ที่เริ่มแผ่ออกไปในแนวนอน
พลังอันยิ่งใหญ่ได้กวาดล้างเวทย์มนตร์และบดขยี้ให้เป็นฝุ่น
แม้แต่พ่อมดโมยีก็ตกตะลึง ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่เขาจ้องไปที่พายุ เขารู้ว่านี่ไม่ใช่พลังของคาถาระดับสามหรือคาถาระดับใด ๆ
“พลังปีศาจแพนดอร่า!” พ่อมดโมยีพึมพำด้วยเสียงต่ำ
“นั่นคือพลังปีศาจของแพนดอร่า ว่ากันว่าพ่อมดไวส์ได้ทรยศองค์กรของเขาและเข้าร่วมกับออซมูเพราะว่าพวกเขาได้เสนอพลังปีศาจแพนดอร่าที่เหมาะกับเขามาก พอทีมันน่าจะเป็นพลังปีศาจแพนดอร่าธตุลมอันนี้”
นักเวทย์ที่ทรงพลังสองสามคนยังคงซ่อนตัวอยู่ใต้หมอกหนาทึบ พลังจิตของพวกเขาสามารถแยกแยะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหมอกได้อย่างง่ายดาย
นักเวทย์เหล่านี้อย่างน้อยก็อยู่ในระดับสามและเห็นได้ชัดว่าเป็นพ่อมดจากตระกูลนักเวทย์ของเมืองโฟลตติ้ง พวกเขาเคยเจอพลังปีศาจแพนโดร่ามาก่อนและคาถาที่ไวส์เพิ่งปลดปล่อยออกมานั้นแตกต่างจากคาถาธาตุลมเพราะมันมีพลังที่เหลือเชื่อ มันอยู่ไกลเกินขอบเขตของคาถาระดับสามที่จะสามารถทำลายการโจมตีของคาถาที่ปกคลุมท้องฟ้าให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้
มีเพียงพลังปีศาจแพนโดร่าเท่านั้นที่สามารถทำได้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อมดไวส์มีความมั่นใจมากและไม่กลัวพลังของตระกูลไรท์แม่แต่น้อย
“ดูเหมือนว่าพ่อมดโมยีจะตกอยู่ในอันตรายในครั้งนี้และตระกูลไรท์อาจต้องถึงจุดจบ พลังของออสมูนั้นช่างน่ากลัวและยิ่งใหญ่จริงๆ แม้แต่นักเวทย์ระดับสามที่พวกออสมูส่งมาก็ยังเชี่ยวชาญในพลังและมีพลังปีศาจแพนดอร่าอันแสนลึกลับ!”
หลังจากที่ได้เห็นพ่อมดวส์ใช้พลังปีศาจแพนโดร่าของเขาแล้ว นักเวทย์ระดับสามของตระกูลอื่น ๆ ต่างพอกันหวาดกลัวในใจพวกเขาทันที หากพวกเขาตัดสินใจที่จะช่วยเหลือตระกูลไรท์จริง ๆ ตระกูลของพวกเขาก็คงตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นกัน
แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะจากไวส์ผู้ครอบครองพลังปีศาจแพนดอร่า
การครอบครองพลังปีศาจของไวส์นั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุด ไม่ใช่สำหรับคนอื่นแต่สำหรับรีเซนที่อยู่เบื้องหลัง
รีเซนต้องทนทุกข์ทรมานและทำงานหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งปีศาจแพนดอร่าและตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถฝึกฝนมันได้ ในทางกลับกัน เมื่อไวส์ที่เข้าร่วมกับออสมู เขากับได้รับพลังปีศาจแพนโดร่ามาทันที ภายหลังจากที่เขาทรยศต่อองค์กรของเขา
ตอนนี้ไวส์ได้ฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าสำเร็จแล้ว ความแข็งแกร่งของเขานั้นมากกว่านักเวทย์ระดับสี่ทั่วไปมาก นี่เป็นพื้นฐานที่แท้จริงสำหรับความมั่นใจของเขา ไวส์มีสิทธิ์ที่จะดูถูกตระกูลไรท์อย่างแท้จริง
“ตายซะเถอะ ไอ้แก่!”
แววตาของไวส์ฉายแววดุเดือดออกมาและความผันผวนของพลังธาตุลมอันรุนแรงก็เพิ่มขึ้นรอบตัวเขา ทันใดนั้น พายุทอร์นาโดที่โหมกระหน่ำก็ปรากฏขึ้น พลังของมันแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา ทำให้พ่อมดโมยีโกรธจัด
พ่อมดโมยีเข้าใจว่าเขาไม่สามารถต้านทานพลังปีศาจแพนโดร่าของไวส์ได้ อันที่จริงพวกออสมูส่วนใหญ่ก็สามารถจัดการนักเวทย์ที่มีระดับเหนือกว่าตัวเองทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาเป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลไรท์ ด้วยหน้าที่ของเขาทำให้เขาไม่สามารถหันหลังหนีได้
“ไคลส์ ฉันจะแสดงให้แกและพวกระดับสูงของออซมูได้เห็นว่าการเลือกแกไปเป็นสมาชิกเป็นทางการตัดสินใจที่โง่เขลา!”
ใบหน้าของพ่อมดไวส์บิดเบี้ยวละกลายเป็นน่ากลัว ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำลายล้างตระกูลไรท์เพราะเขาไม่พอใจกับสิ่งที่สมาชิกระดับสูงทำก่อนหน้านี้ เขาจึงต้องการระบายมันออกมากับตระกูลไรท์
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เรียกว่า ‘นักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ เชน’ มันไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญในจิตใจของพ่อมดไวส์อีกต่อไป