ตอนที่ 130 : น้องชายส่งพัสดุที่แสนจะทุกข์ทรมาน~
ตอนที่ 130 : น้องชายส่งพัสดุที่แสนจะทุกข์ทรมาน~
เสียงคำรามของรถ Bugatti ดังลั่นไปทั่วเมืองหลวงคนที่ผ่านไปมานับไม่ถ้วนต่างก็ต้องหันมามองไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด!
คนที่เห็นต่างก็ต้องร้องออกมา!
“ว้าว~ รถสปอร์ตคันนี้เท่มาก!”
“เท่มากเลย~ ฉันชอบมันมาก~”
ผู้ชายที่เห็นก็ต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและผู้หญิงที่ได้เห็นก็ต้องตกหลุมรัก~
ภายในรถเจียงเฉินยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมกับความสูงส่งของมัน!
เพราะท้ายที่สุดมันก็มีแค่คันเดียวในโลก!
……
ในเวลานี้เอง เจ้าหน้าที่จากช่องโทรทัศน์ก็ออกมาสัมภาษณ์คนตามท้องถนน!
เขายิ้มให้กล้องก่อนจะพูดออกมา “สัวสดีครับทุกๆคน ผมเสี่ยวกุ่ยอาน นักข่าวจากสำนักข่าวโจ่วจิ้นเซิ่งหัว หัวข้อข่าวของเราวันนี้ก็คือ : ความทุกข์ทรมาณของคนส่งพัสดุ ครับ”
นักข่าวเสี่ยวกุ่ยอานพาตากล้องเดินทางเพื่อหาเป้าหมายที่เหมาะสมทันที
เขานั้นได้ตรวจสอบมาแล้วว่าอาชีพการส่งพัสดุนั้นเป็นหนึ่งในอาชีพที่นิยมมากที่สุดอาชีพหนึ่งแต่มันก็เป็นอาชีพที่อยู่จุดต่ำสุดของสังคมในเวลาเดียวกัน!
ในครั้งนี้เขาจะขุดความเจ็บปวดของคนส่งพัสดุออกมาเพื่อสร้างความน่าสงสารเพื่อเพิ่มความนิยมของรายการ!
และในครั้งนี้เขาก็เตรียมการมาอย่างดีเพื่อที่จะมอบความทรมาณแสนสาหัสแก่คนส่งพัสดุ
ยกตัวอย่าง : การพูดถึงพ่อแม่ที่ป่วยหนัก หรือจะเป็นเด็กกำพร้า พัสดที่เอาไปส่งในคืนที่ฝนตกแล้วมันก็หายไปและคนส่งก็ต้องร้องไห้อยู่บนพื้นอย่างน่าสงสารหรือจะป็นคนพิการที่ต้องส่งพัสดุเพื่อประทังชีวิต.....
ถ้าจะเอาง่ายๆก็คือยิ่งลำบากแค่ไหนยิ่งดี!
ใบหน้าของเสี่ยวกุ่ยอานค่อยๆเต็มไปด้วยความพอใจถึงคนพวกนี้จะอนาถาแต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา!
เหตุผลหลักที่เขามาทำหัวข้อนี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากชื่อเสียงและเงินทองเท่านั้น!
สบายจริงๆ~~
เขานั้นหาคนส่งพัสดุเจอสองสามคนแต่คนกลุ่มนี้เขารู้สึกว่าพวกเขายังไม่น่าสังเวชพอ!
“ต่อไป เราจะไปสัมภาษณ์ใครกันดีครับ?”
ดวงตาของเสี่ยวกุ่ยอานกวาดไปรอบๆทันใดนั้นเขาก็เห็นกลุ่มสาวงามเดินเข้ามา เขารีบเข้าไปสัมภาษณ์ทันที!
“เดี๋ยวก่อนครับ สาวๆ ผมขอถามคำถามพวกคุณหน่อย พวกคุณมีความคิดที่จะแต่งงานกับคนส่งพัสดุไหมครับ?”
หญิงสาว A “คนส่งพัสดุหรอ? พวกเขาหาเงินได้มากพอจะคู่ควรกับผู้หญิงอย่างชั้นไหมล่ะ?”
หญิงสาว B กรอกตาของเธอ “ถ้าจะให้ฉันแต่งงานกับคนส่งพัสดุ นางฟ้าอย่างฉันขอเป็นโสดตลอดชีวิตดีกว่า!”
หญิง C เยาะเย้ย “พวกคนส่วพัสดุยังหาผู้หญิงมาแต่งงานได้ด้วยอีกหรอ?”
เสี่ยวกุ่ยอานยิ้มเยาะออกมาและอดที่จะยกนิ้วโป้งให้พวกเธอไม่ได้!
พวกเธอนั้นตีได้ตรงจุดจริงๆ โหดร้ายมากเลทีเดียว!
ปรบมือ!
เสี่ยวกุ่ยอานมองไปที่กล้องด้วยความสงสารและความเศร้า
“ถึงคุณผู้ชมทั้งหลาย ตามที่ได้เห็นนะครับกลุ่มคนที่อยู่ล่างสุดของสังคมของเราอย่างพี่น้องคนส่งพัสดุไม่เพียงแต่มีชีวิตที่ยากลำบากพวกเขายังยากที่จะแต่งงานและมีลูกได้ พวกเขามักจะถูกดูถูก......”
โลกที่แสนทุกข์ทรมาณของพี่น้องคนส่งพัสดุ!
สมบูรณ์แบบ!
มันสมบูรณ์แบบมากจริงๆ!
พวกเขาไม่มีวันหยุดงาน ไม่มีวันที่ตัวเองจะก้าวหน้าชีวิตไม่มีวันได้ถูกเติมเต็ม
ในเวลานี้เอง เขาก็สังเกตุเห็นว่าใกล้ๆเขานั้นมีศูนย์ส่งพัสดุของซุนเฟิงอยู่!
และนั่นก็คือที่ทำงานของเจียงเฉิน!
เสี่ยวกุ่ยอานเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว เขาวางแผนที่จะสัมภาษณ์ที่นี่เป็นที่สุดท้าย!
เสี่ยวกุ่ยอานสัมภาษณ์ “งานของพวกคุณหนักไหมครับ?”
พี่น้องคนส่งพัสดุ A “ครับ งานหนักมาก ยิ่งช่วงนี้ฝนตกหนักทุกวันด้วยแถมยังต้องโดนลูกค้าต่อว่าอีก!”
คนส่งพัสดุ B “มันแน่อยู่แล้วที่พวกเราต้องทำงานหนักแถมยังมีความอันตรายจากเหตุที่ไม่คาดฝันอีกอีก ครั้งก่อนเพื่อนร่วมงานของเราโดนเข้าใจผิดว่าไปมีความสัมพันธ์กับลูกค้าหญิงคนหนึ่ง เขาเลยโดนสามีของเธอทุบตีจนต้องเข้าโรงพยาบาล!”
“ชีวิตของพวกคุณขมขื่น จนผมต้องร้องไห้เลยนะครับ!”
เสี่ยวกุ่ยอานหยอดน้ำตาเทียมลงไปที่ตาของเขาสองสามหยด
เขาหันกลับมาที่กล้อง
“ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ทรมาณไปมากกว่าชีวิตของคนส่งพัสดุแล้วล่ะครับ”
“โดยเฉพาะคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าไปเป็นชู้กับคนอื่น จนต้องโดนหักขาไปมันน่าสงสารมากจริงๆครับ!”
ในเวลานี้เองเจียงเฉินก็กลับเข้ามาที่ศูนย์ส่งพอดี
เสี่ยวกุ่ยอานก็เหลือบไปเห็นเขาพอดี
พระเจ้า!
พนักงานส่งพัสดุหล่อแบบนี้ได้ยังไงกัน?
เสี่ยวกุ่ยอานโมโหจากความอิจฉาทันที!
อย่าได้ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่! เป็นเพราะแกหล่อเกินไปทำให้คนแบบฉันหาแฟนไม่ได้ซักที!
ฉันต้องทำให้คนทั้งประเทศรู้ต่อให้มีหน้าที่หล่อเหลาแต่ก็ใช้กินไม่ได้เสี่ยวกุ่ยอานคนนี้ที่เป็นนักข่าวยังดูดีกว่าเยอะ!
เขาจะต้องขุดความเจ็บปวดของมันออกมา ให้ทุกคนได้เห็นความเจ็บปวดของหนุ่มหล่อส่งพัสดุ!
หึ!
ด้านมืดของเสี่ยวกุ่ยอานค่อยๆเปิดเผยออกมา เขานั้นสัมภาษณ์พี่น้องคนส่งพัสดุโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เขาเพียงต้องการเอาความน่าสงสารมาเป็นจุดขาย ขุดความเจ็บปวดของพวกเขาออกมาเพื่อกระตุ้นความสนใจจากสังคมเพื่อชื่อเสียงและเงินทองของเขา!
เสี่ยวกุ่ยอานยิ้มอย่างมีชัย เขาหยิบไมโครโฟนออกมาแล้วถามเจียงเฉิน “น้องชาย อะไรที่ทำให้นายเลือกมาเป็นคนส่งพัสดุหรอ? มันเป็นความรัก? หรือความรับผิดชอบกัน?”
“ไม่ครับ ก็แค่ทำเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต!” เจียงเฉินตอบอย่างใจเย็นและสุภาพ
เสี่ยวกุ่ยอาน “???”
ไม่ แกไม่ควรตอบแบบนั้น “เพราะความยากจนรึเปล่า?”
บ้าอะไรกันวะเพื่อประสบการณ์ชีวิตเนี่ยนะ?
มุมปากของเสี่ยวกุ่ยอานปิดเบี้ยว “ประสบการณ์ชีวิตงั้นสินะครับ แล้วการเป็นคนส่งพัสดุที่ต้องโดนลูกค้าต่อว่าและจงใจทำให้เรื่องมันยุ่งยาก คุณไม่รู้สึกโกรธหรอครับ?”
เจียงเฉินยิ้ม “ในฐานะที่ผมเป็นคนส่งพัสดุคนหนึ่งเราก็ต้องทนเรื่องพวกนี้บ้าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นมนุษย์คนหนึ่งก็คือการมีความสุขไปกับมัน”
เสี่ยวกุ่ยอานโมโห!
ฉันมาหสัมภาษณ์นายไม่ใช่มามาให้นายเล่าเรื่องการมองโลกในแง่ดีแบบนี้!
ฉันจะเอาเรื่องของแกไปขายได้ยังไงกัน? แล้วจุดเจ็บปวดจากการเป็นคนส่งพัสดุของแกอยู่ตรงไหนกัน?!
ถ้าจะไม่ให้ความร่วมมือ งั้นฉันไม่อัดก็ได้!
“แล้วสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ชีวิตของคุณคืออะไรครับการโดนหักเงินค่าจ้าง ทำตัวใจเย็น กินไม่อิ่ม ซื้อรถซื้อบ้านไม่ได้หรือหาภรรยาไม่ได้กันครับ?”
เสี่ยวกุ่ยอานมองมาอย่างเย็นชาและคิดว่าคำที่ออกมาจากปากของเขานั้นจะต้องกระทบใจอีกฝ่ายบ้างแหละ!
แต่ใครจะรู้....
“ผมคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดกับเรื่องประสบการณ์ชีวิตนะ”
เจียงเฉินพูดอย่างเฉยเมย “ความจริงแล้วผมมีรถของตัวเอง มีบ้านของตัวเอง มีอาคารอยู่บนถนนศูนย์กลางทางการเงิน ผู้หญิงที่ไล่ตามผมมากพอที่จะต่อแถวกันจนวนครบรอบเมืองหลวงแต่ผมไม่สนใจพวกเธอด้วยซ้ำ”
ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ธรรมดาของเจียงเฉินมันดูเหมือนจะเป็นความจริง!
เสี่ยวกุ่ยอานมองอีกฝ่ายด้วยความมึนงง!
จริงหรอเนี่ย ที่พนักงานส่งพัสดุจะมีรถมีบ้านเป็นของตัวเอง?
แถมยังมีอาคารบนถนนศูนย์กลางทางการเงินด้วย?
มีอะไรผิดพลาดรึเปล่าเนี่ย!
รายได้ของคนส่งพัสดุมันสูงขนาดนั้นเลยหรอ หรือนี่จะเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของคนส่งพัสดุ?
ที่ฉันรู้มาก่อนหน้านี้มันผิดงั้นหรอหรือพวกเขาแค่ทำตัวติดดินกัน?
มันน่าอายเกินไปแล้ว ตอนนี้ฉันยังไม่มีแม้แต่รถเป็นของตัวเองเลย~
“นาย....นายล้อฉันเล่นใช่ไหม?”
ปากของเสี่ยวกุ่ยอานบิดเบี้ยวแต่ก็ยังพยายามยิ้มออกมา “น้องชาย เรากำลังเขาถึงชีวิตของพวกนายนะ ช่วยให้ความร่วมมือหน่อย อย่าโอ้อวดเกินไป!”
“แน่นอนว่าผมไม่ได้โอ้อวดเพราะที่พูดไปมันคือความจริง”
เจียงเนกางมือของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“หึ! นายบอกว่านายมีรถ แล้วไหนล่ะรถ? มันกำลังมาหรอ?”
รถแบบไหนกันที่คนแบบนี้จะมีได้!
คงไม่ได้พูดไปงั้นหรอกนะ?
เจียงเฉินยอ้มเล็กน้อย “บังเอิญอะไรแบบนี้~ วันนี้ผมก็เพิ่งจะถอยรถมาใหม่ด้วยเงินติดกระเป๋าพอดีแล้วมันก็จอดอยู่ข้างนอกด้วย”
ฮ่าฮ่าฮ่า~
เงินติดกระเป๋า....มาซื้อรถเนี่ยนะ?
อยากจะขำจนฟันหมดปากเลยจริงๆ!
เสี่ยวกุ่ยอานมีความสุขทันที เขารีบวิ่งไปหลังตากล้องแล้วมองซ้านมองขวา
รถที่จอดอยู่ริมถนนตอนนี้มีรถ Volkswagen ราคา 1000,000 รถ Chery QQ ราคา 30,000……
และก็มีรถ Bugatti Voice of Night รถซุปเปอร์คาร์ชั้นยอดของโลกอยู่ด้วย!
ในเวลานี้เอง ก็มีคนเกือบร้อยคนกำลังล้อมรอบมันโดยทิ้งระยะห่างไว้ 10 เมตรเพื่อถ่ายรูปมันกันอย่างบ้าคลั่ง
ฉากนี้ทำให้คนคลั่งไคล้กันไม่น้อย!
“รถ Bugatti คันนี้โคตรเท่เลย!”
“ทุกคน อย่าเข้าใกล้เชียวนะราคาเจ้านี่ตั้ง 200 ล้านหยสน เราชดใช้ไม่ได้แน่!”
“ใช่ ถูกเลยถูกเลย ทุกคนแค่ดูแล้วถ่ายรูปพอ!”
“ฉันเช็คมาจากในอินเทอร์เน็ตแล้ว แค่ไฟของรถยนต์คันนี้ก็ราคา 5 ล้านแล้ว! ยางเองก็ข้างละ 590,000!”
“ราคามันสูงกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย!”
“….”