649-650
3/10
Ep.649
“ขอบพระคุณผู้อาวุโส!”
เยว่หลิงดีใจมาก รู้สึกสำนึกบุญคุณเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ธนูทองคำคืออาวุธหลักที่ใช้ในการโจมตีของเธอ หากสูญเสียมันไป ความสามารถในการต่อสู้จะลดทอนไปมากกว่าครึ่ง
ความสำคัญของมันนั้นชัดเจน
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า เธอจึงเกิดความรู้สึกซาบซึ้งจากก้นบึ้งของหัวใจ
ซูเฉินไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก เขามีธนูเงินในมืออยู่แล้ว ขอแค่ใช้ [อัญมณีอัพเกรด] ซักนิดซักหน่อย ยกระดับมันให้คุณภาพเท่าเทียมกับธนูทองคำ ไม่น่าจะใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ด้วยสาเหตุนี้ เขาเลยไม่ขอธนูทองคำ
หลังจากนั้น เขากุมศิลาปฏิญาณไว้ในมือ และให้โม่หรงเอ่ยสัตย์สาบาน เพื่อให้อยู่อาณัติเขาอย่างสมบูรณ์
โม่หรงเป็นผู้ฝึกตนขั้น 8 อีกทั้งล่วงรู้ตำแหน่งของหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 นับว่าเพียงพอที่จะจ่ายค่าปฏิญาณในครั้งนี้
“เอาล่ะ เรื่องที่นี่ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”
ซูเฉินยิ้ม กล่าวร่ำลาเยว่หลิง หันหลังกลับและจากไปพร้อมโม่หรง
เหม่อมองไปยังแผ่นหลังของซูเฉินที่ค่อยๆไกลออกไป จู่ๆคล้ายบังเกิดแรงกระตุ้นที่ไม่อาจอธิบายผุดขึ้นในหัวใจของเยว่หลิง เรียกความกล้าแล้วตะโกนออกไป “ผู้อาวุโส ข้าขอทราบชื่อท่านได้หรือไม่?”
ซูเฉินชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบ “ซูเฉิน”
สิ้นเสียง เขาก็พาโม่หรงจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย ไม่ช้าก็หายไปจากสายตาของเยว่หลิง
“องค์หญิง พวกเราก็รีบกลับไปยังเผ่าเอลฟ์กันเถิด”
อาวุโสหยูฉีก้าวมาหยุดข้างเยว่หลิง กระซิบเตือนเบาๆ
เยว่หลิงพยักหน้า กล่าวด้วยความหลงใหล “อาวุโสหยู ท่านว่าอาวุโสซูปีนี้อายุเท่าไหร่?”
หยูฉีครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “องค์หญิง ท่านควรรู้ว่าข้ามีความสามารถพิเศษในการมองทะลุอายุกระดูกของสิ่งมีชีวิต … เขาไม่ควรมีอายุมากกว่า 20 ปี!”
ซู๊ดดดด!
เยว่หลิงสูดหายใจลึก
อายุน้อยกว่า 20 ปี แต่กลับมีกำลังรบถึงขั้นสามารถสยบผู้แข็งแกร่งขั้น 8 หลายคนได้ ตรงจุดนี้ทำให้เธอตกใจมาก
หยูฉีทอดถอนหายใจ กล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพขั้น 7 –ผู้ฝึกตนทุกอาชีพที่ยังอายุไม่ถึง 20 ปี! มันเหลือเชื่อมาก!”
ได้ยินแบบนั้น เยว่หลิงอ้าปากค้าง จมดิ่งไปในห้วงภวังค์
อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินพาโม่หรงกลับไปยังเมืองหยานจื่อ
ระหว่างทาง ซูเฉินถามว่า “เหล่าโม่* ในเมื่อคุณรู้ที่อยู่ของหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 แล้วทำไมไม่เอามันเองล่ะ?”
* (คำนำหน้าใช้เรียกคนมีอายุมากกว่า ในเชิงสนิท)
โม่หรงเป็นผู้ฝึกตนขั้น 8 ดังนั้นเขาสามารถใช้หินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 ได้
หรือต่อให้ไม่ได้ใช้ ก็ยังสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับทรัพยากรในการฝึกฝนอื่นๆ แล้วทำไมเขาถึงยังรั้งรอไม่ไปคว้ามันมา?
เรื่องนี้ทำให้ซูเฉินเกิดความสงสัยมาก
“เจ้านาย สถานที่อยู่ของหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 มีอสรพิษทองคำขั้น 10 ตัวหนึ่งเฝ้าอยู่ ข้าไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้” โม่หรงอธิบาย
ได้ยินแบบนั้น หัวใจของซูเฉินเต้นระรัว เพราะสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 10 เป็นอะไรที่หาได้ยากมากๆ อวัยวะทั้งตัวของมันคือสมบัติ ไม่ต้องกล่าวถึงหินพลังงานขั้น 10 ก้อนหนึ่งที่มีค่ามาก
แล้วอีกอย่าง เอาไว้รอจน [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] เลื่อนขั้นเป็นเลเวล 9 เมื่อไหร่ ก็ถือโอกาสนี้ให้มันดูดเลือดอสรพิษทองคำซะเลย จะได้ยกระดับเป็นเลเวล 10
คิดได้แบบนี้ ซูเฉินเร่งเอ่ยถาม “หินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 อยู่ที่ไหน?”
“ในเทือกเขาขนาดใหญ่ในทวีปเผ่าวิญญาณของพวกเรา” โม่หรงตอบตามความจริง
ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย เริ่มไตร่ตรอง
หากคิดเดินทางไปยังทวีปเผ่าวิญญาณเพื่อเสาะหาหินต้นกำเนิดพลังงานในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เวลาเหมาะ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องรอให้เขาจัดการ
ไหนจะต้นผลจำลองจิต , ศิลาวิญญาณวายุ , ต้นไม้แห่งชีวิต ทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนสำคัญ และการสังหารหานซานเฉียนไม่ควรปล่อยให้ล่าช้าเกินไป
หากเรื่องที่กล่าวมาจัดการเสร็จสิ้น เขาค่อยวางใจไปยังทวีปเผ่าวิญญาณได้
“เหล่าโม่ มีทางผ่านเขตแดนเข้าสู่ทวีปเผ่าวิญญาณอยู่ในบริเวณใกล้เคียงบ้างไหม”ซูเฉินถามต่อ
“เจ้านาย ข้ามายังที่นี่ได้โดยการหลบหนีจากทวีปครึ่งออร์คมาอย่างยากลำบาก” โม่หรงตอบทันที
4/10
Ep.650
“หนีมาหรอ? แล้วทำไมต้องหนีมาจากทวีปครึ่งออร์คด้วย?” ซูเฉินเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
โม่หรงอธิบายว่า “เจ้านาย ทางผ่านเขตแดนของทวีปเผ่าวิญญาณสู่ทวีปมนุษย์ มีข้อจำกัดด้านระดับฝึกตน มากสุดผ่านได้ไม่เกินขั้น 6 เท่านั้น ในทางตรงกันข้าม ทวีปครึ่งออร์คมีทางผ่านเขตแดนที่ผู้ฝึกตนขั้น 8 สามารถผ่านได้”
“งั้นถ้าต้องการเข้าสู่ทวีปเผ่าวิญญาณ อันดับแรกฉันก็ต้องเข้าทวีปครึ่งออร์คก่อน?” ซูเฉินพึมพำออกมา
เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับเผ่าครึ่งออร์ค เพราะเคยฆ่าพวกมันมาไม่น้อย
“ขอรับ”
โม่หรงพยักหน้า
“งั้นทำไมคุณถึงต้องหนีมาที่นี่” ซูเฉินอุทานออกมา
ด้วยความแข็งแกร่งระดับ 8 ของโม่หรง มีน้อยคนนักที่จะทำร้ายเขาได้ ผู้แข็งแกร่งประเภทไหนกันที่สามารถบีบบังคับเขาจนมาถึงจุดนี้? และเพราะอะไร?
ในเมื่อซูเฉินสามารถกำราบโม่หรงให้อยู่ในโอวาสได้แล้ว เรื่องพวกนี้ควรรู้เอาไว้ก่อน
โม่หรงคล้ายหวนนึกถึงอดีตอันน่าเศร้า สีหน้าท่าทีเขาดูเศร้าหมองลง
เงียบไปพักหนึ่ง เขากัดฟันแน่นแล้วกล่าวว่า “เจ้านาย เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผู้ที่รู้ที่อยู่ของหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 นอกเหนือจากข้า ยังมีสหายรักขอข้าอีกคนหนึ่งชื่อหยานเซิ่งอี้”
“และที่น่าชังก็คือ หยานเซิ่งอี้ต้องการผูกขาดหินต้นกำเนิดพลังงานขั้น 9 แต่เพียงผู้เดียว เขาจึงลอบสังหารข้า โชคดีข้าเพียงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหลบหนีเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ภรรยาและลูกๆของข้าถูกวางยาพิษ ตายลงอย่างน่าสังเวช”
“เป็นแบบนี้เองสินะ”
ซูเฉินค่อยเข้าใจ ปลอบโยนว่า “วางใจเถอะ ไว้ฉันเข้าสู่ทวีปเผ่าวิญญาณได้เมื่อไหร่ ฉันจะช่วยคุณกำจัดหยานเซิ่งอี้ แก้แค้นให้ภรรยาและลูกๆเอง!”
เพราะความเห็นแก่ตัว หยานเซิ่งอี้ถึงกับทรยศสหายรักของตัวเอง ซูเฉินรังเกียจนิสัยแบบนี้มาก
ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบัน โม่หรงคือหนึ่งในสมาชิกของเขา การช่วยล้างแค้น เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
“ขอบพระคุณเจ้านาย!” โม่หรงกล่าวด้วยความสำนึกในบุญคุณอย่างจริงใจ
เหตุผลที่เขาร่อนเร่ โกงความตายหนีมาได้ หลักๆล้วนเป็นเพราะต้องการล้างแค้นให้ภรรยาและลูกๆ
ตอนนี้ยิ่งมีซูเฉินให้คำมั่น มันยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเรื่องจะได้แก้แค้น คงมาถึงในอีกไม่นาน เพราะความแข็งแกร่งของซูเฉิน โม่หรงได้เห็นกับตามาแล้ว
แม้หยานเซิ่งอี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ภายใต้เงื้อมมือของซูเฉิน อีกฝ่ายไม่ต่างจากมดปลวก
“เอาล่ะ เร่งความเร็วกันเถอะ” ซูเฉินกล่าวเสียงกระซิบ
คนอื่นๆยังอยู่ในเมืองหยานจื่อ แม้มีต้นหลิววัชระและ [นักรบจักรกล] คอยเฝ้า แต่เขายังรู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากนั้น ทั้งสองเร่งความเร็ว วิ่งไปตลอดเส้นทาง ไม่นานก็กลับเข้าสู่เมืองหยานจื่อ มุ่งหน้าไปยังตึกประมูล
เมื่อใกล้ถึงตึกประมูล ก็เห็นฝูงชนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่ข้างนอกแล้ว
มีฝูงชนจำนวนมาก คนมุงเยอะขนาดนี้ ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ
ซูเฉินไม่คิดอะไรมาก เบียดตัวแทรกเข้าไปพร้อมกันโม่หรง
ใครจะทันคาดคิด ว่าเขาเพิ่งเบียดเข้ามา ก็เห็นเฉินเฟิงกับคนอื่นๆกำลังเผชิญหน้ากับชายสองคน
เนื่องจากยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซูเฉินเลยไม่รีบร้อนแสดงตัว
ณ วินาทีนี้ เฉินเฟิงพยายามระงับความโกรธของเขา กล่าวเสียงเย็นชา “โอวหยางเฉิง สมบัติเป็นพวกเราที่ประมูลมาได้ แต่นายกลับต้องการบังคับให้พวกเราขายมัน แบบนี้เกรงว่าคงไม่เหมาะสมกระมัง?”
“ศิษย์พี่เฉิน คุณนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย ตราประทับนั่นเดิมเป็นของตระกูลโอวหยางเรา แต่มันถูกขโมยไป!”
ผู้ที่เผชิญหน้ากับเฉินเฟิงคือชายหนุ่มในชุดขาว
ชายหนุ่มเปิดประเด็นเรื่องนี้ก่อน จากนั้นอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เลยเป็นธรรมดาที่ตระกูลโอวหยางของเราจะนำมันกลับไป แต่ในเมื่อศิษย์พี่ประมูลมันมาได้ ฉะนั้นฉันจะไม่ยอมปล่อยให้ศิษย์พี่เสียเปรียบ –บอกมาว่าต้องการหินพลังงานกี่ก้อน ฉันจะจ่ายให้เอง”
เฉินเฟิงส่ายหัว แสยะยิ้มหยัน “โอวหยางเฉิง ตราประทับนั้นเป็นอาเฮียซูที่ประมูลได้ ฉะนั้น ฉันขอแนะนำให้นายล้มเลิกความคิดนี้เสีย เฮียซูไม่มีทางขายให้นายแน่นอน”
ซูเฉินเป็นคนประเภทใด? เรื่องนี้เฉินเฟิงกระจ่างแจ้งแก่ใจ
สิ่งใดที่ซูเฉินสนใจ อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางคายออกมา