161 - ความเป็นความตาย
161 - ความเป็นความตาย
เอี๋ยนรุ่ยหยูสังเกตเห็นว่าเย่ฟ่านและโลงหินไม่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกต่อไปแล้ว นางไม่มีความสุขและเพียงแค่ถอนหายใจ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
สุดท้ายก็มีคนมากมายต้องเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้
นอกจากร่างกายที่ไม่อาจหยั่งรู้ของจี้ฮ่าวเยว่แล้ว นางกังวลมากที่สุดเกี่ยวกับยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งยังคงอยู่บนท้องฟ้า
คนสามคนนี้จะทำหน้าที่ปกป้องจี้ฮ่าวเยว่อย่างแน่นอน ขณะที่พวกเขาให้ความสนใจกับการต่อสู้อย่างใกล้ชิด มันทำให้นางรู้สึกกดดันอย่างมาก .
เอี๋ยนรุ่ยหยูหลั่งน้ำตาออกมาเบาๆ นางหันหน้ากลับไปมองยอดฝีมือของเผ่าอสูรที่เหลืออยู่และกล่าวด้วยความเศร้าโศกว่า
“ข้าขอโทษ!”
“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อพวกเราอีกต่อไป ดูแลตัวเองด้วย!”
ผู้ฝึกตนของเผ่าอสูรตะโกน พวกนางรู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายและคงเป็นการยากที่จะหนีจากการเข่นฆ่าที่จะมาถึงได้
ในช่วงเวลานี้ ทุกคนต่างก็รีบบุกเข้าหายอดฝีมือของของตระกูลจี้อย่างบ้าคลั่งโดยพยายามเปิดเส้นทางหลบหนีให้กับเอี๋ยนรุ่ยหยู
สายตาของเอี๋ยนรุ่ยหยูกวาดผ่านแต่ละคนไป นางไม่ได้พูดอะไรอีกในขณะที่นางกลายเป็นรุ้งพุ่งไปที่ขอบฟ้า ในที่สุดนางก็หนีจากการล้อมได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามจี้ฮ่าวเยว่และยอดฝีมือทั้งสามยังคงไร่ตามนางไปอย่างไม่จบสิ้น
"ฆ่า!!!"
นี่เป็นการนองเลือดที่ผู้ฝึกตนจากเผ่าอสูรถูกสังหารอย่างต่อเนื่องแทบจะไปเดียวเท่านั้น
เอี๋ยนรุ่ยหยูสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถหลบเลี่ยงจี้ฮ่าวเยว่ที่ติดตามอยู่ข้างหลังได้
สำหรับยอดฝีมือที่น่ากลัวทั้งสามพวกเขาเป็นผู้พิทักษ์ของจี้ฮ่าวเยว่และติดตามเขาอย่างใกล้ชิด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรแต่ระดับฝีมือของพวกเขาต้องเหนือกว่าจี้ฮ่าวเยว่อย่างแน่นอน
ในตอนนี้เย่ฟ่านได้หลบหนีไปหลายร้อยลี้แล้ว เขาได้รับการคุ้มครองโดยหญิงชราหลายคน พวกเขาสามารถหลบหนีจากการล้อมปราบได้อย่างปลอดภัย
ในตอนนี้เป็นการยากสำหรับเขาที่จะรักษาความสงบไว้ได้ พระจันทร์ที่ส่องแสงเหนือทะเล ดอกบัวสีทองภายในทะเลแห่งความทุกข์
การได้เห็นพวกมันเป็นการส่วนตัวทำให้เขารู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับสูงกว่า ตอนนี้เขามีเพียงหนึ่งความคิดคือการแข็งแกร่งขึ้นและประสบความสำเร็จในการฝึกฝนร่างกายศักดิ์สิทธิ์โบราณของเขา!
สำหรับกระจกโบราณและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอสูร พวกมันต่างก็น่าตกตะลึงพอๆกัน ตามคำกล่าวของหญิงชรา คนทั้งสองสามารถใช้พลังของอาวุธได้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น มันช่างน่าเหลือเชื่อมาก
“ข้าสงสัยจริงๆว่าทำไมพวกเจ้าถึงปกป้องเด็กหนุ่มของเผ่าพันธุ์มนุษย์แม้ว่าจะสูญเสียผู้คนไปมากมายแต่พวกเจ้าก็ไม่ทิ้งเขาไว้ด้านหลัง”
ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนหวานราวกับระฆังเงินก็ดังขึ้น ข้างหน้ามีหญิงสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีซึ่งนำยอดฝีมือหลายคนมาปิดกั้นทางออก
หญิงสาวคนนี้แต่งกายด้วยชุดสีม่วง นางมีใบหน้าที่งดงามและมีรอยยิ้มเจ้าชู้ขี้เล่น ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆเมื่อมองเห็นใบหน้าที่น่ารักของเย่ฟ่านนางก็หัวเราะออกมาเบาๆ
หญิงชราสองสามคนของเผ่าอสูรขมวดคิ้ว จี้ฮ่าวเยว่เป็นชายหนุ่มที่องอาจสง่างาม และใบหน้าของเขามีความคล้ายคลึงกับหญิงสาวคนนี้เป็นอย่างมาก
หญิงสาวในชุดสีม่วงนั้นงดงามเป็นพิเศษ ดวงตาของนางกลมโตและขนตาของนางก็งอนยาว นางมีบรรยากาศที่ชวนให้ผู้คนเกิดความหลงใหลพร้อมทั้งความมีชีวิตชีวาและซุกซน
“มอบเด็กคนนั้นให้ข้า ข้าต้องการเห็นความพิเศษของเขา”
หญิงสาวที่สวมชุดสีม่วงหัวเราะอย่างเขินอาย มีรอยลักยิ้มสองตัวบนใบหน้าของนางขณะที่นางหรี่ตาลงดวงตาของนางก็กลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
หญิงชราสี่คนของเผ่าอสูรไม่คิดจะสนทนากับนาง ทุกคนต่างก็ทุ่มเทพลังทั้งหมดของตัวเองออกมาเพื่อทำการเปิดเส้นทางในการหลบหนี
“ไม่ต้องฆ่าพวกมัน แค่จับพวกมันทั้งเป็น……”
หญิงสาวชุดม่วงหัวเราะเบาๆ
หญิงชราสองสามคนของเผ่าอสูรถอนหายใจ พวกนางรู้ว่าไม่มีความหวังในชัยชนะ หากพวกเขายังต่อสู้ต่อไป พวกเขาจะตายโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้
ทันใดนั้นคนทั้งสี่ทำการจุดเปลวเพลิงในทะเลแห่งความทุกข์ของตัวเองขึ้น นี่เป็นการระเบิดระดับบ่มเพาะของตัวเองออกมาด้วยความโหดร้ายอย่างยิ่ง
พวกนางต่อสู้ต่อไปด้วยอาการบาดเจ็บนับไม่ถ้วนพร้อมกับเผาผลาญพลังชีวิตของตัวเองเพื่อเปิดทางหลบหนีโดยไม่สนใจว่าเย่ฟ่านจะสามารถเอาตัวรอดได้หรือไม่
ผู้อาวุโสทั้งเจ็ดต้องการไล่ตามแต่ถูกหญิงสาวในชุดสีม่วงขวางไว้ นางขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวว่า
“ลืมไปเถอะ ข้าไม่อยากเห็นเลือดของใคร เราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้ตั้งแต่แรก ให้ที่เหลือจัดการเอง”
เมื่อพูดอย่างนี้แล้วนางติดตามไปในทิศทางของเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นอะไร? ในฐานะมนุษย์ทำไมเจ้าถึงมาร่วมกับเผ่าอสูร?”
เย่ฟ่านยังคงมีความสงบนิ่ง เขาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับประสานมือและกล่าวว่า
“ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยชีวิตข้า ข้าเป็นผู้ฝึกฝนสัญจรไปมาและบังเอิญเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์อสูร จากนั้นข้าก็ถูกลักพาตัวไป โชคดีจริงๆที่ได้รับการช่วยเหลือจากทุกท่าน”
“โกหก!”
หญิงสาวสะบัดผมของนางก่อนจะยิ้มพร้อมกับจ้องมองไปยังเย่ฟ่านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขัน
“เจ้าเห็นได้ชัดว่าเป็นสหายกับพวกอสูร เจ้ากล้าโกหกข้าจริงๆ รีบบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้”
“เอ่อ เรื่องมันค่อนข้างยาว ข้าไม่มีทางเลือกอื่นดังนั้นจึงต้องอาศัยร่วมอยู่กับพวกนาง……”
เย่ฟ่านเริ่มสร้างเรื่องราว เขาไม่สามารถเปิดเผยหัวใจของจักรพรรดิอสูรได้ ถ้าเขาทำเช่นนั้นผู้คนที่นี่จะต้องเข้าถึงทะเลแห่งความทุกข์ของเขาเพื่อขโมยหัวใจศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
หญิงสาวชุดสีม่วงเดินไปข้างหน้าพร้อมกับบีบแก้มของเย่ฟ่านและหัวเราะด้วยเจตนาชั่วร้าย
“น้องชายคนนี้เจ้าเป็นคนขี้โกหกจริงๆ ถ้าไม่บอกความจริงออกมาระวังพี่สาวคนนี้จะทำโหดร้ายกับเจ้า”
หญิงสาวคนนี้ดูอายุแค่สิบเจ็ดถึงสิบแปดปี อายุที่แท้จริงของเย่ฟ่านเกินยี่สิบแล้วเมื่อถูกเรียกว่าน้องชายทำให้เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเล็กน้อย
“ทำไมไม่พูด”
ลักยิ้มบนแก้มซ้ายของนางปรากฏขึ้นมา ในขณะที่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสุขสันต์
“จริงๆแล้วข้าเป็นคนใจดีมาก แม้ว่าเจ้าจะโกหกต่อไปข้าก็ไม่ฆ่าเจ้า อย่างมากที่สุดข้าจะแกะสลักเต่าที่แก้มซ้ายของเจ้าและกบทางได้ขวา”
“ข้าไม่มีอะไรต้องปิดบังจริงๆ…….”
เย่ฟ่านพยายามชะลอเวลา โดยปล่อยให้ตัวเองคิดหาวิธีที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ปัจจุบัน เขาจำเป็นต้องจากไปโดยเร็วที่สุด
มีความลึกลับมากเกินไปในทะเลแห่งความทุกข์ของเขา และถ้าเขาต้องตกลงไปในมือของตระกูลจี้พวกมันทั้งหมดจะถูกเปิดเผยไม่ช้าก็เร็ว
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าดอกบัวสีทองพุ่งออกมาเป็นริ้วแสงเจิดจ้าและตอนนี้มันกำลังพุ่งมาหาเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว นี่คือเอี๋ยนรุ่ยหยู
เมื่อเห็นฉากตรงหน้านางก็โบกมือทันที ดอกบัวสีทองของนางบดขยี้เข้าหาผู้อาวุโสทั้งเจ็ดของตระกูลจี้ทำให้พวกเขาเสียชีวิตโดยไม่มีโอกาสต่อต้าน
อย่างไรก็ตามหญิงที่สวมชุดสีม่วงยังสามารถรอดชีวิตอยู่ นางปลิวกระเด็นไปด้านหลังพร้อมกับกระอักเลือดออกมามากมาย แสงสว่างอันเจิดจ้าปกคลุมร่างกายของนางไว้ทำให้พลังจากดอกบัวสีทองไม่สามารถสังหารนางได้ทันที
เอี๋ยนรุ่ยหยูมองไปยังเย่ฟ่านพร้อมกับกล่าวว่า
“ข้ากำลังถูกไล่ล่า ถ้าเจ้าเดินทางไปพร้อมกับข้าพวกเราจะตายทั้งคู่ เจ้าทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น”
เมื่อพูดเช่นนี้แล้วนางก็รีบหนีไปในระยะไกล แม้ว่านางจะเป็นทายาทของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อผ่านไปหลายหมื่นปี พลังของนางก็ยังห่างไกลจากลูกหลานเหล่านั้นในอดีต
นางทำได้เพียงเลือกที่จะหนีและหวังว่าจะได้พบยอดฝีมือที่แท้จริงของเผ่าอสูร
“แค่ก……”
ด้านล่างภายในหุบเขาที่แตกร้าว แสงไฟสว่างวาบและได้ยินหญิงสาวชุดม่วงบ่นพึมพำ
“หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบคนนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว”
ใบหน้าของนางซีดขณะที่นางกระอักเลือดออกมาอีกคำ ร่างกายของนางแกว่งไปแกว่งมาพร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ มีเพียงดวงตากลมโตเท่านั้นที่ยังคงสดใสอยู่
เย่ฟ่านรู้ดีถึงความสามารถของเอี๋ยนรุ่ยหยู ผู้อาวุโสของตระกูลจี้ไม่สามารถปิดกั้นพลังจากดอกบัวของนางได้แม้แต่ครั้งเดียว หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ตาย นั่นแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ของนางแล้ว
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่มุ่งเข้ามาทางนี้ นี่จะต้องเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งของตระกูลจี้อย่างแน่นอน