637-638
1/10
Ep.637
“องค์หญิง ตามเขาไปกันเถอะ”
อาวุโสหยูฉีส่งสายตาให้เยว่หลิง
เยว่หลิงลังเลเล็กน้อย สุดท้ายทำตามอาวุโสหยู ไล่ตามซูเฉินไป
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองจากไป ก็ปรากฏผู้หญิงสองคนจากเผ่าเอลฟ์เดินออกมาจากห้อง VIP หมายเลข 3
อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังมีหน้าตาเหมือนกับเยว่หลิงไม่ผิดเพี้ยน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ ดวงตาของเธอมีแต่ความโหดเหี้ยม ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับแววตาที่สดใสของเยว่หลิง
“องค์หญิงอวี้ชิง พวกเราควรตามไปดีหรือไม่?” หญิงชราเอลฟ์ที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นเหมือนต้นไม้เฉาข้างกายเธอ เอ่ยถามเสียงกระซิบ
“อาวุโสหยูหลง ข้ารู้สึกว่ามนุษย์ผู้นั้นไม่ธรรมดา ดูเหมือนเขาไม่น่าจะอยู่แค่ในขั้น 5 เท่าที่แสดงออกมา” อวี้ชิงพึมพำ
อาวุโสหยูหลงกล่าวเสียงหยันว่า “แล้วยังไง? ดูเขาสิ อายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ มากสุดสมควรอยู่ในขั้น 6 เรื่องนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเลย”
อวี้ชิงพยักหน้าเล็กน้อย แสยะยิ้มเย็น “อาวุโสหยูหลงพูดถูก ไม่ว่ายังไงต้องหยุดเขาไม่ให้มอบไข่มุกวิญญาณแก่เยว่หลิง ถ้าเขายังพอฉลาดอยู่บ้าง พวกเราก็แค่จัดการฆ่าให้ตายอย่างไม่ต้องทรมาน”
อวี้ชิงกับอาวุโสหยูมีความเห็นตรงกัน ก้าวออกไปจากงานประมูลอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันนั้นเอง ชายวัยกลางคนสองคนก้าวออกมาจากห้อง VIP หมายเลข 1 ทั้งสองกระซิบกระซาบกันหลายคำ เร่งออกจากงานประมูลตามไปติดๆ
…
หลังจากซูเฉินเดินออกมานอกตึกประมูล เขารู้สึกได้ว่ามีดวงตาหลายคู่กำลังจ้องมองมา
เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร นี่คงเพราะระดับฐานฝึกตนของเขาไม่สูงนัก จึงเริ่มดึงดูดความสนใจจากผู้คน เกิดแรงจูงใจที่จะปล้นเขา
‘ช่างไม่รู้จักที่ตาย!’
ซูเฉินยิ้มเยาะในใจ เร่งความเร็วขึ้นอย่างไร้เหตุผล มุ่งหน้าออกจากเมือง
ในเมืองมีทั้งผู้คนและสายตาพลุกพล่าน ไม่สะดวกที่จะลงมือ จะดีกว่าหากหาที่รกร้างนอกเมือง แล้วสังหารพวกมันทั้งหมด
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเฉินปรากฏตัวในป่าเล็กห่างจากเมืองหยานจื่อกว่า 20 ไมล์
“เสี่ยวจือ ตรวจสอบให้ที ว่ามีตามฉันมากี่คน”
อย่างแรกที่ทำ ซูเฉินเปิดถุงเก็บของ เอ่ยถาม [รถศึกอัจฉริยะ]
“เจ้านาย มีทั้งสิ้นสิบกลุ่มกำลังมุ่งมาทางนี้ อีกทั้งระดับฐานฝึกตนของพวกเขาไม่ได้ต่ำต้อยเลย ในบรรดาคนเหล่านั้น มีผู้ฝึกตนเลเวล 8 อยู่สามคน” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบอย่างรวดเร็ว
“เยอะขนาดนั้นเชียว?”
ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้กังวลเรื่องความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เพราะต่อให้มาจะยกโขยงกันมามากเพียงใด เขายังคงมั่นใจว่าจะสามารถสังหารทั้งหมดได้
สิ่งที่เขากังวลคือ คิดตีงู ต้องอย่าแหวกหญ้าให้มันตื่น เพราะท่ามกลางศัตรูนับสิบนี้ ต้องมีผู้ครอบครองสัตว์จำแลงอยู่ในนั้นแน่
และหากกำลังรบของซูเฉินถูกเปิดเผยออกมา เกรงว่าอาจทำให้มันกลัว และหลบหนีไปได้
ขณะที่ซูเฉินกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนขึ้น “เจ้านาย มีกลุ่มนึงมาถึงแล้ว!”
ซูเฉินหมุนตัว กวาดมองไปเบื้องหลัง เห็นแค่เพียงชายสี่คนที่มีปีกสีขาวร่อนลงจากฟากฟ้า กระจายปิดล้อมเขาเหมือนนัดแนะกันมาอย่างดี
“เผ่าวิหคเหิน?”
ซูเฉินเลิกคิ้ว เมื่อตอนอยู่บนเกาะเฉียนหยูในเขตหยูหลิน เขาได้สังหารคนของเผ่าวิหคเหินไปไม่น้อย และเนื่องจากลักษณะของพวกมันค่อนข้างเด่นชัด เขาเลยจดจำได้ในแวบแรกที่เห็น
“ฮี่ ฮี่ .. เด็กน้อย ในเมื่อรู้ว่าพวกเรามาจากเผ่าวิหคเหินก็ดี ถ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าง จงมอบของออกมา แล้วพวกเราสัญญาว่าจะเหลือศพเจ้าทิ้งไว้ให้ผู้อื่นดูต่างหน้า!”
คนเผ่าวิหคเหินกวาดมองซูเฉินด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
ซูเฉินตรวจสอบการเหนี่ยวนำของลูกปัดในถุงเก็บของ หลังจากพบว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เขาก็รู้ว่าพวกเผ่าวิหคเหินทั้งสี่ ไม่มีสัตว์จำแลง
ทว่าแม้ไม่มีสัตว์จำแลง แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ซูเฉินจะยอมปล่อยพวกมันไป
มุมปากของซูเฉินโค้งงอเล็กน้อย ระเบิดพลังจิตออกมา กวาดไปทางเผ่าวิหคเหินทั้งสี่ทันที
2/10
Ep.638
“พลังจิตแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!”
“ผู้อาวุโส … ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”
ผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเผ่าวิหคเหิน มีเลเวลอยู่แค่ 6 เท่านั้น เมื่อต้องเผชิญกับพลังจิตของซูเฉินซึ่งเทียบเท่าได้เลยกับเลเวล 8 ก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อต้าน
ณ จุดนี้ ต่างคนต่างหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ ร้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากซูเฉินไม่หยุด
ซูเฉินไม่หวั่นไหว ควบคุมพลังจิตเข้าบดขยี้ ได้ยินเพียงเสียงระเบิดรุนแรงสี่ครั้ง เผ่าวิหคเหินทั้งสี่ตัวแตก แขนขากระเด็นไปทุกทิศทาง กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
ขณะเดียวกัน ประกายวาววับของชิ้นส่วนสะท้อนแสงเข้ามาในสายตาเขา
ซูเฉินเพิ่งเก็บชิ้นส่วน ก็เห็นเงาสิ่งมีชีวิตวูบไหวอยู่ในป่า ผู้มาเยือนอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา
ครั้งนี้มิใช่ใครอื่น เป็นหลิงเยว่และหยูฉี ที่ต้องการแลกเปลี่ยนไข่มุกวิญญาณกับเขาในงานประมูลครั้งก่อน
“พวกแกสองตัวเองก็แส่หาที่ตายกับเขาด้วยหรือ?”
เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใคร สีหน้าของซูเฉินกลายเป็นมืดมนและเย็นชา
“สหาย พวกเรามาดี ข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับเจ้าจริงๆ”
เห็นสีหน้าท่าทีของซูเฉินแสดงออกถึงความไร้ปรานี เยว่หลิงรีบอธิบาย
“ไสหัวไป!”
ซูเฉินตะโกน ไล่แขกอย่างไร้เยื่อใย
หากไม่ใช่เพราะมีผู้ครอบครองสัตว์จำแลงอยู่ใกล้ๆ และกังวลเรื่องที่อาจเปิดเผยความแข็งแกร่งของตัวเองจนอีกฝ่ายเกิดกลัวแล้วหนีไป เขาคงไม่เปิดโอกาสให้เยว่หลิงพูด
เยว่หลิงตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้างดงามของเธอซีดเผือด
มุมปากของอาวุโสหยูฉีสั่นเทาด้วยความโกรธ กวาดสายตาที่สามารถหักแขนป่นกระดูกไปทางซูเฉิน กล่าวเสียงหม่นว่า “มนุษย์ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ แต่โลกภายนอก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เจ้าไม่คิดว่าตัวเองบ้าบิ่นเกินไปหน่อยหรือ?”
ได้ยินแบบนั้น ซูเฉินหรี่ตาลง มองไปทางอาวุโสหยูฉี
“อึก ..!”
สบตาเข้ากับซูเฉินเพียงเสี้ยวเดียว อาวุโสหยูฉีรับรู้ได้ถึงจิตสังหารอันเย็นเยือกโจมตีไปทั่วร่างกายเธอ กระทั่งระดับฝึกตนขั้น 7 อย่างเธอ ยังต้องใจสั่น อดกลืนน้ำลายไม่ได้
เยว่หลิงเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี กล่าวด้วยความกังวล “ไข่มุกวิญญาณมีไว้เพื่อช่วยให้สัตว์อสูรสายโลหิตปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใช่หรือไม่? อย่างไรก็ตาม แม้ฟังดูดีแต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะปลุกพลังสำเร็จ … แต่ข้ามีบางอย่างอยู่ในมือ ซึ่งสามารถรับประกันว่าปลุกพลังได้ และจะขอใช้สิ่งนั้นแลกเปลี่ยนกับเจ้า”
“หือ?”
ซูเฉินที่ตั้งท่ากำลังจะโจมตีต้องชะงักไป กวาดสายตาสำรวจเยว่หลิงอีกครั้ง เอ่ยเสียงเบาราวกระซิบว่า “นี่แกพูดจริงหรือ? ถ้าแกกล้าโกหก ก็อย่าตำหนิว่าฉันไร้ปรานี!”
เป็นอย่างที่เยว่หลิงกล่าว ไข่มุกวิญญาณไม่สามารถช่วยปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ของ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ได้ 100% จริงๆ ต่อให้มีไข่มุกวิญญาณสองลูกก็ไม่แน่ว่าจะทำได้
ทว่าหากบางสิ่งบางอย่างในตัวเยว่หลิงสามารถรับประกันว่าจะปลุกพลัง แน่นอนว่ามันสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้
“ข้ามีศิลาจิตโลหิต มูลค่าของมันเหนือกว่าไข่มุกวิญญาณของเจ้าอย่างเทียบไม่ติด สิ่งนี้น่าจะพอใช้แลกเปลี่ยนกับเจ้าได้” เยว่หลิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าซูเฉินรู้จักศิลาจิตโลหิตหรือไม่
“ศิลาจิตโลหิต?”
ซูเฉินทวนชื่อ เปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] อย่างเงียบๆ สื่อสารกับหงส์เพลิงผ่านทางความคิดของเขา
“เสี่ยวเหยียน นายรู้จักศิลาจิตโลหิตไหม?”
“เจ้านาย ศิลาจิตโลหิตคือศิลาวิญญาณชนิดหนึ่งที่มีค่ามากในโลก!” หงส์เพลิงกล่าวอย่างตื่นเต้น
การแสดงออกของซูเฉินเริ่มตื่นตัว กล่าวว่า “ศิลาจิตโลหิตสามารถช่วยเสี่ยวจินปลุพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ใช่ไหม?”
“ต่อให้เป็นขยะแต่ก็ยังสามารถใช้ปลุกพลังได้ หากเจ้ายุงตัวใหญ่ปลุกพลังไม่ได้จริงๆ เก็บไว้ก็ไร้ประโยชน์ เจ้านายฆ่ามันได้เลย” หงส์เพลิงกล่าวด้วยความั่นใจ
[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] ที่อยู่ข้างๆรู้สึกไม่พอใจมาก แต่มันระงับความโกรธเอาไว้ ไม่กล้าพูดอะไร
ได้รับคำตอบยืนยันจากหงส์เพลิง ซูเฉินปิด [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] หันไปหาเยว่หลิง แล้วพูดว่า “ฉันยอมแลกเปลี่ยนก็ได้ แต่ก่อนหน้านั้น มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”