WS บทที่ 233 ปณิธาน PART 2
ที่ดินแดนมนต์ดำไม่มีวงแหวนเวทย์ที่ไปยังเมืองโฟลตติ้งโดยตรง ดังนั้นเมอร์ลินกับเอเลน่าจะมาที่วงแหวนเวทย์ที่อยู่ใกล้เมืองมากที่สุดและรีบเดินเท้าไปตามทางที่เหลือ
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลานานกว่าตอนที่เมอร์ลินเดินทางไปที่หอคอยอเวจีพร้อมกับพ่อมดลีโอ ในขณะนั้นพ่อมดลีโอได้พาเมอร์ลินบินมาด้วยกันดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางเร็วมาก
ในขณะที่เมอร์ลินและเอเลน่าไม่ใช่นักเวทย์ระดับที่สี่และไม่สามารถสร้างคาถาที่ช่วยให้บินได้ พวกเขาจึงเดินเท้าไปยังเมืองโฟลตติ้งเท่านั้น
ผ่านไปสองวัน ในที่สุด เมอร์ลินและเอเลน่ามาถึงเมืองโฟลตติ้ง
ตัวเมืองโหรงเหรงเมื่อเทียบกับคราวที่แล้ว บางทีอาจเป็นข่าวรั่วไหลเกี่ยวกับโบราณสถานที่ดึงดูดพ่อมดพเนจรมากมายให้เข้ามาในเมืองและเมื่อเวลาผ่านไป ความสนใจค่อย ๆ ซาลงและเมืองก็กลับมาสเงียบสงบอีกครั้ง
หัวใจของเมอร์ลินสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงโบราณสถาน เขาหันไปถามเอเลน่าว่า "เอเลน่า ครั้งสุดท้ายที่เราเข้าไปในโบราณสถาน หลังจากนั้นเหตุการณ์มันเป้นอย่างไรบ้าง?"
“เหตุการณ์หลังจากนั้น?”
เอเลน่าพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่งและการแสดงออกที่แปลกประหลาดได้โผล่มาบนใบหน้าของเธอ หลังจากนั้น เธอพูดเบา ๆ ว่า “ตอนนี้ฉันคิดว่ามีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นที่นั่น อยู่ๆ ที่แห่งนั้นก็เต็มไปด้วยแมงมุมลายที่น่าสะพรึงกลัว พวกมันพร้อมที่จะสังหารเกล่านักเวทย์ทันทีที่ก้าวไปข้างใน
เนื่องจากสัตว์ประหลาดเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไป นักเวทย์ระดับสามก็ไม่อาจสู้พวกมันได้ดังนั้นจึงไม่มีนักเวทย์กล้าที่จะเข้าไปในโบราณสถานอีกเลย
จนในที่สุด ทางเข้าไปยังโบราณสถานก็ถูกปิดผนึกและไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโบราณสถานเช่นนี้”
หลังจากที่เธอพูดจบ เอเลน่าก็ชำเลืองมองเมอร์ลินอย่างสงสัย
ใบหน้าของเมอร์ลินยังคงสงบและไม่เปิดเผยสิ่งผิดปกติแต่ภายในเขารู้อย่างชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากภูตไฟในโบราณสถาน
ภูตไฟได้พบเมอร์ลินที่สามารถฝึกฝนรูปแบบที่หนึ่งของเพลิงวินาศได้ดังนั้นภูตไฟจึงไม่ต้องการนักเวทย์คนอื่นอีกต่อไปดังนั้นมันจึงควบคุมแมงมุมลายและหุ่นเชิดเพื่อกำจัดเหล่านักเวทย์ที่กล้าเข้ามา ก่อนที่จะทำการปิดผนึกทางเข้า
นี่เป็นข่าวดีสำหรับเมอร์ลิน ไม่มีใครสามารถเข้าไปในโบราณสถานได้ในขณะนี้ ดังนั้นเมื่อเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่แล้ว เขาสามารถเข้าไปในโบราณสถานเพื่อฝึกฝนรูปแบบที่สองของเพลิงวินาศได้
“เราจะไปไหนกันก่อน”
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองโฟลตติ้งแล้ว เอเลน่าก็ชี้นำคำถามที่เมอร์ลิน
เมอร์ลินพึมพำกับตัวเองอย่างไม่ได้ยินและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “เราจะไปแห่งหนึ่งก่อน หากเราไม่พบอะไรเกี่ยวกับรีเซน ฉันคงต้องขอรบกวนตระกูลของเธอแล้วล่ะ!”
ระหว่างทางมาที่นี่ เมอร์ลินได้พูดถึงรีเซินกับเอเลน่าแล้วแต่เขาไม่ได้อธิบายรายละเอียด เพียงบอกว่าเขามาที่เมืองโฟลตติ้งเพื่อตามหารีเซน
หลังจากนั้น เอเลน่าเดินตามหลังเมอร์ลินขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่ที่เมอร์ลินต้องการไป แน่นอนว่ามันเป็นที่อยู่อาศัยของพ่อมดแซมเมียร์ เขาไม่รู้ว่ารีเซนพักอยู่ที่ไหนและรู้จักกับรีเซนที่บ้านของพ่อมดแซมเมียร์เท่านั้น
ดังนั้น ถ้าเขาต้องการทราบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับรีเซน เขาจะต้องถามพ่อมดแซมเมียร์
เมอร์ลินพาเอเลน่าและเดินไปตามมุมถนนสองสามมุม จากนั้นจึงเดินเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ อย่างรวดเร็วและบ้านของพ่อมดแซมเมียร์ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่ได้เข้าไปทันทีแต่หยุดเดินและขมวดคิ้ว
เขาได้ยินเสียยงความวุ่นยวาย มาจากลานบ้าน
…
กลางลานหน้ามีนักเวทย์ที่ไม่คุ้นหน้าสองสามคนนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีแดง เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันชั่วร้าย
“เฮ้ พ่อมดแซมเมียร์ คุณเป็นคนกลุ่มสุดท้ายที่ออกจากโบราณสถาน คุณไม่พบอะไรข้างในเลยหรือ พ่อมดแซมเมียร์ เราแค่ต้องการให้คุณลองนึกดูดี ๆ ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ไม่แน่นะว่าเราสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่คุณรู้อย่างเท่าเทียมได้”
ใบหน้าของพ่อมดแซมมีร์ซีดเผือดเมื่อจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันงั้นหรือ? ทั้งหมดที่ข้าพบคือพวกน้ำยาเท่านั้น ไม่ใช่พลังปีศาจของแพนดอร่าอย่างที้เจ้าต้องการ! ยิ่งกว่านั้น ในโบราณสถาน ไม่มีร่องรอยของพลังปีศาจแพนดอร่าสักนิดเดียว”
ใบหน้าของพ่อมดชุดสีแดงเลือดเย็นและเขาก็ยืนขึ้นทันที เขาพูดกับพ่อมดแซมเมียร์ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า "พ่อมดแซมเมียร์ คิดให้รอบคอบ พลังปีศาจของแพนดอร่าไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเก็บไว้ได้เพียงคนเดียว!"
เมื่อมองไปที่กิริยาที่โอหังของพ่อมดชุดสีแดง ถ้าเขามาคนเดียว พ่อมดแซมเมียร์ก็ไม่กังวลแต่ทว่าเขามาพร้อมกับนักเวทย์ระดับสามอีกสองคนนั่นทำให้พ่อมดแซมเมียร์วิตกกังวล
พ่อมดแซมเมียร์เคยเป็นหนึ่งในนักเวทย์ระดับสามเพียงไม่กี่คนในเมืองโฟลตติ้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากข่าวเกี่ยวกับโบราณสถานได้แพร่กระจายออกไป นักเวทย์ระดับสามจำนวนมากได้รีบเร่งมายังเมืองโฟลตติ้งทีละคน
แต่น่าเสียดายที่มีการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นในโบราณสถาน นอกจากนี้ ยังมีบางคนที่เผยแพร่ข่าวลือว่าในโบราณสถานมีพลังปีศาจแพนดอร่า
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงข่าวลือแต่พ่อมดพเนจรหลายคนก็เชื่ออย่างสนิทใจและสาเหตุที่พ่อมดแซมเมียร์และพ่อมดเบรนโดดนเพ่งเล็งเพราะพวกเขาเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากโบราณสถาน
อย่างไรก็ตาม พ่อมดเบรนได้ออกจากเมืองโฟลตติ้งไปนานแล้ว ดังนั้นพ่อมดเหล่านี้หลายคนจึงหันไปมองพ่อมดแซมเมียร์เพียงผู้เดียว พ่อมดพเนจรกลัวพลังของพ่อมดแซมเมียร์จึงไม่กล้าไปเผชิญหน้าและสักถามเรื่องนี้แต่นักเวทย์ระดับสาม สามคนในปัจจุบันนี้มาจากที่อื่น พวกเขาไม่กลัวพ่อมดแซมเมียร์เลยและได้ไปเผชิญโดยตรงเพื่อสอบถามข้อมูลพลังปีศาจแพนดอร่า
“ข้าไม่เคยได้รับพลังปีศาจแพนดอร่ามาก่อน ฮึ!! ถึงข้าบอกไปพวกเจ้าก็ไม่คิดจะเชื่อข้าสินะ”
พ่อมดแซมเมียร์พ่นลมอย่างเย็นชา ในขณะนั้น โฮมุนครุสของเขาพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มันออกมาปกป้องพ่อมดแซมเมียร์ ขณะที่สายตาของมันจับจ้องไปที่นักเวทย์ทั้งสามที่อยู่ข้างหน้า
“อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้น เราจะมาดูกันว่าคุณมีพลังปีศาจแพนโดร่าจริง ๆ หรือไม่!”
พ่อมดชุดแดงหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขันและนักเวทย์ระดับสามที่อยู่ข้างหลังเขาสองคนก็เดินออกมาทันที พ่อมดแซมเมียร์ถูกล้อมไว้ บรรยากาศก็ตึงเครียดทันที
“พ่อมดแซมเมียร์!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกประตูและพวกเขาก็จ้องไปที่เสียงนั้น
มีนักเวทย์สองคน ชายหนึ่งและหญิงหนึ่ง พวกเขาเดินเข้าไปข้างใน พลังที่อยู่รอบตัวพวกเขาค่อนข้างอ่อนแอแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่กลัวอะไรเลยแถมยังกล้าเผชิญหน้ากับนักเวทย์ระดับสามอีกด้วย
พ่อมดแซมเมียร์จ้องไปที่ทั้งสองคนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและใบหน้าของเขาฉายแววประหลาดใจ เขาตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ
“พ่อมดเมอร์ลิน? ท่านรอดจากโบราณสถานมาจริง ๆ ด้วย เบรนกับข้าคิดว่าท่านกับพ่อมดรีเซนตายไปแล้ว!”
“รีเซน?” ดวงตาของเมอร์ลินหรี่ลงและเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "พ่อมดแซมเมียร์ ฉันกำลังมองหารีเซนอยู่ คุณรู้หรือไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน"
ก่อนที่พ่อมดแซมเมียร์จะตอบได้ นักเวทย์ที่สวมชุดสีแดงกลอกตาและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“นี่แกก็ออกมาจากโบราณสถานด้วยดังนั้นแกรู้เรื่องพลังปีศาจแพนโดร่าด้วยสินะ!”
นักเวทย์เสื้อคลุมสีแดงโบกมือเล็กน้อยและโฮมุนครุสของเขาก็มุ่งตรงไปยังเมอร์ลินทันที
เมอร์ลินไม่หวั่นไหวแต่ข้างๆ เขา สีหน้าของเอเลน่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอสามารถเห็นได้ว่านักเวทย์เหล่านี้ทรงพลัง พวกเขารวมกลุ่มมาที่นี่เพื่อหวังที่จะเอาชนะพ่อมดแซมเมียร์
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อมดพเนจรแต่พลังของนักเวทย์ระดับสามก็ไม่สามารถประมาทได้ดังนั้นเธอจึงตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบว่า
"พวกคุณยังกล้าโจมตีอีกไหม เราคือนักเวทย์จากดินแดนมนต์ดำและพ่อมดเมอร์ลินยังเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการอีกด้วย หากพวกคุณกล้าทำร้ายเรา พวกคุณจะต้องทนทุกข์ทรมานกับการตามล่าจากดินแดนมนต์ดำอย่างไร้ความปรานีทันที”
“สมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดำ?”
พ่อมดชุดสีแดงหรี่ตาของเขาและคลื่นพลังจิตก็กวาดไปทั่วเมอร์ลิน เมื่อเขาเห็นเสื้อคลุมที่เมอร์ลินสวมอยู่ ใบหน้าของพ่อมดชุดแดงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะเขาเห็นสัญลักษณ์ซึ่งเป็นตัวแทนของดินแดนมนต์ดำบนเสื้อคลุมของเมอร์ลิน
สัญลักษณ์นี้ไม่สามารถเลียนแบบได้ เขาเป็นสมาชิกทางการอย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าพ่อมดชุดแดงมีความลังเลอยู่บ้าง พ่อมดพเนจรยังคงกลัวองค์กรนักเวทย์ ไม่มีใครเต็มใจที่จะเผชิญกับการตามล่าจากพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
“ฉันจะถามแกอีกครั้ง แกรู้เรื่องพลังปีศาจแพนดอร่าในโบราณสถานหรือไม่?”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อมดชุดสีแดงก็ดูเหมือนจะตัดสินใจและถามพวกเมอร์ลิน
เมอร์ลินขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้สนใจคำถามของพ่อมดชุดแดง เขาเพียงแต่จ้องมองพ่อมดแซมเมียร์เท่านั้น “พ่อมดแซมเมียร์ ฉันมาตามหารีเซนแล้ว รู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน”
พ่อมดแซมเมียร์ส่ายหัวเบา ๆ และยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากท่านและรีเซ่นหายตัวไปในโบราณสถาน ดูเหมือนว่าเขาจะหายตัวไปโดยไม่มีข่าวคราวใด ๆ ข้ากลับมาที่เมืองโฟลตติ้งนานมากแล้วและไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับรีเซนเลย”
รีเซนเป็นคนที่ระมัดระวังมากจนแม้แต่พ่อมดแซมเมียร์ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
ในขณะที่เขาไม่ได้รู้ว่าพ่อมดรเซนอยู่ที่ไหน เมอร์ลินรู้สึกค่อนข้างสิ้นหวังและใบหน้าของเขาค่อย ๆ มืดมน
อย่างไรก็ตาม พ่อมดชุดแดงที่ตั้งคำถามกับเมอร์ลินกลับรู้สึกหดหู่ใจมากกว่า เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินไม่ได้สังเกตเขา
"แล้วไง ถึงแกจะเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดำ ฉันก็ฆ่าแกและรับพลังปีศาจแกะนโดร่ามาแล้วจากนั้นฉันก็แค่อยู่ให้ห่างจากเขตอำนาจของดินแดนมนต์ดำก็พอ โฮมุนครึสฆ่ามัน!"
รอยยิ้มอันน่ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อมดชุดสีแดง หลังจากนั้นเขาก็สั่งให้โฮมุนครึสโจมตีเมอร์ลิน
เมอร์ลินที่รู้สึกหงุดหงิดที่ไม่ได้รับที่อยู่ของรีเซน เมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อมดชุดสีแดงกล่าว เจตนาฆ่าของเมอร์ลินฉายชัดขึ้นมาทันทีและเขาเงยหน้าขึ้น ในขณะที่เขาจ้องไปที่รอยยิ้มมุ่งร้ายบนใบหน้าของพ่อมดชุดแดงและโฮมุนครึสที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ความเยือกเย็นก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเมอร์ลิน
หลังจากนั้น เขาก็ยกมือขึ้นเล็กน้อยและชี้นิ้วไปทางโฮมุนครุสของพ่อมดชุดแดง