ตอนที่ 5 เดินตามหัวใจ!
ตอนที่ 5 เดินตามหัวใจ!
กงหมิงเฟยถามเกี่ยวกับสิ่งที่เขาสนใจสองสามในหมู่บ้านกับลุงจั่ว และเขายังเล่าเรื่องตลกสั้นๆ ในชาติที่แล้วอีกหลายเรื่องทำให้ลุงจั่วหัวเราะออกมาเสียงดัง
ป้าอ้วนทำอาหารได้รวดเร็วมาก หลังจากผ่านไปแค่ 1 ชั่วโมงอาหาร 4 จานและซุป 1 หม้อก็ถูกวางอยู่บนโต๊ะอาหาร
ไก่ตุ๋น หมูผัดกระเทียม ไส้กรอกหมูแบบทำเองย่างถ่าน เห็ดป่าผัดกะหล่ำปลี และซุปไข่สาหร่าย
ไม่มีจานชามอย่างดีเหมือนในเมืองหลวง ทั้งหมดถูกใส่ลงบนจานเซรามิกที่เป็นลวดลายของชาวพื้นบ้านชนบทอย่างแท้จริง
ลวดลายดอกไม้และศิลปะบนจานเซรามิกนั้นสามารถสะท้อนถึงประเพณีและวัฒนธรรมของชาวเหนือได้เป็นอย่างดี
ดวงตาของกงหมิงเฟยเป็นประกายขึ้นมาในทันที ในขณะเดียวกันป้าอ้วนก็เช็ดมือด้วยผ้าสะอาด ก่อนที่จะหยิบชามข้าวใบใหญ่ตักข้าวจนล้นและส่งให้กับเขาด้วยรอยยิ้ม: "ลูกเอ๊ยย! อย่ามัวแต่มองอยู่อย่างนั้นรีบๆกินซะสิ!"
กงหมิงเฟยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ลุงจั่วที่นั่งอยู่ข้างๆยิ้มและพูดกับเขา: "เอ้า! อย่าช้ารีบกินซะสิไอ้หนุ่ม!"
หลังจากนั้นลุงจั่วก็หยิบไหสุราขนาดเล็กที่มีสุราอยู่ในนั้นเขย่าไปมาพร้อมกับยิ้ม: "แต่ก่อนอื่นเพื่อเป็นกระษัยยาเราก็มาดื่มกันก่อนสักเล็กน้อย จะได้ช่วยเจริญอาหาร ฮ่าฮ่า!"
กงหมิงเฟยรีบโบกมือปฏิเสธในทันที: "ไม่ลุงจั่ว! ผมดื่มไม่ได้จริงๆ แล้วอีกอย่างตอนบ่ายผมต้องรีบเดินทางด้วย!"
เมื่อลุงจั่วได้ยินเขาก็รู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อย ท่าทางของเขาเหมือนกับเด็กที่โดนขัดใจ: "เอ็งจะรีบไปไหน! อยู่ที่นี่ต่ออีกสัก 2-3 วันสิ!"
กงหมิงเฟยรู้สึกผิดเล็กน้อย คนในมณฑลซานตงมีชื่อเสียงในด้านการต้อนรับแขกด้วยน้ำใจที่ดี และพวกเขาจะกระตือรือร้นมากสำหรับคนที่พวกเขาถูกชะตา ไม่เพียงแต่ลุงและป้าจะทำอาหารดีๆให้เขาทานเพียงเท่านั้นแต่ยังชวนเขาพักค้างคืนอีกด้วย
เคยมีเรื่องเล่าอยู่ว่าชายชราชาวชนบทแห่งมณฑลซานตงคนหนึ่งได้เคยช่วยคนเร่ร่อนเอาไว้ด้วยการให้อาหารและที่พัก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รับชายหนุ่มเร่ร่อนคนนั้นเป็นบุตรบุญธรรมและยกบ้านพร้อมที่ดินทำกินทั้งหมดให้กับชายเร่ร่อนคนนั้น เนื่องด้วยว่าตัวเขาอยู่ตัวคนเดียวและรู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มเร่ร่อนมาก
ส่วนชายหนุ่มเร่ร่อนก็เป็นคนที่ดีมากเขาเปลี่ยนนามสกุลมาใช้นามสกุลเดียวกับชายชรา เขาปฏิบัติต่อชายชราราวกับบิดาของเขา เพราะว่าตัวเขาเองก็เป็นเด็กกำพร้า หลังจากนั้นเขาก็ตบแต่งกับภรรยาและมีบุตรหลานสืบสกุลให้กับชายชราต่อไปในมณฑลซานตง
นี่คือเรื่องเล่าจากเรื่องจริงซึ่งเป็นการกล่าวขานถึงความใจดีของชาวชนบทในมณฑลซานตง!
กงหมิงเฟย ยิ้มและพูดว่า: "ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เร่งรีบเดินทาง แต่นี่ก็เป็นงานที่สำคัญสำหรับผมมากครับลุงจั่ว และอีกอย่างผมก็ไม่อยากจะผิดสัญญากับแฟนๆที่กำลังดูผมผ่านการถ่ายทอดสดด้วย!"
หลังจากที่พูดจบเขาก็ยิ้มและเกาหัวของตัวเอง ป้าอ้วนเดินมาหยิกลุงจั่วแล้วหันมาพูดกับกงหมิงเฟยด้วยรอยยิ้ม: "ไอ้หนูไม่ต้องไปสนใจตาแก่คนนี้มากนักหรอกลูกเอ๊ย! ตาแก่นี่ก็แค่อยากจะหาคนมาร่วมดื่มสุราด้วยกันกับเขาก็เท่านั้นเอง!"
ลุงจั่วแอบสกิดป้าอ้วนพร้อมกับชี้มือไปที่โทรศัพท์ของกงหมิงเฟย เพื่อเป็นการบอกใบ้ว่าในตอนนี้มีคนนับหมื่นกำลังดูอยู่ช่วยไว้หน้าฉันหน่อยได้ไหม!
ป้าอ้วนก็มีปฏิกิริยาตอบรับเช่นกัน น้ำเสียงที่ดุสามีของเธอนั้นก็เบาลงมาก
จ๊อกก~~
ท้องของ กงหมิงเฟย ดังขึ้นด้วยความหิว ลุงจั่วกับป้าอ้วนหันมองไปที่ท้องของกงหมิงเฟยอย่างพร้อมเพียงกันเนื่องจากเสียงท้องร้องนั้นดังมากจริงๆ กงหมิงเฟยเกาหัวตัวเองด้วยความเขินอาย "เอ่อ...ผมขอโทษด้วยครับ พอดีกลิ่นอาหารที่ป้าทำมันหอมมาก ท้องของผมมันก็เลยเสียมารยาทไป…แหะๆ..."
เสียงหัวเราะและท่าทางที่เขินอายขณะเกาหัวของกงหมิงเฟย ทำให้ลุงจั่วหัวเราะออกมาเสียงดัง ป้าอ้วนยิ้มแล้วคีบน่องไก่ตุ๋นชิ้นใหญ่วางใส่ในชามของกงหมิงเฟยและคะยั้นคะยอให้เขาเริ่มลงมือทานอาหาร
"ขอบคุณครับป้า!" กงหมิงเฟยกล่าวคำขอบคุณ นัยน์ตาของเขาชื้นเล็กน้อยเนื่องจากคิดถึงแม่ของเขาในชาติที่แล้ว เขารีบก้มหน้าลงทานอาหารในชามเพื่อปกปิดหยาดน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมา
ชามข้าวของกงหมิงเฟยใหญ่กว่าปกติทั่วไปเกือบสามเท่า ป้าอ้วนยิ้มให้กับเขาแล้วพูดออกมาอย่างใจดี: "กินให้เยอะๆนะลูก! หากไม่อิ่มก็ตักเพิ่มได้ตลอดเวลา!"
"ขอบคุณครับป้า!" ทุกคนเริ่มทานอาหารด้วยกันด้วยรอยยิ้ม ลุงจั่วเองก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ดื่มสุรา
อาจจะเป็นเพราะว่าลุงและป้าอยู่กันเพียงแค่สองคน พวกเขาจึงรู้สึกค่อนข้างที่จะเหงา เมื่อมีกงหมิงเฟยมาร่วมทานอาหารกับพวกเขาด้วย รสชาติอาหารในวันนี้จึงดีขึ้นเป็นพิเศษและลุงกับป้ายังหัวเราะและยิ้มออกมาตลอดเวลาในขณะที่ทานอาหาร
ถึงแม้ว่าอาหารแต่ละอย่างจะเป็นอาหารพื้นบ้านประจำถิ่น แต่กลิ่นหอมและสีสันก็ดูยั่วยวนใจน่าทานเป็นอย่างมาก
โทรศัพท์มือถือของ กงหมิงเฟย เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนที่อยู่ในระดับกลางค่อนข้างต่ำและกล้องก็ไม่ใช่ระบบเอชดีที่ชัดมากมากนัก แต่การทานอาหารแต่ละคำของกงหมิงเฟยสามารถกระตุ้นความอยากอาหารของกลุ่มแฟนคลับที่กำลังดูการถ่ายทอดสดได้เป็นอย่างมาก
กงหมิงเฟย กัดใส้กรอกหมูย่างและปากของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำมัน ด้วยความอร่อยเขาเกือบจะกลืนลิ้นของตัวเองลงไปด้วย
ส่วนเนื้อไก่ตุ๋นนั้นก็เป็นเนื้อไก่บ้านที่แน่นและอร่อยมากมันต่างจากเนื้อไก่ในเมืองโดยสิ้นเชิง!
กงหมิงเฟยแทบจะลืมคายกระดูกทิ้ง! มันเป็นความสุขที่ได้ทานอาหารอร่อยๆ
ป้าอ้วนมองไปที่จานอาหารของกงหมิงเฟยด้วยความพึงพอใจ นี่เป็นการยืนยันว่าทักษะการทำอาหารของเธอนั้นยังคงยอดเยี่ยมและฝีมือยังไม่ตก!
ลุงจั่วก็หัวเราะเช่นกัน เขาหยิบปีกไก่ขึ้นมากัดหลังจากนั้นก็กระดกสุราลงคออึกใหญ่ ราวกับจอมยุทธ์ผู้ห้าวหาญในภาพยนตร์สมัยโบราณ
กงหมิงเฟยกินข้าวหมดชามภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที ป้าอ้วนเอื้อมมือออกไปจะเติมข้าวให้กับเขา แต่กงหมิงเฟยรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว "ไม่เป็นไรครับคุณป้าเดี๋ยวผมทำเอง!"
พูดจบเขาก็หยิบชามข้าวพร้อมกับตักข้าวใส่จนเต็มชาม!
เนื่องจากกงหมิงเฟยได้รับการเสริมสมรรถภาพทางร่างกาย ความอยากอาหารเขาจึงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ไม่เพียงแต่ระบบจะเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายภายนอกให้เขาเท่านั้นแต่ยังเพิ่มสมรรถภาพอวัยวะภายในให้แก่เขาด้วย
อาจเรียกได้ว่าอาหารที่เขาทานไปนั้นสามารถย่อยสลายและดูดซึมเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ในทันที และสิ่งเหล่านี้จะไม่ทำให้ตัวของเขานั้นอ้วนได้ เนื่องจากพลังงานทั้งหมดจะถูกนำไปย่อยสลายและใช้มันในการเปลี่ยนเป็นพลังงานทั้งหมดในร่างกายของเขา ฉะนั้นความจุในการทานอาหารของเขาจึงมากกว่าคนที่มีอายุในระดับเดียวกันถึงสามเท่า
กงหมิงเฟยจึงสามารถกวาดอาหารที่อยู่บนโต๊ะไปเกือบครึ่งในทันที นี่ยังอยู่ในระดับขอบเขตความเกรงใจของเขาด้วย เนื่องจากเขายังคงกังวลว่าลุงกับป้าจะไม่พอทาน ไม่เช่นนั้นเขาคงจะสามารถกวาดอาหารทุกจานบนโต๊ะจนเกลี้ยงเกลาได้อย่างแน่นอน
เมื่อทานอาหารเสร็จและนั่งพูดคุยเล่นกันอยู่ครู่หนึ่ง กงหมิงเฟยก็ถามถึงที่ตั้งของร้านค้าในหมู่บ้าน ก่อนที่เขาจะเดินทางต่อไปเขาจะต้องซื้อสิ่งของเพิ่มเติม เพราะว่าเขาไม่แน่ใจว่าครั้งต่อไปที่จะเจอหมู่บ้านมันจะอีกนานมากน้อยเพียงใด?
ในขณะที่ได้พูดคุยกันลุงจั่วและป้าอ้วนก็ถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของกงหมิงเฟยมากมายหลายคำถาม!
"ไอ้หนุ่มเอ็งแต่งงานแล้วหรือยัง?"
"ไอ้หนูแล้วงานดาราของเอ็ง ได้เงินเดือนประมาณเท่าไร?"
"มีกองทุนประกัน 5 กองทุนและกองทุนที่อยู่อาศัยด้วยหรือไม่?"
"ญาติพี่น้องและพ่อแม่อยู่อาศัยที่เมืองหยานเฉิงเช่นนั้นเหรอ?"
เมื่อกงหมิงเฟย ถูกถามคำถามเหล่านี้ เขาก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบคำถามทุกคำถามอย่างจริงจัง จนกระทั่งป้าอ้วนต้องการแนะนำหญิงสาวให้กับเขา แต่กงหมิงเฟยก็ปฏิเสธกลับไปอย่างสุภาพ
ลุงและป้ารู้สึกพึงพอใจกับรูปร่างหน้าตาและนิสัยใจคอของกงหมิงเฟยเป็นอย่างมาก ทั้งคู่พยายามชักชวนให้เขาพักอยู่ต่ออีก 2-3 วัน แต่กงหมิงเฟยก็ยังคงปฏิเสธอยู่เช่นเดิม
หลังจากนั้นลุงและป้าก็ไม่ได้บังคับเขาอีกต่อไป เพราะสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็รู้ดีว่ากงหมิงเฟยกำลังทำงานที่สำคัญอยู่
ลุงจั่วและป้าอ้วนยืนส่ง กงหมิงเฟย อยู่ที่หน้าประตูบ้านของพวกเขา
ชายหนุ่มผอมสูงที่มีรอยยิ้มหันมาโบกมือจากระยะไกลหลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและดึงรถเข็นของเขามุ่งหน้าไปทางร้านค้าของหมู่บ้าน
"เฮ้อ~~ ไอ้หนุ่มคนนี้เป็นดีนะ โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาของมัน ทั้งสูงและหล่อเหลา น่าเสียดายจริงๆ ที่ลูกสาวของเราไปทำงานอยู่ในเมืองปักกิ่ง ไม่เช่นนั้นพวกเราอาจจะได้ไอ้หนุ่มคนนี้มาเป็นลูกเขยก็เป็นได้!"
ลุงจั่วผ่อนลมหายใจยาวออกมา ป้าอ้วนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่จะหันไปถามสามีของแก: "นี่ตาเฒ่า! แล้วทำไมอาเฟยเขาถึงไม่นั่งรถไปที่เหิงเตี้ยนเสียเลยล่ะ เขาจะเดินเท้าให้มันลำบากลำบนไปทำไม?"
ลุงจั่วเงยหน้ามองฟ้าในมุม 45 องศา แล้วแสร้งทำเป็นกล่าวอย่างลึกซึ้งว่า: "ผู้หญิงอย่างพวกเธอคงจะไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความมุ่งมั่นของชายชาตรีได้หรอกแม่อีหนู~~ ฮึๆๆ!"
หลังจากนั้นลุงและป้าก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่พวกเขาก็เห็น เงินจำนวน 40 หยวนวางอยู่ใต้แก้วน้ำ
ในร้านค้ากงหมิงเฟย ซื้อข้าวถุงเล็กๆ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เขายังซื้อเนื้อ ตีนเป็ด ตีนไก่ พริกดอง บรรจุกระป๋อง ฯลฯ เป็นจำนวนมาก และซื้อไส้กรอกกล่องใหญ่ ด้วยของเหล่านี้ หากว่าเขากินอย่างประหยัดเขาจะสามารถกินได้นานกว่าหนึ่งสัปดาห์
ในยามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน บนถนนคอนกรีตที่ทั้งสองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยร่มเงาของต้นไม้ต้นใหญ่ ชายหนุ่มร่างสูงกำลังลากรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งของมุ่งหน้าเดินตรงไปยังทิศทางที่พระอาทิตย์ตก ด้านหลังของเขาจึงฉายแสงเป็นรูปเงาของชายคนหนึ่งที่กำลังลากรถเข็นขนาดใหญ่ไปบนทางเดิน
โทรศัพท์มือถือของเขาถูกจัดวางตำแหน่งไว้บนไม้เซลฟี่ที่ถูกล็อคเอาไว้บนรถเข็น และกลุ่มแฟนๆ ที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ก็สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งหมดตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
[ขอบคุณเหลากง ที่กำลังเดินทางและทำให้พวกเราได้สัมผัสกับภาพแห่งธรรมชาติที่สวยงามเช่นนี้!]
[น่าอิจฉาหมิงเฟยจัง~~ ตอนนี้ฉันยังนั่งเคลียร์งานเอกสารอยู่ในออฟฟิศอยู่เลย]
[ฉันตัดสินใจแล้ว! วันหยุดสัปดาห์หน้าที่จะมาถึง ฉันจะไปปีนภูเขาตกปลาและกางเต็นท์นอนกับเพื่อนอีกสองสามคน]
บนหน้าจอยังคงมีข้อความส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่โดยส่วนมากแล้วเป็นข้อความการชื่นชมวิวทิวทัศน์และสาระสำคัญของข้อความเหล่านั้นก็มีน้อยมาก
แฟนคลับที่เป็นผู้หญิงจำนวนมากต่างยังคงรู้สึกสนใจคำกล่าวที่ว่า "ผมได้สัญญากับคนคนหนึ่งเอาไว้" คำพูดประโยคนี้ของกงหมิงเฟยมันเหมือนกับว่ามีเล็บแมวที่กำลังข่วนหัวใจของพวกเธอ ทำให้พวกเธอรู้สึกคัน จนไม่สามารถละความอยากรู้อยากเห็นกันได้อีกต่อไป
หลังจากนั้นก็มีคลื่นกระแสของข้อความคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีการจัดการและไม่มีข้อห้ามพิเศษใดๆในแพลตฟอร์มการถ่ายทอดสดเกี่ยวกับคำถาม ดังนั้นเมื่อกงหมิงเฟยยังไม่ตอบข้อสงสัยของพวกเธอ พวกเธอก็ยังจะคงถามกันอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะได้รับคำตอบ!
"เฮ้อ~~ " กงหมิงเฟยถอนหายใจยาวออกมา และส่ายหัวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว: "ในเมื่อพวกคุณทุกคนต้องการรู้ ผมก็จะบอกพวกคุณผ่านบทเพลงก็แล้วกัน!"
ข้อความบนโทรศัพท์ในแพลตฟอร์มการถ่ายทอดสดหยุดชะงักลงในทันที เพื่อรอฟังคำตอบผ่านเสียงเพลงของกงหมิงเฟย
ท่ามกลางแสงสีแดงของพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น เสียงฮัมเพลงของกงหมิงเฟยก็ค่อยๆดังขึ้น ในขณะที่เขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
~~♪♪♫~ฮืออ~ฮื้ออ~~ฮึ้มม~♪♪♫~~
~~เมื่อฉันได้รู้ว่าเธอนั้นไปอยู่ในที่แสนไกล~~
~~แต่ไม่ว่าอย่างไรในหัวใจยังคงมีเธอ~~
~~ต่อให้เส้นทางจะยาวไกลมากถึงหมื่นไมล์~~
~~แต่ตามเสียงเรียกของหัวใจ ฉันก็จะมุ่งมั่นมุ่งหน้าไปเพื่อหาเธอ~~
~~ตามหัวใจไป ถึงแม้จะไกลแสนไกล มันก็เป็นแค่เพียงระยะทาง~~
~~แม้จะเนิ่นนาน แต่วันที่ได้ให้สัญญาก็จะมาถึง~~
~~ทุกค่ำคืนแห่งความฝัน อ้อมแขนของฉันนั้นไม่ได้ว่างเปล่า~~
~~จะมีตัวตนของเธออยู่เสมอ ในทุกๆคราว~~
~~แม้ว่าอยู่ท่ามกลางแสงดาว ก็จะมีแต่เธอ~~
~~อย่าร้องไห้เลยนะคนดี~~
~~จะมีวันที่คำสัญญาได้มาถึง~~
~~แม้ว่าระยะทางยังคงแสนไกล แต่ฉันกำลังก้าวเดินไปเพื่อกอดเธอ~~
~~หากระยะทางจะทำให้เราห่างไกลกัน~~
~~แต่สิ่งเหล่านั้นคือบทพิสูจน์แห่งความรัก~~
~~แม้มีคำพูดสิบร้อยพันเป็นคำมั่นคำสัญญา แต่เมื่อไม่กล้าพูดไปก็ไร้ความหมาย~~
~~และเมื่อวันใดที่พวกเราได้ก้าวบรรจบมาพบเจอ ฉันจะตะโกนบอกเธอให้ก้องฟ้า ว่ารักตราบชั่วนิจนิรันดร์~~
ตู้มมมม!
ห้องถ่ายทอดสดทั้งหมดเงียบลงในทันที! พวกเขาได้ยินเพียงแค่เสียงระเบิดที่ดังก้องอยู่ในหัวใจของตัวเองเพียงเท่านั้น!
และในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ได้เคยผ่านประสบการณ์แห่งความรักความมุ่งมั่นเช่นนี้มาแล้ว ที่กำลังร้องไห้น้ำตาหยดไหลรินอาบลงมาบนใบหน้าของพวกเขา
ประสบการณ์ชีวิตในส่วนนี้ของกงหมิงเฟยช่างคล้ายคลึงกับพวกเขาเสียเหลือเกิน!
มันสามารถกระแทกและทุบทะลวงห้องหัวใจของพวกเขาให้ว่างเปล่าลงได้ในทันที!
……..
จบบท