663-664
7/10
Ep.663
วังสุริยันจันทรา เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะขุมกำลังอันดับหนึ่งของขุนเขาหวังเฉียวนอกจากนี้ซูเฉินยังคุ้นเคยกับเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ จะมากจะน้อยพอรู้พื้นเพของพวกเขา
ซึ่งหากต้องเลือกขุมกำลังใดขุมกำลังหนึ่ง วังสุริยันจันทราเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แน่นอน ยังไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะตกปากรับเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาได้ล่วงเกินขุมกำลังอื่นไปไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือตระกูลโอวหยางที่มีผู้แข็งแกร่งระดับเทวะอยู่
หากวังสุริยันจันทรายอมรับเขา ก็มีแนวโน้มว่าจะถูกขุมกำลังอื่นกดดัน และไม่แน่ว่าจะทนไหวรึเปล่า
ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายซูเฉินยังตัดสินใจว่าจะถามออกไป เพราะนอกจากวังสุริยันจันทราแล้ว เขาไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วจริงๆ
“พี่เฉิน ถ้าฉันขอเข้าร่วมกับวังสุริยันจันทราของคุณ คุณคิดว่าทางนิกายจะยอมอ้าแขนรับฉันรึเปล่า?” ซูเฉินลองเลียบเคียงถาม
“หา?”
เฉินเฟิงไม่คิดว่าซูเฉินจะถามคำถามนี้ เขาชะงักไปทันใด
สีหน้าการแสดงออกของเซี่ยจิงอี้เองก็เปลี่ยนไป เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เฮียซู ที่เฮียพูดมาจจริงรึเปล่า? เฮียจะเข้าร่วมกับวังสุริยันจันทราของพวกเราจริงๆน่ะหรอ?”
ซูเฉินเป็นอัจฉริยะในการฝึกตนที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้
สัตว์ประหลาดเช่นเขา ไม่ว่าขุมกำลังใดก็ต้องการแก่งแย่งไปครอบครอง
“ใช่” ซูเฉินพยักหน้า
ได้รับคำตอบยืนยันของซูเฉิน เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้มองหน้ากัน ในแววตาของแต่ละฝ่าย สะท้อนให้เห็นถึงความประหลาดใจของกันและกัน
ทั้งสองสามารถจินตนาการได้ หากซูเฉินเข้าร่วมกับวังสุริยันจันทรา กำลังรบโดยรวมของวังสุริยันจันทรจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแข็งแกร่งของซูเฉิน อย่าว่าแต่โควต้างานประลองรอบคัดเลือกของขุนเขาหวังเฉียวเลย แม้แต่โควต้าเข้าสู่มิติท้ารบเกรงว่าก็ยังสามารถคว้ามาไว้ในมือ
“เฮียซู ถ้าเฮียต้องการเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราของเราจริงๆ ทางเบื้องบนของนิกายจะต้องอ้าแขนต้อนรับเฮียอย่างอบอุ่นแน่นอน” เฉินเฟิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“เกรงว่าพวกเขาจะต้องกังวลในภายหลังน่ะสิ” ซูเฉินปาดจมูก พึมพำกับตัวเอง
เหลิงมู่เย่ที่อยู่ข้างๆรู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ถึงตื่นเต้นมากขนาดนี้? เป็นไปได้ไหมว่าซูเฉินคืออัจฉริยะชั้นยอด?
แต่ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ไม่เห็นต้องกระตือรือร้นถึงขั้นนี้เลยถูกไหม? เพราะใครบ้างในวังสุริยันจันทราที่ไม่ใช่อัจฉริยะ?
เหลิงมู่เย่จ้องมองซูเฉินด้วยแววตาว่างเปล่า ก่อนเอ่ยถามว่า “ขอโทษที น้องซูตอนนี้มีระดับฝึกตนอยู่ในขั้นไหน?”
“ขั้น 7” ซูเฉินตอบตามความจริง
“ขั้น 7!”
สีหน้าของเหลิงมู่เย่แปรเปลี่ยนไป กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “น้องซู ปีนี้นายอายุเท่าไหร่”
ซูเฉินดูยังไงก็อายุไม่ถึง 20 ปี การที่สามารถขึ้นเป็นผู้ฝึกตนขั้น 7 ทั้งที่ยังเยาว์ เรียกได้เลยว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ ที่แม้แต่ในวังสุริยันจันทราก็ยังถือว่าโดดเด่นเป็นกระเรียนท่ามกลางฝูงไก่ คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจแน่นอน
“17 ปี”
ซูเฉินปาดจมูกเขา ตอบอย่างเฉยเมย
“แค่ 17 ปี!”
เหลิงมู่เย่อ้าปากค้าง ทั้งคนทั้งร่างตะลึงลานไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นสีหน้าของเหลิงมู่เย่ เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้อดหัวเราะไม่ได้
ในตอนที่พวกเขารู้ว่าซูเฉินอายุ 17 ปี ก็แสดงอาการตกใจจนเกินบรรยายแบบนี้เช่นกัน
“ศิษย์พี่เหลิง เฮียซูอายุแค่ 17 ปีเท่านั้นจริงๆ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพขั้น 7 อีกด้วย” เฉินเฟิงช่วยเสริม
“อะไรนะ?”
เหลิงมู่เย่ตอนนี้อ้าปากจนกรามค้างไปแล้ว
แค่ผู้ฝึกตนขั้น 7 อาชีพเดียวก็น่าเหลือเชื่อมากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องผู้ฝึกตนทุกอาชีพขึ้นมาอีก นี่มันเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว!
เฉินเมิ่งเฟยที่อยู่ไม่ไกลยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิต
ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยตกตะลึงกับซูเฉิน หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เห็นคนเกิดอาการเดียวกับเธอ หญิงสาวก็อดรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เหลิงมู่เย่กลืนน้ำลายลงคือ ค่อยๆผ่อนคลายลง
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงของเซี่ยจิงอี้ก็ดังเข้ามาในหูเขา
“แม้เฮียซูจะอยู่แค่ขั้น 7 แต่ความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาเหนือกว่าระดับเดียวกันมาก มีครั้งหนึ่งที่เคยสามารถสังหารผู้แข็งแกร่งขั้น 9 ลงได้!”
8/10
Ep.664
“สังหารศัตรูข้ามขั้นได้ถึงสองระดับ?”
เหลิงมู่เย่เบิกตากว้างจนดูคล้ายลูกปัด สมองของเขาหยุดสั่งการ
คำพูดนี้ของเซี่ยจิงอี้ สร้างความตื่นตกใจแก่เขาอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
แต่เหลิงมู่เย่หารู้ไม่ ว่าที่เซี่ยจิงอี้พูดนั้นตัดความจริงบางส่วนออกไปแล้ว
เพราะซูเฉินไม่ได้ฆ่าผู้ฝึกตนขั้น 9 เพียงคนเดียว แต่เคยฆ่าไปถึง 3 คน!
อีกทั้งที่สังหารไป ทั้งหมดล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่ายิ่งเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่และหนันหมาน ทั้งสองคนนี้เทียบได้เลยกับตัวตนขั้น 10
แต่พวกเขาก็ยังตายด้วยน้ำมือของซูเฉิน
แค่นี้คงพอแสดงให้เห็นแล้ว ว่าซูเฉินน่ากลัวขนาดไหน
ซูเฉินกระแอม เอ่ยถามว่า “พี่เฉิน คุณก็น่าจะรู้เรื่องฉันไม่มากก็น้อย แล้วแบบนี้ฉันยังเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราได้อีกหรอ?”
“คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ขนาดนั้นนะ” เฉินเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับ
ช่วงที่ผ่านมา เอาจริงๆซูเฉินสร้างปัญหาขึ้นไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับคุณค่าของเขาแล้ว ภัยพิบัติเหล่านี้ไม่นับเป็นสิ่งใด
“น้องซูไม่ต้องเป็นห่วง ตราบใดที่นายเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทรา จะไม่มีใครกล้าแตะต้องนายแม้แต่ปลายเส้นผม”เหลิงมู่เย่เอ่ยขึ้น
หลังจากที่ได้รู้ถึงกำลังรบที่แท้จริงของซูเฉินแล้ว เขาตระหนักได้ทันที ว่าการเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราในครั้งนี้เป็นอะไรที่พิเศษมาก
อัจฉริยะเช่นซูเฉิน จะต้องกลายเป็นเป้าหมายในการแก่งแย่งกันของนิกายต่างๆอย่างแน่นอน หากเขาไม่ได้เข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทรา คงนับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
“พี่เหลิง พี่ยังไม่รู้ว่าฉันทำอะไรลงไปบ้าง มีคนมากมายต้องการฆ่าฉัน” ซูเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
การเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ขณะเดียวกัน คนที่เขาล่วงเกินก็ไม่ใช่ขุมกำลังธรรมดา ซูเฉินเลยคิดว่าต้องบอกเรื่องนี้กับเหลิงมู่เย่
เหลิงมู่เย่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นน้องซูก็ลองเล่ามาเถอะ
เฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้เพิ่งรู้จักซูเฉินไม่นาน ทั้งสองจึงเงี่ยหู ตั้งใจฟังเช่นกัน
ซูเฉินค่อยๆเล่าอย่างช้าๆ แน่นอน สิ่งที่เขาประสบ หากให้บอกทุกขั้นทุกตอนอย่างละเอียด เกรงว่าสามวันสามคืนก็คงไม่หมด จึงมุ่งเน้นไปในส่วนที่สำคัญๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อซูเฉินเล่าจบ การแสดงออกทางสีหน้าของเหล่าศิษย์แห่งวังสุริยันจันทราก็กลายเป็นเคร่งขรึมผิดปกติ
วีรกรรมของซูเฉิน มากพอที่จะใช้อธิบายด้วยคำว่า ‘ทำลายล้างโลก’
สังหารอัจฉริยะของสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ , สังหารบุตรชายของเฝิงหลี่ , สังหารอาวุโสของวิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู , สังหารอาวุโสของจักรวรรดิเฉินเชิ่ง นอกจากนี้ยังมีอัจฉริยะจากตระกูลโอวหยางที่มีระดับเทวะอยู่ด้วย
เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว สามารถกล่าวได้เลยว่า ซูเฉินได้ล่วงเกินขุมกำลังใหญ่เกือบทั้งหมดในเผ่ามนุษย์
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคนๆนั้นคงตายไปนานแล้ว แม้แต่เศษซากก็ไม่หลงเหลือ
ทว่าซูเฉินกลับยังคงมีชีวิตอยู่ และสุขสบายดี! จุดนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงกำลังรบอันแข็งแกร่งของเขา
“น้องซู นายน่าทึ่งมากจริงๆ” เหลิงมู่เย่เดาะลิ้น ทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์จากก้นบึ้งของหัวใจ
“พี่เหลิงชมกันเกินไปแล้ว”
ซูเฉินหัวเราะ แล้วหันมาถามว่า “ได้รู้เรื่องราวของผมแล้ว พี่เหลิงคิดว่าผมยังสามารถเข้าร่วมกับทางวังสุริยันจันทราได้อยู่ไหม?”
“แน่นอน นายเข้าร่วมได้”
เหลิงมู่เย่ไม่ลังเลเลยสักนิด กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
อัจฉริยะเช่นซูเฉิน หมื่นปีถึงจะถือกำเนิดขึ้นซักคน เขาผู้นี้มีโอกาสสูงมากๆที่จะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับเทวะ
ผู้อาวุโสระดับสูงของวังสุริยันจันทราจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร?
สำหรับขุมกำลังอื่นที่ซูเฉินล่วงเกิน เรื่องนั้นเป็นปัญหาแน่นอน
แต่ด้วยรากฐานกำลังรบของวังสุริยันจันทรา ย่อมสามารถต้านทานศัตรูเหล่านั้นได้
เห็นเหลิงมู่เย่มั่นใจ ซูเฉินประหลาดใจมาก เลียบเคียงถามว่า “พี่เหลิง ในบรรดาขุมกำลังที่ฉันล่วงเกิน มีระดับเทวะอยู่ด้วยนะ”
เหลิงมู่เย่หัวเราะ และกล่าวว่า “มีระดับเทวะอยู่แล้วยังไง? ถ้านายไปถึงระดับเทวะเมื่อไหร่ นายจะไม่สามารถกลับมายังทวีปนี้ได้โดยง่าย แล้วถ้าจะให้พูดอีก ทางวังสุริยันจันทราของพวกเราเองก็มีบรรพชนระดับเทวะอยู่ถึง 2 คนเหมือนกัน แล้วแบบนี้–
–ไอ้หน้าไหนจะกล้ามายั่วโมโห?”