WS บทที่ 231 รีบออกเดินทาง
“คาถาธาตุมืดระดับห้า ลมกรดสังหาร!”
เมอร์ลินหยิบหนังสือคาถาระดับห้าออกมาและอ่านบทนำของคาถานี้อย่างระมัดระวัง
ลมกรดสังหารเป็นคาถาธาตุมืดระดับห้า เมื่อร่ายเวทย์มนต์ ธาตุมืดที่อยู่รอบ ๆ ตัวบุคคลจะกลายเป็นพลังโจมตีที่รุนแรงที่สุด นอกจากภาพลวงตาอันทรงพลังแล้ว คู่ต่อสู้จะตื่นตระหนกและไม่สามารถสกัดกั้นการโจมตีได้
เหตุผลที่เรียกว่าลมกรดสังหารเป็นเพราะตัวคาถานั้นรุนแรงเกินไป ไม่ว่านักวเทย์จะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตจากการโจมตีที่มีพลังเหนือกว่า นี่เป็นคาถาที่แข็งแกร่งมากในหมู่คาถาระดับห้า
“อย่างที่คาดไว้ ไม่เพียงแต่คาถาธาตุมืดระดับห้าที่มีผลลวงตาเท่านั้นแต่ยังมีความสามารถในการทำร้ายร่างกายอีกด้วย!” เมอร์ลินพยักหน้าเบา ๆ
เนื่องจากคาถาระดับสี่ฝันร้ายแห่งรัตติกาลได้รับการพิจารณาว่าเป็นคาถาลวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดจึงไม่มีเวทมนตร์ระดับห้าอันไหนที่แข็งแกร่งกว่าฝันร้ายแห่งรัตติกาล
ดังนั้นเมอร์ลินจึงเลือกคาถาประเภทโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดแทน เขาได้ตัดสินใจเลือกลมกรดสังหารโดยไม่ลังเลเลย
หลังจากนั้นเขาเหลือเพียงการเลือกคาถาระดับหก สำหรับคาถาระดับหกนั้น เขาเคยได้ยินจากพ่อมดลีโอเกี่ยวกับคาถาธาตุมืดระดับหกที่มีชื่อว่าแสงแห่งการทำลายซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นคาถาที่ทรงพลังที่สุด!
แสงแห่งการทำลายเป็นคาถาระดับหกที่ทรงพลังซึ่งแม้แต่พ่อมดลีโอก็ไม่สามารถสร้างได้ในตอนนั้น นอกจากพ่อมดลีโอแล้ว นักเวทย์คนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้เช่นกัน ไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่คาถาอันนี้ถูกใช้งาน มันผ่านไปกี่ศตวรรษ
พวกเขารู้เพียงว่าแสงแห่งการทำลายนั้นทรงพลังอย่างบ้าคลั่ง ในช่วงยุคสมัยที่รุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์ คาถาแสงแห่งการทำลายเป็นคาถาที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคาถาธาตุมืดอย่างไม่ต้องสงสัย!
แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่รวมคาถาระดับเจ็ดแต่การที่ตัวคาถามีชื่อเสียงท่ามกลางคาถาระดับหกที่มีอยู่มากมาย มันก็บ่งบอกถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวของมัน
"แสงแห่งการทำลายคือแสงสีดำแต่มันมีพลังที่แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ความสามารถในการทำลายทุกสิ่งและทุกอย่าง มันมีพลังมากกว่าคาถาระดับเจ็ดมากมาย!"
เมื่อนึกถึงการแนะนำแสงแห่งการทำลายของพ่อมดลีโอ เมอร์ลินก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดของเขา มันเป็นคาถาที่แม้แต่พ่อมดลีโอก็ประทับใจแต่เขาไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างมัน เมอร์ลินย่อมเลือกคาถานี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าเหล่านักเวทย์อัจฉริยะมากมายจะไม่สามารถสร้างคาถาแสงแห่งการทำลายได้แต่เมอร์ลินที่ได้รับความช่วยเหลือจากเดอะเมทริกซ์ ไม่ว่าคาถาจะซับซ้อนเพียงใด เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ เมอร์ลินยังได้ฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดรูปแบบที่สาม หากมันใช้งานร่วมกับแสงแห่งการทำลาย พลังของจะเพิ่มสูงขึ้นจนน่ากลัว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไกลเกินไปสำหรับเมอร์ลิน เขาไม่ได้คิดไปไกลถึงอนาคต ตอนนี้เขาต้องรีบเลือกคาถาและออกจากที่นี่ซะก่อน
หลังจากหยิบหนังสือคาถาแสงแห่งการทำลายจากชั้นหนังสือแล้ว เขาก็ตรงไปหาพ่อมดทีแมน
“พ่อมดทีแมน นี่คือคาถาที่ผมเลือก!” เมอร์ลินวางคาถาที่เขาเลือก ตรงเบื้องหน้าพ่อมดทีแมน
พ่อมดทีแมนหรี่ตาและกวาดมองหนังสือ เขารู้ทันทีว่าเมอร์ลินเลือกอะไร แม้ว่าเขาจะแนะนำให้เมอร์ลินเลือกคาถาที่แข็งแกร่งที่มีโครงสร้างที่ซับซ้อนแต่เขาก็ไม่คิดว่าเมอร์ลินจะเลือกคาถาที่ยากมากเช่นนี้
“สำหรับคาถาที่คุณเลือกมา อย่างสารธารแห่งความมืด วังวลแห่งความมืดและฝันร้ายแห่งความมืด พวกมันเป็นภาพลวงตาที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะฝันร้ายแห่งความมืดเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคาถาลวงตาที่ทรงพลังสุดแต่ความซับซ้อนของของมันนั้นเหนือกว่าคาถาระดับห้ามากมาย พูดตามตรงคาถาระดับหกบางอันยังง่ายกว่าฝันร้ายแห่งความมืดเสีบอีก
พูดถึงคาถาระดับหกที่คุณเลือกมาอย่างแสงแห่งการทำลาย มันยากยิ่งกว่าฝันร้ายแห่งความมืดซะอีก มีเพียงอัจฉริยะแห่งธาตุมืดที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะสร้างสำเร็จ!"
เมื่อมองดูคาถาที่เมอร์ลินเลือก แม้แต่พ่อมดทีแมนก็ยังรู้สึกประหลาดใจ ดังนั้นเขาจึงเหลือบมองที่เมอร์ลินอย่างสงสัย
เมอร์ลินยังเฝ้าสังเกตการแสดงออกของพ่อมดทีแมน หลังจากสังเกตเห็นว่าการแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เมอร์ลินก็ตระหนักว่าคาถาที่เขาเลือกอาจมีพลังมหาศาล ยิ่งกว่านั้น พวกมันแข็งแกร่งมากจนแม้แต่พ่อมดทีแมนก็พูดไม่ออก
“พ่อมดเมอร์ลิน นี่คือคาถาที่คุณเลือกงั้นหรือ?” หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง พ่อมดทีแมนถามด้วยเสียงต่ำ
“ถูกต้อง ผมตัดสินใจแล้วว่านี่คือคาถาที่ผมต้องการ พ่อมดทีแมน โปรดยกเลิกวงแหวนเวทย์ที่ผนึกหนังสือเหล่านี้ออกด้วยขอรับ”
เมอร์ลินรู้ว่าหนังสือเหล่านี้มีวงแหวนเวทย์ที่ไม่สามารถบังคับให้เปิดได้ การเปิดมันด้วยกำลังจะส่งผลให้หนังสือทั้งเล่มถูกทำลาย ดังนั้น เขาจะต้องพึ่งพานักเวทย์ของหอคอยอเวจีเพื่อทำการยกเลิก
เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินตัดสินใจเลือกแล้ว พ่อมดทีแมนก็พยักหน้า จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปและดึงขึ้นไปในอากาศ อักษรรูนลึกลับปรากฏกลางอากาศและซึมซับเข้าไปในหนังสือ
เมอร์ลินก็รู้สึกว่าวงแหวนเวทมย์ในหนังสือถูกคลายออก เขาสามารถอ่านโครงสร้างคาถาที่บันทึกไว้ในหนังสือได้อย่างอิสระและทุกเวลาแล้ว
เมอร์ลินพลิกหน้าเปิดแบบสุ่มและเห็นแบบจำลองคาถาและบันทึกย่อบางส่วน จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจและเก็บหนังสือคาถาเหล่านี้ไว้ในแหวนของเขา
เขาโค้งคำนับให้พ่อมดทีแมนอีกครั้งและเดินออกจากห้องสมุด
เมอร์ลินไม่เพียงแต่ฝึกฝนดวงใจแห่งความมืดในหอคอยอเวจีเท่านั้น คราวนี้เขาได้รับคาถาธาตุมืดตั้งแต่ระดับสองถึงระดับหก เขาไม่ต้องกังวลกับการค้นหาคาถธาตุมืดในอนาคตอีกเลย
ดังนั้น เมอร์ลินจึงอารมณ์ดี เขาเริ่มคิดถึงตอนที่เขาสามารถสร้างคาถาระดับสองครั้งแรกของเขาได้
แม้ว่าพลังจิตของเมอร์ลินจะไปถึงระดับสามแต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะสร้างคาถาระดับสอง เขาจะต้องสะสมพลังจิตให้มากขึ้นกว่านี้
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของพลังจิตจากระดับสามไปเป็นระดับสี่นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ นี่หมายความว่าเมอร์ลินยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาตนเอง มันจะไม่เป็นปัญหาสำหรับพลังจิตของเขาที่จะเติบโตจากปัจจัยหลายประการ
ไม่นาน เมอร์ลินก็ออกจากห้องสมุด พ่อมดลีโอที่รออยู่ข้างนอก ทันใดนั้นก็เบิกตาแนวตั้งสีแดงของเขาให้กว้างและถามเมอร์ลินอย่างใจเย็นว่า
“เรียบร้อยแล้วรึยัง เมอร์ลิน?”
เมอร์ลินสามารถได้รับอะไรมากมายในหอคอยอเวจีจากการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่พ่อมดลีโอได้ทำ ดังนั้น เมอร์ลินจึงรู้สึกขอบคุณพ่อมดลีโอและเขาตอบด้วยความเคารพว่า "อาจารย์ลีโอ ผมเลือกคาถาเรียบร้อยแล้ว!"
“เยี่ยม ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว!” พ่อมดลีโอถอนหายใจยาว แล้วหันไปทางพ่อมดฮอบส์ “วิซาร์ดฮอบส์ ข้าจะให้ส่วนสุดท้ายของวิธีการฝึกฝนดวงตาแห่งความืดแต่ก่อนที่ข้าจะให้คุณต้องพาข้ากับเมอร์ลินออกจากหอคอยอเวจีก่อน!”
“ออกจากหอคอยอเวจีก่อน?”
พ่อมดฮอบส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหลือบมองพ่อมดลีโออย่างสงสัย พ่อมดลีโอไม่กล้าที่จะกลับคำพูดของเขาสำหรับการแลกเปลี่ยนที่สำคัญเช่นนี้
ไม่เช่นนั้นทางหอคอยอเวจีจะตามล่าเขาแม้ว่าเขาจะกลับไปยังดินแดนมนต์ดำแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การกระทำของพ่อมดลีโอนั้นแปลกจริงๆ อาจมีสาเหตุบางประการที่พ่อมดฮอบส์ไม่ทราบเบื้องหลังการกระทำของเขา หลังจากพิจารณามาเป็นเวลานาน พ่อมดฮอบส์ยังคงพยักหน้าเนื่องจากเขาก็ต้องการวิธีการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืเช่นกัน
“ก็ได้ เราจะส่งคุณออกจากหอคอยอเวจี คุณก็อย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน”
พ่อมดลีโอพยักหน้า หลังจากนั้น พ่อมดฮอบส์และนักเวทย์ระดับเจ็ดอีกสองคน ‘ปกป้อง’ เมอร์ลินและพ่อมดลีโอออกจากหอคอยอเวจี พวกเขาทั้งสองทั้งเดินประกบข้างเมอร์ลินกับลีโอ
…
ด้านนอกของหอคอยอเวจีมีร่างสองสามร่างปรากฏขึ้นจากถ้ำมืด มันคือพ่อมดฮอบส์ พ่อมดลีโอ และคนอื่นๆ
พ่อมดกริซโลและพ่อมดบาห์เรนกำลังเดินอยู่ข้างหน้า ดูเหมือนจะนำทางให้เมอร์ลินและพ่อมดลีโอ อันที่จริง พวกเขากำลังยืนขวางทางของเมอร์ลินและพ่อมดลีโออยู่ เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้น
ในขณะเดียวกัน พ่อมดฮอบส์ก็อยู่ด้านหลังทั้งคู่ เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเมอร์ลินและพ่อมดลีโออย่างใกล้ชิด
“เอาล่ะ พวกเราถึงทางออกของหอคอยอเวจีแล้ว พ่อมดลีโอ แล้ววิธีการฝึกฝนที่เหลือล่ะ?”
พ่อมดฮอบส์ค่อยๆ หยุดฝีเท้าและจ้องมองพ่อมดลีโออย่างกระตือรือร้น ในเวลาเดียวกัน พ่อมดกริซโลและพ่อมดบาห์เรนก็ได้รับการแจ้งเตือน พวกเขาเกรงว่าพ่อมดลีโออาจทำการเคลื่อนไหวที่ ‘ไม่ฉลาด’
พ่อมดลีโอนำวิธีการฝึกฝนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจากแหวนของเขาและส่งให้พ่อมดฮอบส์ สิ่งที่พวกเขากังวลก็ไม่เกิดขึ้น
หลังจากพ่อมดฮอบส์กวาดตามองวิธีการฝึกฝนที่เหลืออย่างรวดเร็ว เขาก็เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เขาพูดกับพ่อมดลีโอด้วยรอยยิ้มว่า
"เยี่ยมมาก พ่อมดลีโอ พวกคุณออกไปได้ทุกเมื่อ"
"ไปกันเถอะ!"
พ่อมดลีโอเดินออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ความผันผวนที่รุนแรงของธาตุลมปรากฏขึ้นรอบตัวเขา ในขณะที่เขานำเมอร์ลินออกจากหอคอยอเวจีอย่างรวดเร็ว
ในหัวของเมอร์ลินเต็มไปด้วยคำถาม เขามีความรู้สึกแปลกๆ 'ทำไมพ่อมดลีโอถึงรีบออกจากหอคอยอเวจี เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างผิดปกติกับครึ่งที่เหลือของวิธีการฝึกฝน?'
อย่างไรก็ตาม พ่อมดฮอบส์เป็นนักเวทย์ระดับเจ็ด หากมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น เขาน่าจะสังเกตเห็นก่อนหน้านี้ เขาไม่น่าจะปล่อยให้พ่อมดลีโอเป็นอิสระเช่นนี้
ดูเหมือนพ่อมดลีโอจะสังเกตเห็นคำถามในใจของเมอร์ลิน พ่อมดลีโอจึงเหลือบมองที่หอคอยอเวจีซึ่งอยู่ห่างจากพวกเขามาก เขายิ้มและพูดว่า
“แน่นอนว่าวิธีฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดนั้นเป็นของจริง ข้าคิดขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาต้องการฝึกฝนจริง ๆ ล่ะก็ ข้าเกรงว่าพวกเขาคงต้องเตรียมเสียสละชีวิตของนักเวทย์ระดับหกมากกว่าหนึ่งโหลเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการฝึกฝน!”
“ชีวิตของนักเวทย์ระดับหกมากกว่าหนึ่งโหล?”
เมอร์ลินตกตะลึง ในหอคอยอเวจีมีนักเวทย์ระดับหกเพียงยี่สิบคนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถจ่ายราคาดังกล่าวได้ เมอร์ลินเข้าใจในทันทีว่าวิธีการฝึกฝนที่พ่อมดลีโอคิดค้นอาจมีข้อบกพร่องที่ร้ายแรง ด้วยวิธีฝึกฝนของเขา บางคนอาจประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงกว่าที่องค์กรนักเวทย์ขนาดเล็กอย่างหอคอยอวเจีจะสามารถจ่ายมันได้!
“หอคอยอเวจี…พวกเขาถูกเอาเปรียบจริง ๆ พวกเขาต้องเสียใจแน่ ๆ ที่มาทำข้อตกลงไว้ก่อนหน้านี้!”
เมอร์ลินเหลือบมองไปที่หอคอยอเวจีซึ่งตอนนี้กลายเป็นภาพเบลอ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพึมพำกับตัวเอง