645-646
9/10
Ep.645
“ที่แท้แกก็คือเสิ่นรั่วหง” ซูเฉินถอนหายใจยาว
ก่อนหน้านี้ เขาเพิ่งสังหารสาวกสายในสองคนของตำหนักอสูรหยก และรู้จากปากพวกมัน ว่าเสิ่นรั่วหงได้สั่งให้พวกเขาตามหาสัตว์จำแลง
เมื่อพิจารณาจากจุดนี้ คาดว่าสัตว์จำแลงอีกตัวน่าจะอยู่ในมือของเสิ่นรั่วหง
อย่างไรก็ตาม เสิ่นรั่วหงเป็นเพียงหนึ่งในผู้อาวุโสของตำหนักอสูรหยกเท่านั้น ความเป็นความตายของเขาเพียงคนเดียวจะเกี่ยวข้องกับทั้งขุนเขาหวังเฉียวได้อย่างไร?
ออกจะโม้เกินตัวไปหน่อยไหม?
“เป็นอย่างไร ยอมรับข้อเสนอข้าหรือไม่?”
เห็นซูเฉินไม่ตอบคำ เสิ่นรั่วหงคิดว่าซูเฉินเกิดความกลัว น้ำเสียงเริ่มดึงขึ้น กลับมาฮึกเหิมดังเดิม
“ไม่ดีกว่า”
ทว่าคำตอบของซูเฉินกลับตรงข้ามกับที่คิด อีกฝ่ายแค่นเสียงเบาๆ ระเบิดพลังจิตกวาดไปทางเสิ่นรั่วหง
“เจ้า … ได้! เช่นนั้นบิดาจะสู้กับเจ้าจนกว่าจะตายไปข้าง!”
เสิ่นรั่วหงทั้งตกใจและโกรธแค้น หลังจากคำรามออกมา เขาเปิดถุงสัตว์เลี้ยงวิญญาณอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง กลิ่นคาวเลือดเหม็นโฉ่ฟุ้งกระจายจากมัน
กี๊ กี๊ กี๊ ..!
ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องน่าสยดสยอง เห็นแค่เพียงหัวขนาดใหญ่น่ากลัวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเสิ่นรั่วหง
“อสูรกลืนฟ้า!”
ซูเฉินเลิกคิ้ว หัวที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขานั้นมิใช่ใดอื่น แต่เป็นอสูรกลืนฟ้าที่มีชื่อเสียงมากในเผ่าสัตว์อสูร
ตอนนั้นในภูเขาสือจิน เขาเคยสังหารมันไปครั้งหนึ่ง
แต่ครั้งก่อนอสูรกลืนฟ้ามีเลเวลอยู่แค่ 6 เท่านั้น ขณะที่ตัวตรงหน้า มันอยู่ในเลเวล 8 แล้ว
อย่างไรก็ตาม ซูเฉินเองก็ไม่ใช่คนเดิมในอดีตเช่นกัน
ด้วย [กายาเทพอสูรนิรันดร์] สามารถต้านทานทุกการโจมตีของอสูรกลืนฟ้าได้อย่างสิ้นเชิง
อาจกล่าวได้เลยว่า การปรากฏตัวของอสูรกลืนฟ้าเลเวล 8 นี้ ไม่อาจก่อภัยคุกคามใดๆแก่เขา
“แกคิดว่าจะมั่นใจในตัวอสูรกลืนฟ้านั่นได้หรือ?”
ซูเฉินยิ้มดูแคลน จากนั้นเปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] เรียก [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ออกมา
“แมลงสัตว์ร้ายขั้น 8!!” เสิ่นรั่วหงร้องอุทาน
กลวิธีโจมตีของซูเฉินมีมากมาย ชวนให้ต้องอ้าปากค้างจริงๆ
สัตว์เลี้ยงวิญญาณธาตุไฟขั้น 7 ก่อนหน้านี้ก็ถูกเรียกแล้ว ตอนนี้ยังเรียกแมลงสัตว์ร้ายขั้น 8 ออกมาได้อีก ให้ตายเถอะแล้วเขาจะสู้ได้อย่างไร?
“เสี่ยวจิน เสี่ยวเหยียน นายสองคนร่วมมือกันสังหารอสูรกลืนฟ้าตัวนั้นซะ” ซูเฉินชี้ไปทางสัตว์เลี้ยงวิญญาณของศัตรู เอ่ยปากออกคำสั่ง
เดิมที ด้วยกำลังรบของเขา การสังหารอสูรกลืนฟ้าตนนี้เป็นเพียงเรื่องง่ายดาย
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] เพิ่งปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา ดังนั้นเขาเลยอยากใช้โอกาสนี้ รอดูว่ามันจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดไหน
“เจ้านาย ไม่ต้องให้เจ้านกตัวโตช่วย แค่ฉันตัวเดียวก็พอแล้ว!” [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] กล่าวด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“เหอะ!”
หงส์เพลิงพ่นลมหายใจออกทางจมูกด้วยความดูแคลน
ซูเฉินอึ้งไปเล็กน้อย พยักหน้าและกล่าวว่า “งั้นลองสู้คนเดียวดูแล้วกัน อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ”
“เจ้านายไว้ใจได้เลย!”
[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] กระพือปีกดุเดือด โฉบเข้าสังหารอสูรกลืนฟ้า
“รนหาที่ตาย!”
อสูรกลืนฟ้าโกรธจัด อ้าปากใหญ่ที่เหมือนอ่างเลือดของมัน แสงสีดำหลายสายถูกยิงออกมา พุ่งตรงไปทาง [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ]
ในฐานะที่เป็นอสูรสายโลหิตที่มีชื่อเสียงในเผ่าสัตว์อสูร เมื่อถูกดูแคลนเช่นนี้ มันไม่อาจทานทนได้
ดังนั้นใช้ไพ่ตายทันทีที่เริ่มลงมือ ลอบสาบานในใจว่าจักต้องสังหาร [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ในคราเดียว
อีกด้านหนึ่ง [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า ปากดูดเลือดของมันถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นสีแดงสด จากนั้นเส้นแสงสีแดงก็ปะทุออกมา ปะทะเส้นแสงสีดำกลางอากาศ และผลปรากฏว่าสามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งความเร็วยังไม่ลดลง พุ่งเข้าใส่หัวอสูรกลืนฟ้าในพริบตาเดียว
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ก็เริ่มดูดทันที
ฉากอันน่าประหลาดปรากฏขึ้น หัวมหึมาของอสูรกลืนฟ้าหดลีบลง เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนับไม่ถ้วน เลือดข้างในสาดกระเซ็น ไหลเวียนในอากาศ ตรงเข้าปาก [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ]
10/10
Ep.646
“อ๊าาาากกกก!”
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสมเพช อสูรกลืนฟ้าเหือดแห้ง เนื้อหนังลีบแบบติดกระดูกอย่างรวดเร็ว สูญสิ้นกลิ่นอายแห่งชีวิตไปอย่างสมบูรณ์
ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ฝูงชนตื่นตะลึง นิ่งงันราวถูกแช่แข็ง
สัตว์อสูรขั้น 8 ถูกสังหารได้ง่ายดายขนาดนี้เชียว?
กระทั่งซูเฉินที่ตั้งความหวังไว้สูงกับ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ยังรู้สึกเกินคาดไปเล็กน้อย
“เป็นไงเจ้านกตัวโต ฉันเก่งไหม?”
[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ตะโกนอย่างมีชัยหันไปทางหงส์เพลิง
หงส์เพลิงเบือนหน้าหนี ไม่สนมัน ทว่าในใจลอบคิดว่า ‘ดูท่าต่อไปคงไม่สามารถรังแกเจ้ายุงยักษ์ได้ตามใจชอบแล้ว!’
เสิ่นรั่วหงเห็นอสูรกลืนฟ้าถูกสังหาร หัวใจเขาเย็นยะเยืยอก
เจ้าตัวรู้ดี ว่าหากไม่หนีตอนนี้ คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ขณะที่ข่มใจให้สงบลง เขาก็หันหลังและวิ่งหนีไป
แต่ซูเฉินไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ให้เขา
เจ้าตัวเปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] ทั้งคนทั้งร่างพรั่งพราวเป็นแสงตระการตา โฉบวูบไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยพลังจิตเพื่อสกัดตัวเสิ่นรั่วหงเอาไว้ ง้าง[ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] และทุบลงจากมุมสูง บดเสิ่นรั่วหงกลายเป็นซอสเนื้อ
จากนั้นก้มลงหยิบถุงสัตว์เลี้ยงวิญญาณ แล้วเดินกลับไปยังตำแหน่งที่จากมาอย่างสบายๆ
ในถุงสัตว์เลี้ยงวิญญาณคาดว่าคงมีสัตว์จำแลงอยู่ อย่างไรก็ตาม ซูเฉินไม่รีบร้อนที่จะตรวจสอบมัน กลับเลือกมองไปยังประติมากรรมทั้งสองแทน
ประติมากรรมน้ำแข็งสองตัวนี้ หนึ่งคือชายชราหลังค่อมเลเวล 8 อีกหนึ่งคือชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยอยู่ห่างจากเสิ่นรั่วหงเลย
ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ประติมากรรมน้ำแข็งทั้งสองนี้ ไม่ต่างจากตัวอื่นๆ ไม่หลงเหลือกลิ่นอายแห่งชีวิต
กระนั้น ซูเฉินพบจุดที่น่าสงสัย
นั่นคือประติมากรรมน้ำแข็งตนอื่นๆ จะมากจะน้อยมีชิ้นส่วนดรอปออกมา แต่มีเพียงทั้งสองร่างนี้เท่านั้นที่ยังไม่ดรอปชิ้นส่วน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น แบ่งได้เป็นสองกรณี
กรณีแรก มีโอกาสที่ชิ้นส่วนไม่ดรอปเลย
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์นี้มีน้อยมาก
เพราะเมื่อเลเวลยิ่งสูง โอกาสดรอปชิ้นส่วนก็จะยิ่งมากขึ้น แล้วอีกอย่างจำนวนต้องไม่ใช่น้อยๆ
ขณะที่ชายชราหลังค่อมเป็นถึงเลเวล 8 แล้วจะไม่ดรอปชิ้นส่วนได้อย่างไร?
กรณีที่สองก็คือ ทั้งสองคนนี้ใช้กลวิธีพิเศษในการกลบซ่อนกลิ่นอาย มองผิวเผินอาจเหมือนตายไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงพวกเขายังมีชีวิตอยู่
ซูเฉินรู้สึกว่าความเป็นไปได้ในกรณีที่สองมีสูงมาก เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เขาชกไปทางชายวัยกลางคน
บังเกิดเสียงระเบิดดังรุนแรง เห็นแค่เพียงชายวัยกลางคนร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ ตามมาติดๆด้วยรังสีแสงสีแดงพุ่งวูบออกมาจากมัน พุ่งหายไปไกลอย่างรวดเร็ว
“หนอนโหลิต!”
ดวงตาของซูเฉินเย็นเยียบ กวาดพลังจิตออกไปพันธนาการหนอนโลหิตเอาไว้
“ผู้อาวุโสโปรดไว้ชีวิต!”
เมื่อตระหนักว่าตนเองขยับไม่ได้ หนอนโลหิตกรีดร้องด้วยความสยดสยอง
“หนอนโลหิตขั้น 6 ดูเหมือนว่าจ้าวหุบเขาวิญญาณอสรพิษจะถูกแกควบคุม”
ซูเฉินพึมพำ สังหารหนอนโลหิตอย่างไร้ปรานี
จากนั้น เขากวาดสายตาไปยังชายชราหลังค่อม กล่าวหยอกเย้าว่า “แล้วแกเล่า? ยังจะแกล้งเล่นละครไปอีกนานแค่ไหน?”
กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก ..!
สิ้นเสียงซูเฉิน ก้อนน้ำแข็งบนร่างของชายชราหลังค่อมแตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ชายชราไม่ได้เลือกที่จะหลบหนี ทั้งยังไม่โจมตีซูเฉิน แต่กลับคุกเข่าลงแทน เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
“ผู้อาวุโส ข้าขอยอมจำนนต่อท่าน ได้โปรดอย่าสังหารข้า!”
ซูเฉินปาดจมูกเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แกมาจากเผ่าพันธุ์ไหน? แล้วชื่ออะไร?”
ชายชราหลังค่อมตอบกลับทันทีว่า “ผู้อาวุโส ข้าชื่อโม่หรง มาจากเผ่าวิญญาณ”