EP 640 สอดแนม!
EP 640 สอดแนม!
By loop
ในช่วงกลางวันเวลาเที่ยงครึ่ง
สำนักงานเลขาธิการ, ดงซูบิน และ หลิงกัง เผชิญหน้ากันด้วยซึ่งบรรยากาศตอนนี้กำลังลุกเป็นไฟ
หลิวกังยิ้มอยู่ตลอดเวลาที่บันทึกข้อมูลลงไป "เลขาซูบิน สิ่งที่คุณพูดไม่ถูกต้องใช่ไหม เราใช้อำนาจของเราในทางที่ผิดในการทำร้ายประชาชนได้อย่างงั้นหรอ? ด้วยคำพูดของคุณ ฉันสามารถฟ้องคุณได้ เรื่องหมิ่นประมาท ฉันเป็นนักข่าว และเราก็มีวินัย ตั้งแต่คุณมาที่เขตหนานฉาง ก็มีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายผู้คนมากมาย เรายังรายงานข้อเท็จจริงตามข้อเท็จจริง บันทึกข้อเท็จจริงและให้ประชาชนรู้ ฉัน ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูด , คุณยอมรับสินะว่าคุณทำร้ายประชาชนและไม่กลัวกฏหมายเลย ใช่มั้ย ?”
ดงซูบินยิ้มอย่างโกรธเคือง “ฉันยอมรับว่าฉันทำร้ายคนพวกนั้น ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม?”
“เข้าใจแล้ว สรุปว่าคุณยอมรับสินะ?” หลิวกัง กล่าว
“เข้าใจก็ดีแล้ว ฉันชื่นชมจริงๆคุณนี้หัวไวจริงๆ!”
“ขอบคุณ ฉันจะถือว่าเป็นคำชม เราจะรายงานเรื่องนี้ต่อในหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันพรุ่งนี้ หนังสือพิมพ์ของเรามีหน้าที่ต้องแสวงหาความยุติธรรมเพื่อประชาชน” หลิวกังเป็นคนจริงจัง สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดคือเอาความหมายออกจากบริบทที่เขาเห็นและจะเป็นคนบอกว่าเรื่องนั้นมีมูลหรือไม่ ต่อให้ดงซูบินจะไม่พูดอะไรก็ตาม แต่เพราะหลิวกังกุมพลังของสื่อไว้ เขาจะเขียนอะไรออกมาก็ได้ ต่อให้ผ่านบรรณาธิการสุดท้ายหลิวกังก็จะเป็นคนตัดสินใจเอง ต่อให้ดงซูบินจะพูดยังไงก็ตามสุดท้ายสำนักข่าวก็ยังมีความหน้าเชื่อถือในสายตาประชาชน
สรุปแล้วนี้คือการเปิดศึกอย่างเป็นทางการ?
หลิวกังบันถึงถ้อยคำแบบผิดๆซึ่งถ้าคนที่เขามีปัญหาด้วยเป็นของนายกเทศมนตรีโยฮวา หลิวกังก็คงไม่กล้าที่จะมาตีข่าวมั่วซั่วเช่นนี้อย่างแน่นอน
แต่นั้นไม่ใช่สำหรับดงซูบิน? เพราะชายผู้นี้มีปัญหามากมายกับพวกผู้บริหารในมลฑลแห่งนี้ ต่อให้หลิวกังจะตีข่าวเช่นไรออกไปก็จะไม่มีใครคิดจะช่วยดงซูบินอย่างแน่นอน และเพลออาจจะมีเหล่าผู้บริหารสูงบางคนช่วยสนับสนุนหลิวกังเพิ่มอีกด้วยซ้ำ
ดงซูบินมองมาที่เขา “ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วออกไปจากที่นี้ได้แล้ว”
หลิวกังยิ้มและเก็บปากกาพร้อมกับสมุดบันทึกของเขา "เลขาธิการสำนักงานเขตกวางหมิงนี้ดุจริงๆ ฉันเองก็จะเขียนเรื่องนี้ลงไปด้วย ตอนนี้ฉันได้ข้อมูลมากพอแล้วเลขาซูบินพรุ่งนี้เจอกันที่หนังสือพิมพ์"
ดงซูบิน กล่าว : "หลิวกัง มีเรื่องสุดท้ายที่ผมต้องบอกคุณ คุณจงจำชื่อชายที่ชื่อดงซูบินคนนี้เอาไว้ เมื่อคุณขุดคุ้ยมากยิ่งขึ้นสิ่งต่างๆก็จะชัดเจนขึ้น หากคุณมีหลักฐานจริงในมือของคุณ ผมเองจะไม่โต้แย้งอะไรเลยแต่ถ้านี้เป็นการใส่ร้าย ฉันเองจะไม่ปล่อยให้คุณได้มีชีวิตอันสงบสุขอีกต่อ ต้องขอโทษด้วยที่จะต้องบอกว่าดงซูบินคนนี้ ไม่ใช่ไก่อ่อนที่ใครก็จะมารังแกได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณและลูกพี่ลูกน้องของคุณผังตาปิง ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่ยังไม่รู้ แต่อีกสักพักในอนาคตคุณก็จะได้รู้ว่าคุณกำลังเล่นอยู่กับอะไร"
“คุณขู่ฉันเหรอ?” หลิวกังดูจะไม่กลัวสิ่งที่ดงซูบินพูดออกมาเลย“”โอเค พรุ่งนี้เรื่องของคุณจะโด่งดังไปทั่วหนังสือพิมพ์ เลขาธิการซูบิน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือในการสัมภาษณ์ของฉัน ฉันจะเขียนข่าวพรุ่งนี้“”
ดงซูบิน ยิ้ม" ฉันหวังว่าคุณยังมีโอกาสเขียนมัน "
" ลาก่อน “หลิวกังรีบออกจากสำนักงานของดงซูบินทันที หลังจาก
ออกจากสำนักงานเขตแล้ว หลิวกัง มองย้อนกลับไปที่อาคารสำนักงานด้วยสายตาที่ดูถูก่อนจะเดินไปข้างถนนไม่ไกลจากจุดนั้นมากนักและขึ้นรถ เขามาหาดงซูบิน วันนี้ฉันแค่อยากจะทำข่าวตามคำพูดของดงซูบิน จุดประสงค์หลักคือทำให้ดงซูบินโกรธและต้องการหักหน้าดงซูบินด้วย อีกทั้งดงซูบินนั้นเป็นพวกอารมณ์ร้อนและดูไม่กลัวกฏหมายเลยทั้งๆที่เขาพึงทำร้ายร่างกายคนอื่นมา หลิวกังไม่จำเป็นต้องร่างรายงาน ข้อเท็จจริงนี้และจะทำให้ข่าวนี้ขึ้นหน้าหนึ่งพรุ่งนี้ เลขาธิการซูบินทำร้ายผู้อื่น และไร้มารยาทกับนักข่าว ถ้าข่าวนี้ออกไปจริงๆดงซูบินคงจะไม่สามารถยืนอยู่ที่มณฑลนี้ได้อีกต่อไป แต่ถึงอย่างงั้นมันก็น่าเสียดายที่ดงซูบินไม่ได้แสดงความฉุนเฉียวออกมาต่อหน้าหลิวกัง เลยทำให้หลิวกังรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ข่าวเด็ดๆ
เสียงกริ่งดังขึ้นและโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลิวกัง ตอบทันทีว่า "สวัสดีครับ ลูกพี่"
ผังตาปิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งพูดว่า: "เป็นอย่างไรบ้าง" "
“ฉันเพิ่งสัมภาษณ์ดงซูบินและได้ข้อมูลหลายอย่างมากพอที่จะเขียนฉบับใหม่พรุ่งนี้”
“เรื่องการทำร้ายร่างกายของดงซูบิน ยังคงเป็นเรื่องเท็จอยู่บ้าง เพราะครอบครัวของเหยื่อบอกว่าลูกของพวกเขากระดูกหักเพราะโดนทำร้าย แต่ยังไม่มีโรงพยาบาลใดที่จะพิสูจน์ดังนั้นถ้าคุณ สามารถรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมได้และสามารถใช่มันดิสเครดิตดงซูบินได้ จะดีที่สุด โอเค ทำงานให้หนักขึ้นสิ อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาเหลืออีก 1 วัน หากไม่มีอะไรเพิ่มเติมก็ให้เอาข่าววันนี้ออกไปเผยแพร่ก่อนได้เลย”
หลิวกังยิ้ม : " แต่ดูเหมือนเขาจะไม่กลัวอะไรเลย “
ผังตาปิงพยักหน้า“ก็เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลย ตราบใดที่เขาเป็นคนทำสิ่งต่าง ๆ อย่างน้อยเขาก็ต้องกลัวว่าปัญหาพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง และถ้าเรื่องถูกขุดคุ้ยและขยายเป็นวงกว้างวันนั้นแหละที่เขาจะต้องแสดงความกลัวออกมา”
“ผมเข้าใจเรื่องนี้แล้ว” “
“คุณทำข่าวนี้ได้เต็มทีเลยนะ” "
... "รับทราบ "
อันที่จริงหลังจากการสืบสวนติดตามผลเป็นเวลานานหลิวกังพบว่าดงซูบินดูเหมือนจะเป็นพวกที่โหดร้าย แต่ในความเป็นจริง ๆ แล้วเขามีเหตุผลมาก เพราะทุกครั้งที่เขาจะมีเรื่องก็เป็นเพราะอีกฝ่ายหาเรื่องเขาก่อน แต่ หลิวกัง ไม่สนใจเรื่องนั้น เนื่องจากเขาต้องการตีข่าวนี้ให้เป็นทางลบแต่แลกอยู่แล้ว และคิดว่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้กับดงซูบิน เมื่อหลิวกังวางโทรศัพท์เขา ขึ้นรถและจุดบุหรี่ซึ่งสบายมาก
ในสำนักงาน
ดงซูบินที่โกรธจัดเขาจัดคอเสื้อของเขาในกระจก เขาจะไม่ปล่อยคนร้ายอย่างหลิวกังไปง่ายๆแน่ๆ ตอนนี้ในความคิดของเขาก่อนหน้านี้คือเพียงต้องการสั่งสอนหลิวกัง และ สำนักข่าวหนากิง แต่สำหรับตอนนี้เขาได้เปลี่ยนใจแล้ว, เขาคิดว่าเขาต้องการทำอะไรสักอย่างที่มากกว่านั้นซึ่งจะทำให้หลิวกังไม่สามารถกลับมาเป็นนักข่าวหรือใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปได้อีก
เรื่องนี้มันชัดเจนอยู่แล้วว่าหลิวกังต้องการกลั่นแกล้งฉัน?
อีกทั้งยังกล้ามาโวยวายต่อหน้าฉันอีก?
สงสัยเรื่องนี้คงจะจบไม่สวยแน่ๆ! พวกแกไม่รู้จริงๆหรอ ว่าดงซูบินผู้นี้เป็นใคร!?
ศัตรูที่ดงซูบินเคยได้เผชิญมาก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จุดจบของคนพวกนั้นมักจะไม่สวยนัก ดงซูบินเองเป็นคนเลือดร้อนและถ้าเขายิ่งโกรธมากเท่าไร เขาก็ยิ่งจะกล้าทำสิ่งที่คนธรรมดาคิดไม่ถึงมากเท่านั้น แน่นอนว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยกลัวใครเลย
จะไม่มีการเจรจาอีกต่อไป มีแต่ตาต่อตาฟันต่าฟัน
ทันใดนั้น ประตูสำนักงานก็เปิดออก และโจวหยินหยูก็เดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว" ท่านเลขา สำนักข่าวหนานกิง ผู้คนจากหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าอยู่ที่นี่เหรอ?"
ดงซูบินยิ้มแล้วพูดว่า" นักข่าวคนนั้นพยายามเขียนข่าวที่มีแต่เรื่องเท็จทั้งนั้น แถมยังบอกฉันว่าจะเอาเรื่องเท็จเหล่านี้ไปลงข่าว มันจะบ้าบอมากเกิดนไปแล้ว"
น้ำเสียงของโจวหยินหยูก็สะท้อนถึงความรำคาญออกมาเช่นกัน "นักข่าวพวกนี้ไม่รู้ว่ากำลังทำผิดกฎหมายอยู่หรือยังไงกัน! เลขาซูบินเราควรแจ้งไปที่สำนักงานประชาสัมพันธ์มณฑลหรือเปล่า?”
ดงซูบิน ยิ้มเบา ๆก่อนจะประสานมือของเขาไว้บนโต๊ะ“ไม่เป็นไรพี่ใหญ่โจวกลับไปทำงานของพี่เถอะ ส่วนเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ดูสิว่าคนพวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ถ้าพรุ่งนี้พวกเขากล้าเขียนข่าวปลอมก็ต้องชื่นชมความกล้าของคนพวกนั้นและก็ควรได้รับผลตอบแทนที่สาสมด้วย”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ โจวหยินหยูก็ดูมั่นใจมากขึ้น เธอชื่นชมในประเด็นของดงซูบิน ต่อให้ดงซูบินนั้นอายุยังไม่มาก แต่เขาก็สามารถเอาชีวิตรอดจากสิ่งต่างๆ ได้ ซึ่งแตกต่างจากเลขาธิการคนเก่า คนๆนั้นเอาแต่กลัวปัญหา เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นเลขาธิการคนเก่าก็คงจะขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าที่ไม่ดีออกมาแน่ๆ อีกทั้งเขาคงไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากการแกล้งป่วยกับขอลาเพื่อหนีแญหา แต่นั้นไม่ใช่สำหรับเลขาซูบิน ? เขาไม่ได้แสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาเลย และทุกครั้งที่เขาเจอปัญหา เขาก็จะแสดงใบหน้าที่สดชื่น และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหานั้น ตามคาด เขาเป็นหนามกองใหญ่ที่สุดในหนานฉางความคิดของดงซูบินนั้นแตกต่างไปจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ! โจวหยินหยูเล่าเรื่องเหล่านี้ให้กับคนอื่นในสำนักงานฟัง และดงซูบินคงจะเป็นหัวหน้าคนเดียวของเธอที่มีนิสัยเช่นนี้ ต้องแต่เธอทำงานมาตลอดชีวิต
ดงซูบินรับของและลงไปชั้นล่าง ขับรถคาเยนและออกจากบริเวณถนน และขับรถไปยังที่อยู่ของบ้านหลิวกังที่ เสี่ยวหยางให้ไว้ ดูเหมือนว่าเขาต้องการไปทำอะไรบางอย่างที่นั้น
ฉันจะใช่วิธีอะไรจัดการกับแกดี? วิธีนี้จะเหมาะสมไหม?
หรือว่าวิธีนี้ดี? มันง่ายเกินไป!
หรือว่าวิธีนี้? มันยังไม่เหมาะสม!
แน่นอนว่าในความคิดของดงซูบินเขาต้องการจัดการทั้งหลิวกังและผังตาปิงในเวลาเดียวกัน เขาไม่พอใจคนทั้งสองและต้องการหาวิธีในการแก้แค้นการกระทำครั้งนี้ของคนทั้งคู่ แต่เมื่อดงซูบินคิดดูแล้วการทรมานน่าจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมมากกว่า
ขณะขับรถดงซูบินก็ขมวดคิ้วและตะโกนขึ้นมาทันที มันผ่านมานานแล้วที่เขาไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา หลังจากที่เขาออกมาจากสำนักความมั่นคงของชาติและความมั่นคงสาธารณะ เขาเองค่อนข้างระวังตัวและมักจะสังเกตทุกสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนเขามองไปที่กระจกหลัง เขาจำได้ว่ามีรถคันหนึ่งขับตามเขามาตั้งแต่สามแยกแล้ว มันเป็นรถของใครกัน และเขาต้องการอะไร?
นี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจ?
ดงซูบิน พยายามตีพวงมาลัย หันข้าง และเลี้ยวเข้าทางแยกด้านข้าง
หนึ่งนาที...”
สองนาที … ”
สามนาที … ”
ดูเหมือนจะไม่เห็นรถคันนั้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านไปสักพักเขาก็เห็นรถคันนั้นอีกครั้ง โดยรถคันนั้นต่อท้ายรถอีกคันเพื่อพยายามหลบสายตาของดงซูบินแต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของดงซูบินไปได้
นั้นก็ยืนยันได้แล้วว่ามีคนพยายามตามสอดแนมเขาอยู่อย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างงั้นทักษะในการสอดแนมของรถคันนั้นถือว่าก็อยู่ในระดับดีอยู่
ดูเหมือนจะมีแต่เรื่องแปลกๆเกิดขึ้นทุกปีและมันก็เริ่มมีมากขึ้นไปเรื่อยๆ! ดงซูบิน ยึดพวงมาลัยไว้แน่นหันไปข้างหน้าอีกครั้งและเหลือบมองที่ป้ายทะเบียนของรถคันนั้นจากแผ่นสะท้อนแสงขณะเลี้ยว หืม มันคุ้นๆ ดงซูบิน เขาขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าเขาเคยเห็นป้ายทะเบียนของจังหวัดไป๋เหอมาก่อน ทันใดนั้นเขาก็จำอะไรบางอย่างได้ และรีบพิมพ์กระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งบันทึกข้อมูล เสี่ยวหยาง บอกเขาเกี่ยวกับเหลิงกังซึ่ง มีเลขทะเบียนรถด้วย
มันคือรถของหลิวกัง!
ถึงมองไม่เห็นหน้าคนขับ แต่ป้ายทะเบียนเป็นของหลิวกัง!
นี่ยังตามฉันอยู่หรือเปล่า? กล้าดียังไงมาสอดแนมฉัน?
นี้มันจะมากเกินไปหน่อยไหม ดงซูบินนั้นไม่ได้ทำผิดกฏหมายอะไรร้ายแรงถึงขั้นจะต้องติดตามสอดแนมกันขนาดนี้เลยหรือยังไง? ในตอนแรกดงซูบินคิดว่าเขาจะเดินทางไปที่อยู่ของหลิวกังแต่เขาเปลี่ยนแผน เขาเปลี่ยนแผนไปแวะที่ร้านช๊อปปิ้ง และคิดว่าถ้ามีใครบางคนพยายามจะนำปัญหามาให้เขาจริงๆ แสดงว่าเขาก็ไม่ควรปล่อยคนพวกนั้นไว้นานจริงไหม? เมื่อถึงเวลาไฟเขียนมาดูเหมือนคนที่อยู่ในรถที่ติดตามดงซูบินมากำลังพยายามถ่ายรูป และจดบันทึกเรื่องต่างๆของดงซูบินนั้นร่วมถึงตอนที่ดงซูบิน เดินไปที่ประตูของร้านแฟล็กชิปแบรนด์ต่างประเทศบางแห่ง เขาก็ถ่ายรูปไว้ทั้งหมด แม้ว่า ดงซูบินจะไม่ เข้าไปเถอะ , ถ้ามุมของภาพมัวๆ ก็เขียนในข่าวได้เลยว่า เลขาธิการของสำนักงานเขตใช้เงินมหาศาลในร้านค้าแบรนด์ต่างประเทศ ผู้นำแบบไหนกันที่จะเขาร้านที่มีของแพงเช่นนี้? เขารับสินบน? อย่างไรก็ตามข่าวพวกนั้นก็เป็นข่าวเชิงใส่ร้ายทั้งสิน! หลิวกังพยายามติดตามพฤติกรรมของดงซูบินอย่างละเอียด! และดูเหมือนหลิวกังจะเขียนบรรยายพฤติกรรมของดงซูบินไปในทางลบทั้งหมด!
นี้มันอะไรกันเนี่ย!
นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!
เขาติดตามฉันทุกช่วงเลย! แต่ยังไงก็ตามฉันสัญญาเลยว่าถ้าแกจัดการฉันไม่ได้! แกนั้นแหละที่จะเป็นโดนจัดการ!
เมื่อดงซูบินกลับขึ้นรถ ดูเหมือนดงซูบินจะไม่ได้โกรธเท่าไรที่โดนติดตามแล้วถอนหายใจ และดงซูบินที่มองกระจกมองหลังก็หัวเราะ!
เอาล่ะ!ถ้าคิดว่าตามได้ก็ตามมา!
ในตอนแรกฉันกังวลว่าจะใช้วิธีไหนในการจัดการกับแกดี! แต่กลับกันตอนนี้แกกลับมาหาฉันและให้ฉันจัดการกับแกง่ายขึ้น! ?
ตอนนี้เป็นโอกาสแล้ว! แกจะไม่มีสิทธิมาทำอย่างงี้กับฉันอีก!
ความคิดชั่วแวบเข้ามาในหัวของดงซูบินในทันที! ! .