ตอนที่ 20 ซื้อเมล็ดพันธุ์
เซียวจิ่งถิงพาฉีมู่อานไปที่ร้านเมล็ดพันธุ์วิญญาณ เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามา เจ้าของร้านก็รีบไปต้อนรับทันที “แขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่าน เชิญมาเลือกเมล็ดพันธุ์ดูก่อนเถอะ!”
เซียวจิ่งถิงพยักหน้าให้ “เอาสิ แล้วเจ้ามีอะไรแนะนำบ้างรึไม่?”
เจ้าของร้านมองไปที่ฉีมู่อานก่อนจะยิ้มให้ “ภรรยาของท่านอยู่ในกลุ่มอัคคี! ร้านของเราเลยอยากนำเสนอข้าวเมฆอัคคีและผักเพลิงเขียว ทั้งหมดนี้เหมาะสำหรับผู้ฝึกปราณธาตุอัคคีมาก ท่านควรซื้อติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง”
เซียวจิ่งถิงเลิกคิ้วด้วยความสนใจ ฉีมู่อานคว้าเซียวจิ่งถิงไว้พร้อมกับส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอก"
เซียวจิ่งถิงมองภรรยาด้วยความงุนงง “ทำไมล่ะ?”
“ข้าวเมฆอัคคีเป็นพืชวิญญาณระดับสาม แต่ถ้านำมันไปขาย ราคาจะต่ำกว่าข้าววิญญาณที่มีคุณสมบัติธาตุพฤกษาอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ความยากในการปลูกมันนั้นไม่ต่ำกว่าข้าววิญญาณชนิดอื่นๆเลย” ฉีมู่อานอธิบาย
“ไม่เป็นไร ถ้าเอาไปปลูก เราเก็บไว้กินเองก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องเอาไปขายเลย” เซียวจิ่งถิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“เถ้าแก่ ข้าต้องการเมล็ดข้าวเมฆอัคคีและผักเพลิงเขียวหนึ่งถุง” เซียวจิ่งถิงกล่าว
ฉีมู่อานพูดอย่างไม่สบายใจ “ไม่จำเป็นต้องปลูกเยอะขนาดนั้นก็ได้” ผู้ฝึกปราณธาตุอัคคีสามารถบริโภคข้าววิญญาณธาตุพฤกษาได้ แต่ทว่าผู้ฝึกปราณธาตุพฤกษานั้นไม่อาจบริโภคข้าววิญญาณธาตุอัคคีได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าววิญญาณธาตุอัคคีถึงมีราคาถูกกว่า
เซียวจิ่งถิงส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก”
เซียวจิ่งถิงหยิบเมล็ดมันเทศและเมล็ดข้าววิญญาณขึ้นมาอีกอย่างละถุงก่อนจะเตรียมตัวกลับบ้าน เมล็ดพันธุ์หนึ่งถุงนั้นเพียงพอสำหรับที่ดินหนึ่งหมู่ ในส่วนของที่ดินระดับกลางที่ยังว่างอยู่นั้น เซียวจิ่งคิดจะนำองุ่นมาปลูกเพิ่ม
เมล็ดพันธ์ุสี่ถุงราคาหกเหรียญเงิน และหลังจากใช้เงินจำนวนนี้ไปแล้ว เซียวจิ่งถิงคงจะมีเงินเหลือไม่มากนัก
“ท่านนี่ช่างรักภรรยาของตัวเองจริงๆ” เจ้าของร้านแค่ลองเสนอดูเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเซียวจิ่งถิงจะซื้อเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นไปจริงๆ เขาจึงได้แต่พูดติดตลก
เซียวจิ่งถิงยิ้มและไม่พูดอะไร ทว่าใบหน้าของฉีมู่อานกลับกลายเป็นสีแดงแทน
เซียวจิ่งถิงกับฉีมู่อานออกจากร้านเมล็ดพันธุ์และเดินออกจากเมือง
“หากท่านไม่มีเงินแล้ว ข้ายังพอมีอยู่บ้างนะ” ฉีมู่อานชั่งใจอยู่นานก่อนจะเอ่ยเรื่องนี้ขึ้น
เซียวจิ่งถิงเหลือบมองฉีมู่อาน “ไม่เป็นไรหรอก พืชวิญญาณในสวนทั้งห้าหมู่นั้นแค่เดี๋ยวเดียวก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว พอขายออก เราก็จะมีรายได้กลับมามากกว่ายี่สิบเหรียญเงิน กลับไปถึงเมื่อไหร่เราก็ควรเริ่มงานทันที” เซียวจิ่งถิงกล่าว
ฉีมู่อานพยักหน้าและตอบว่า “อืม ข้าจะช่วยท่านพี่เอง”
“ข้าคิดว่าเราอาจต้องซื้อไส้เดือนเพิ่มด้วย” ก่อนหน้านี้พวกเขาใช้ที่ดินเล็กๆก็เลยยังพอเช่าไส้เดือนจากหัวหน้าหมู่บ้านได้ แต่ตอนนี้พวกเขาไถ่ที่ดินกลับมาบางส่วนแล้วและอาจจะต้องใช้ไส้เดือนมากขึ้น ซึ่งการเช่าไส้เดือนจากหัวหน้าหมู่บ้านไปตลอดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ความจริงแล้วเซียวจิ่งถิงยังอยากได้สัตว์อสูรไว้ใช้สำหรับการเดินทางด้วย แต่ตอนนี้ยังขาดเงินอยู่มาก เขาจึงทำได้แค่วางแผนสำหรับอนาคต
เซียวจิ่งถิงแอบคิดในใจ เมื่อปลูกองุ่นชุดที่สองเสร็จ พวกมันควรจะได้ผลผลิตมากกว่าชุดแรก เจ้าของภัตตาคารบอกว่าเมื่อองุ่นชุดที่สองพร้อมแล้ว เขายังอยากซื้อมันในราคาเดิมอยู่
ฉีมู่อานพยักหน้ารับ ไส้เดือนระดับสองที่ดูดีหน่อยจะมีราคาอยู่ที่สามหรือสี่เหรียญเงิน พอซื้อมาแล้วฉีมู่อานก็อดมิได้ที่จะรู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง
ฉีมู่อานและเซียวจิ่งถิงเดินไปที่เกวียนวัว หลังจากนั้นไม่นาน ชิวหลี่เองก็มาถึง ทว่าครั้งนี้ท่าทางของเขาดูต่างไปจากเดิมมาก ชิวหลี่มองไปที่คู่สามีภรรยาด้วยสีหน้าแปลกๆ
เซียวจิ่งถิงไม่อยากสนใจคนๆนี้นัก เขาจึงหลับตาลงขณะที่ฉีมู่อานเองก็ทำตามเช่นกัน
ฉีมู่อานเดินกลับไปที่บ้านขณะมองดูองุ่นหลายสิบพวงที่หลงเหลืออยู่ในสวน ราวกับว่าเขากำลังมองดูเหรียญเงินมากมาย
“หากขายองุ่นพวกนี้…”
“องุ่นพวกนี้ไม่ได้มีไว้ขาย” เซียวจิ่งถิงพูดขัดขึ้น “เราต้องเก็บสิ่งดีๆไว้กินเองด้วย องุ่นพวกนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกเรา เจ้ากับข้าควรกินสักสองสามพวงทุกวัน กินกันไม่กี่วันก็หมดแล้ว ช่วงนี้เราไม่ควรให้พวกเด็กๆกินเพิ่มด้วย ยังดีนะที่พลังวิญญาณในองุ่นค่อนข้างเบาบาง ไม่งั้นคงเป็นปัญหาแน่ๆเพราะเจ้าเด็กสองคนนั้นกินเข้าไปเยอะเหลือเกิน”
ฉีมู่อานพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเมื่อได้ยินคำเตือนของสามี “ข้าจะดูแลเรื่องนี้ให้ดี” เด็กๆทั้งสองยังเด็กเกินไป การดูดซับพลังวิญญาณในปริมาณมากจะทำให้เส้นลมปราณของพวกเขาเสียหาย เรื่องนี้ไม่ควรประมาทเด็ดขาด
ตกช่วงเย็น ฉีมู่อานนั้นอยู่ในห้องขณะแทะองุ่นทีละลูก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
สนับสนุนผู้แปลที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com ได้นะครับ
เซียวเสี่ยวฟ่านเข้ามากระตุกกางเกงของฉีมู่อานด้วยอาการน้ำลายไหล “ป่ะป๊า ข้าขอองุ่นลูกหนึ่งสิ แค่ลูกเดียวเองนะๆๆ”
ฉีมู่อานไม่สนใจลูกอ้อนของเซียวเสี่ยวฟ่าน พอตรวจสอบเส้นลมปราณของเซียวเสี่ยวฟ่านก็พบว่ามันถูกพลังชีวิตปิดกั้นเอาไว้ นอกจากเจ้าลูกคนนี้จะไม่ควรกินองุ่นแล้ว เขาควรลดปริมาณอาหารลงครึ่งหนึ่งด้วย
“รีบนอนซะ” ฉีมู่อานร้องสั่ง
เซียวเสี่ยวฟ่านปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างเศร้าสร้อยและพูดกับตัวเอง “เดี๋ยวนี้พ่อใจกว้างแล้ว แต่ป่ะป๊ากลับขี้เหนียวแทน”
เซียวเสี่ยวตงเห็นท่าทางตื่นเต้นของฉีมู่อานและดูมีความสุขเล็กน้อย ในความทรงจำของเขา ฉีมู่อานไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว เซียวเสี่ยวตงจำได้ว่าท่านตาเคยบอกว่า ตอนเด็กๆ ป่ะป๊าของเขาเป็นคนตะกละมากและมักทานอาหารเยอะกว่าคนอื่นๆ
เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งถิงที่อยู่ห้องข้างๆ เซียวเสี่ยวตงก็อดคิดไม่ได้ว่าจะดีแค่ไหนหากพ่อของเขาเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
หลังจากกินองุ่นเสร็จแล้ว ฉีมู่อานก็เลียริมฝีปากและพยายามคิดหาวิธีช่วยเซียวจิ่งถิงเก็บเกี่ยวพืชวิญญาณในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นฉีมู่อานจึงเข้านอนอย่างรวดเร็ว