WS บทที่ 235 ปณิธาน PART 4
ใบหน้าของรีเซนแข็งทื่อเล็กน้อยเมื่อความเกลียดชังเกิดขึ้นในใจของเขาผุดขึ้นมา
'บ้าเอ๋ย!!! แกเป็นแค่นักเวทย์ระดับสามเท่านั้น คอยดูเถอะไว้ข้าฝึกฝนพลังปีศาจแพนดอร่า เพลิงวินาศสำเร็จเมื่อไหร่ แกจะต้องเสียใจที่ทำกับข้าแบบนี้!!'
แม้จะมีความเกลียดชังในหัวใจของเขาแต่รีเซนก็ไม่กล้าเปิดเผยมันออกมา อันที่จริงเขาฝืนยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา
“โดยปกติแล้ว กระผมไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับภารกิจของท่านไวส์ อย่างไรก็ตาม กระผมคุ้นเคยกับเมืองโฟลตติ้งอย่างดีดังนั้นบางทีกระผมอาจช่วยภารกิจของท่านไวส์ได้บ้าง”
พ่อมดไวส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าของเขาก็อ่อนลงบ้าง เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบว่า “ถูกต้อง สมาชิกอย่างแกมีหน้าที่รวบรวมข้อมูลสินะ นี่คือสาระสำคัญของงานของแกและหากแกทำไม่สำเร็จ ทางออสมูก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องเก็บพวกแกไว้ เอาล่ะ บอกฉันเกี่ยวกับตระกูลไรท์ เอาเฉพาะที่มันสำคัญ ๆ”
“ตระกูลไรท์?”
รีเซนนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาพอจะเป้าหมายที่แท้จริงที่ออสมูได้ส่งพ่อมดไวส์มาที่นี่ อาจเป็นเพราะนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ พ่อมดเชนแห่งตระกูลไรท์
มีรายงานว่าเชนเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้นเท่านั้นแต่ได้แสดงความสามารถที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ปัจจุบันเขาได้สร้างคาถาสี่ธาตุแล้วและกำลังสร้างคาถาที่ห้า
แม้ว่าเชนจะไม่ได้เข้าร่วมกับองค์กรใด ๆ แต่ความสำเร็จในอนาคตของเขาก็คงจะน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าตระกูลไรท์จะรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดไว้ให้เชน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมออสมูจึงได้ส่งพ่อมดไวส์มายังเมืองโฟลตติ้งเป็นเพราะเชนอย่างแน่นอน
“พ่อมดไวส์ เชนได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากตระกูลไรท์ กระผมแค่กลัวว่ามันจะไม่ง่ายที่จะนำตัวเขามา” พ่อมดรีเซนพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่งก่อนที่จะกล้าพูดอย่างระมัดระวัง
“ไม่ง่ายที่จะนำตัวเขามา? ช่างเป็นเรื่องไร้สาระอะไรอย่างนี้! ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น ภายหลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่กับดินแดนมนต์ดำ, หอคอยอเวจีและองค์กรของนักเวทย์อื่น ๆ พวกเขาทั้งหมดต่างคอยระวังพวกเราอย่างแน่นหนา สำหรับเชน พอพวกเราพบตัวเขา ทางตระกูลไรท์ก็พาตัวเขาไปซ่อนในไว้ในที่ลับของตระกูล
อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าตระกูลนักเวทย์จะต่อต้านออสมูได้ ช่างเป็นอะไรที่สิ้นคิดมาก ดังนั้นทางออสมูจึงไม่ได้วางแผนที่จะเสียเวลากับตระกูลไรท์อีกต่อไปและได้ส่งฉันให้ตรงไปที่ตระกูลและนำตัวเชนออกมา ใครก็ตามที่ขวางทางฉัน พวกมันต้องตาย!”
การแสดงออกที่หยิ่งทะนงเผยผ่านใบหน้าของพ่อมดไวส์ เขาไม่เพียงมองข้ามพ่อมดรีเซนเท่านั้นแต่เขายังมองข้ามตระกูลนักเวทย์ทั้งหมดในเมืองโฟลตติ้งอีกด้วย
รีเซนรู้ว่าคนในออสมูล้วนแล้วแต่เป็นพวกคลั่งไคล้ความยิ่งใหญ่แต่ตอนนี้เขาได้พบกับคนบ้าที่เห็นแก่ตัวจากออสมู ทำให้เขารู้สึกหมดหนทาง
อย่างไรก็ตามรีเซนผู้ซึ่งเข้าใจถึงความสามารถของตระกูลไรท์จึงอดไม่ที่จะเตือนพ่อมดไวส์
“พ่อมดไวส์ ถึงของตระกูลไรท์อาจจะไม่แข็งแกร่งมากแต่มีชายชราคนหนึ่งที่เป็นนักเวทย์ระดับสี่ กระผมเกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก แล้วถ้าเราใจร้อนเกินไปแผนที่จะนำตัวพ่อเชนอย่างลับ ๆ อาจจะถูกพวกเขาจับได้”
“เอาเชนออกไปอย่างลับ ๆ งั้นเหรอ นั่นไม่ใช่วิธีการของออซมูและยิ่งกว่านั้น มันไม่ใช่วิธีการของฉัน! ต่อให้พวกเขามีนักเวทย์ระดับสี่หรือพ่อมดสามธาตุก็ไม่อาจสู้พลังของฉันได้! ทำอย่างที่เคยทำมาก็พอ พรุ่งนี้ เราจะไปที่ตระกูลไรท์แล้วฉันจะพาเชนออกมา ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถมาหยุดฉันได้!” เสียงของพ่อมดไวส์นั้นเบาแต่คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
'เขาเป็นคนบ้าที่คิดจะทำอะไรโง่ ๆ เขาคิดหรือว่าความสัมพันธ์ของตระกูลเวทย์เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยรึไง? แม้ว่าตระกูลนักเวทย์ ส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แล้วทางอาคารสเตอลิ่งล่ะ? คิดว่าพวกเขาจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยรึไง'
รีเซนพิจารณาสิ่งต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนและระมัดระวังในทุกเรื่อง เขาอยู่ในเมืองโฟลตติ้งมาหลายปีแล้วแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครเว้นแต่จะเห็นว่ารีเซนเป็นคนรอบคอบและระมัดระวังในการทำสิ่งต่างๆ
แม้ว่ารีเซนจะก่นด่าไวส์ในใจแต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งของพ่อมดไวส์ เขาก็อ้าปากค้างในความเงียบและไม่เสนอคำแนะนำใด ๆ เพิ่มเติม เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะกล่าวถึงความเป็นไปได้ของการมีส่วนร่วมของสเตอร์ลิ่งเฮาส์แต่ด้วยทัศนคติที่หยิ่งผยองของพ่อมดไวส์ เขาจะไม่เปลี่ยนสิ่งที่เรียกว่า ‘แผน’ ของเขาอย่างแน่นอน
'ถ้าอยากตายก็ไปคนเดียวก็เชิญเลย ข้าจะเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ ดังนั้นในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาด ข้าจะสามารถหนีได้ในทันทีและปล่อยให้คนบ้าทิ้งชีวิตของเขาไป'
พ่อมดรีเซนมีแผนของตัวเองแต่เขาก็ยังรู้สึกหดหู่ใจมาก หากเขาเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา เขาจะไม่สามารถกลับมายังเมืองโฟลลติ้งได้อีกต่อไปและสิ่งนี้จะทำให้การรับผลประโยชน์จากออสมู ในการรวบรวมทรัพยากรการต่าง ๆ ในเมืองโฟลตติ้งจะสิ้นสุดลงทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากประเมินอย่างรอบคอบแล้วรีเซนตัดสินใจว่าชีวิตของเขามีค่ามากกว่า เขาจะไม่ทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ เหมือนพ่อมดไวส์ผู้บ้าคลั่ง
…
“ออสมูส่งพ่อมดไวส์มาถึงเมืองโฟลตติ้งเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาอยู่ในบ้านลับของพ่อมดรีเซนที่เป็นสมาชิกสมทบของออสมูอีกด้วย”
ในห้องที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามมีนักเวทย์สองสามคนนั่งอยู่ข้างใน พวกเขากำลังพูดคุยถึงประเด็นที่ค่อนข้างสำคัญ
รายงานก่อนหน้านี้ได้รับจากนักเวทย์ระดับสาม
“ไวส์? ฉันได้ยินมาว่าเขาเคยเป็นสมาชิกขององค์กรนักเวทย์ขนาดกลางในธูเล่แต่ด้วยอิทธิพลของออสมู เขาได้ทรยศต่อองค์กรของเขาโดยไม่ลังเลและกลายเป็นสมาชิกของออสมู ผ่านไปหลายปีแล้วถึงแม้ว่าเขาจะยังเป็นนักเวทย์ระดับสามเหมือนเดิมแต่ก็เกรงว่าพลังของเขาจะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว พวกเราน่าจะรู้ดีว่าพวกที่อยู่ในออสมูมีความสามารถที่จะสังหารคู่ต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าระดับของตัวเองได้แต่ละคนก็บ้าคลั่งไร้ความปรานี” นักเวทย์ที่สวมชุดสีฟ้าพูดด้วยเสียงต่ำ
“แมทธิว คุณคือผู้อาวุโสของตระกูลเดลแมน เราควรทำอย่างไรดี เราควรส่งนักเวทย์ระดับสี่ของเราไปช่วยตระกูลไรท์และต่อต้านออซมูด้วยกันหรือเราจะนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ”
พวกเขานำมองไปยังนนักเวทย์ที่ผอมแห้งซึ่งสวมชุดพ่อมดสีเทาปกขลิบด้วยสีทอง นี่คือผู้อาวุโสในตระกูลของตระกูลเดลแมน พ่อมดแมทธิวผู้ซึ่งเป็นพ่อของเอเลน่า
พ่อมดแมทธิวนิ่งเงียบ ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด ฝ่ามือสีขาวของเขากำลังจับไม้เท้าเวทมนตร์สีดำขนาดเล็ก พวกเขาเห็นว่าพ่อมดแมทธิวกำลังคิดไม่ตกสำหรับเรื่องนี้
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ในที่สุด พ่อมดแมทธิวก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังเหล่านักเวทย์ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นเสาหลักของตระกูลเดลแมนแต่มีนักเวทย์ระดับสามเพียงห้าคนเท่านั้น รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
นอกจากนี้ยังมีพ่อมดชราเป็นนักเวทย์ระดับสี่แต่เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเดลแมน พวกเขามักจะไม่นำพ่อมดเฒ่าผู้นี้ออกมา หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่อันตรายร้ายแรงกับตระกูลจริง ๆ
ตระกูลนักเวทย์ส่วนใหญ่ในเมืองโฟลตติ้งทั้งหมดนั้นคล้ายคลึงกับตระกูลเดลแมน หากเทียบพลังของตระกูลนักเวทย์กับองค์กรนักเวทย์ก็น่าจะได้ราว ๆ องค์กรขนาดเล็ก
“ทุกคน พวกเราต่างจากองค์กรนักเวทย์ พลังของเราอ่อนแอเกินไป เมื่อไม่กี่เดือนก่อนดินแดนมนต์ดำ, หอคอยอเวจี, เมืองแห่งอัคคีและแคว้นแห่งธุลีได้ร่วมมือกันต่อต้านออสมูและนักเวทย์ระดับเจ็ดถูกสังหาร อย่างไรก็ตาม เราไม่ใช่องค์กรของนักเวทย์และในครั้งนี้ออสมูส่งนักเวทย์ระดับสามมาเพียงตัวเดียวแต่ดูเหมือนว่าเรากำลังเตรียมการสำหรับศัตรูที่ยิ่งใหญ่และเรายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราจะสามารถชนะในรอบนี้ได้หรือไม่
ดังนั้น พวกเราตระกูลเดลแมนจะคอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น!"
หลังจากที่พ่อมดแมทธิวพูดแล้ว เขาก็มองไปที่นักเวทย์ระดับสามคนอื่นๆ
ผู้ร่ายคาถาระดับสามแต่ละคนมีท่าทางสิ้นหวัง มันเป็นความจริง ความเหลื่อมล้ำระหว่างพวกเขากับออซมูนั้นใหญ่เกินไป ทางดินแดนมนต์ดำและองค์กรนักเวทย์อื่น ๆ ยังคงสามารถเข้าร่วมกองกำลังและต่อสู้กับออสมูได้สองสามรอบแต่ตระกูลนักเวทย์เช่นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของออสมู แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพันธมิตรกันก็ตาม
ดังนั้น พ่อมดแมทธิวจึงได้ตัดสินใจอย่างเหมาะสมและมีเหตุผลมากที่สุด
“พวกเราเห็นด้วยกับแผนของผู้อาวุโส”
พ่อมดแมทธิวพยักหน้า “เอาล่ะ พวกคุณทุกคนควรลงไปเตรียมการเพื่อเรียกสมาชิกทุกคนในตระกูลเดลแมนที่อยู่ในเมืองโฟลตติ้งและให้ทุกคนกลับเข้ามาในตระกูล”
พ่อมดแมทธิวออกคำสั่งอย่างเป็นทางการและเหล่านักเวทย์หันหลังกลับและออกไป พร้อมที่จะเตรียมการเพื่อเรียกสมาชิกในตระกูลทั้งหมดกลับคืนมา
ไม่นานทั้งห้องก็เงียบลง เหลือเพียงพ่อมดแมทธิวเท่านั้น เขายิ้มเล็กน้อยและขมขื่น “ไรท์ ตระกูลนักเวทย์อย่างพวกเราจะรักษาอัจฉริยะที่แท้จริงไว้ได้อย่างไร บางทีคุณควรส่งเชนไปที่เมืองแห่งอัคคีตั้งแต่ต้น แล้วคุณจะไม่ต้องเผชิญวิกฤติเหมือนตอนนี้!”
พ่อมดแมทธิวพึมพำเบา ๆ ขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรูปลักษณ์ที่ไร้อำนาจ โดยส่วนตัวแล้ว เขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับตระกูลไรท์แต่เรื่องปัจจุบันนั้นรุนแรงเกินไป หากเขาไม่ระวังตระกูลอาจถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีกับตระกูลไรท์แต่เขาก็ไม่กล้าระดมพลังของตระกูลเพื่อช่วยพวกเขา
…
เมืองโฟลลติ้งเริ่มคึกคักไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลแต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ สมาชิกทุกคนในตระกูลก็ถูกเรียกคืนกลับไปยังตระกูลของพวกเขาอย่างรวดเร็ว เมืองโฟลตติ้งขนาดใหญ่จึงดูว่างเปล่าและรกร้างภายในไม่กี่อึดใจ
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
เมอร์ลินเดินตามเอเลน่าไปข้างหลังขณะที่พวกเขาเดินไปที่ตระกูลเดลแมน พวกเขาเห็นเมืองโฟลตติ้งกลายเป็นที่รกร้างในพริบตาราวกับว่าผู้คนจำนวนมากกำลังหลบหนีจากบางสิ่งบางอย่าง สิ่งนี้ทำให้เมอร์ลินสงสัยอย่างมาก
*วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!*
ทันใดนั้น อักษรรูนลึกลับก็ปรากฏขึ้นบนมือของเอเลน่า มันเรืองแสงและสั่นเล็กน้อย
สีหน้าของเอเลน่าเปลี่ยนไป “ดูเหมือนว่าจะเป็นคำสั่งของตระกูลในการเรียกสมาชิกทั้งหมดกลับมา เมอร์ลิน อาจมีบางอย่างเกิดขึ้น มาเถอะ รีบไปที่ตระกูลกัน”
หลังจากนั้น เอเลน่าก็เร่งความเร็วของเธอ โดยนำเมอร์ลินขณะที่พวกเขารีบไปที่ตระกูลเดลแมน