160 - ดอกบัวทองคำในทะเลแห่งความทุกข์
160 - ดอกบัวทองคำในทะเลแห่งความทุกข์
คลื่นพลังพุ่งสูงขึ้นภายในทะเลสีมรกต ดวงจันทร์ที่สว่างไสวบริสุทธิ์แขวนอยู่ในอากาศขณะที่มันหมุนไปอย่างอ่อนโยน แสงจันทร์นั้นอ่อนโยนเหมือนน้ำที่อาบชำระทุกสิ่งภายใต้แสงสลัว
“อ๊าาาา!”
ผู้ฝึกตนที่อยู่รายรอบๆของเผ่าอสูรเริ่มกรีดร้องอย่างน่าสังเวชก่อนจะสลายหายไป แม้ว่ามันจะจะเป็นคลื่นพลังเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต้านทานได้
พระจันทร์ที่สว่างไสวเหนือท้องทะเลซึ่งไม่ค่อยมีใครเห็นในโลกนี้ แม้แต่สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังก็ไม่สามารถต้านทาน
ไม่มีใครสามารถเทียบได้กับเขาและในการต่อสู้ที่วุ่นวาย ศพนับไม่ถ้วนจากเผ่าอสูรล้มลงกับพื้น ทุกสิ่งแสงจันทร์สว่างไสวสาดส่องไปถึงจะถูกทำลายทันที
*เอี๋ยนรุ่ยหยูตั้งรับ นางถูกแสงจันทร์ส่องประกายระยิบระยับกระแทกกลับไปด้านหลัง แสงที่บริสุทธิ์นั้นเหมือนกับหมอกบางๆที่ปกคลุมนาง
*(ตอนก่อนหน้านี้ใช้แซ่สวีแต่หลังจากตอนนี้ใช้แซ่เอี๋ยนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเปลี่ยนแต่ก็เอาตามต้นฉบับเลยนะครับ)
“ตงไห่!”
เอี๋ยนรุ่ยหยูคำรามอย่างเย็นชาเบื้องหลังนางคือฉากพิเศษ ทะเลและท้องฟ้าเป็นสีเดียวกัน ท้องฟ้าเป็นไพลิน คลื่นเหมือนกระจก ดอกบัวสีทองหลั่งไหลออกมาจากภายในทะเลแห่งความทุกข์
สายลมอ่อนโยนพัดผ่านมาภายในทะเลสีมรกตมีดอกบัวสีทองบานสะพรั่งและปลดปล่อยแก่นแท้แห่งชีวิตที่หนาแน่นเต็มไปด้วยรัศมีของมิติและกาลเวลา
ตระกูลจี้มียอดฝีมือมากมายในบริเวณโดยรอบ พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันทีดังนั้นรัศมีพลังอันน่ากลัวนี้จึงบดขยี้พวกเขาให้ตายก่อนที่จะรู้ตัวด้วยซ้ำ
รังสีอันอ่อนโยนจากดวงจันทร์ถูกดอกบัวสีทองบดบังจนหมดสิ้น แสงระยิบระยับพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง ขณะที่เอี๋ยนรุ่ยหยูยืนอยู่อย่างสงบภายในราวกับเทพธิดาจากสวรรค์
ดอกบัวสีทองภายในทะเลแห่งความทุกข์และพระจันทร์ที่เจิดจ้าเหนือทะเลเป็นฉากระดับเดียวกัน ฉากพิเศษที่ยอดฝีมือในอดีตโบราณมี มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝึกฝนพวกมันได้
การแสดงออกของจี้ฮ่าวเยว่เปลี่ยนไป เขาเดินผ่านอากาศพร้อมกับสะบัดมือเบาๆทำให้แสงศักดิ์สิทธิ์จากดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าพุ่งเข้าหาเอี๋ยนรุ่ยหยู
รังสีที่อ่อนโยนจากดวงจันทร์สามารถทำลายยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์อสูรได้อย่างง่ายดาย เมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงตกลงมาใครจะจินตนาการได้ว่ามันจะรุนแรงมากแค่ไหน
ร่างของเอี๋ยนรุ่ยหยูเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดอกบัวสีทองที่อยู่ข้างหลังนางแกว่งไกวเต็มไปด้วยความสั่นสะเทือนของชีวิตและพายุตลาดถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรุนแรงเข้าปะทะกับดวงจันทร์ในทันที
คนทั้งสองเปรียบเสมือนเทพที่เสด็จลงมายังโลก เสื้อผ้าของพวกเขาพลิ้วไสวจากคลื่นกระแทก แต่กระนั้นสีหน้าของพวกเขายังคงสงบนิ่งไร้อารมณ์ใดๆราวกับว่าพวกเขากำลังสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติ
แต่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างก็ถอยหลังกลับอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าศูนย์กลางของการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะสงบสุขแต่สภาพแวดล้อมก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายและอันตราย
แสงจันทร์ที่พร่ามัวกระทบกับแสงสีทองที่ดอกบัวปล่อยออกมา พวกมันพุ่งไปทั่วทุกทิศราวกับคลื่น ไม่มีอะไรมาขวางทางของพวกมันได้
ในขณะที่ทุกคนต่างก็ตะเกียกตะกายหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีไปซะหมด มีคนมากมายที่หนีไม่ทันและพวกเขากรีดร้องด้วยความหวาดกลัวก่อนที่ร่างกายจะสูญสลาย
สิ่งเหล่านี้เป็นความสามารถเฉพาะตัวของผู้ที่มีกงล้อแห่งทะเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้ฝึกตนธรรมดาไม่สามารถต้านทานมันได้!
ดวงตาของจี้ฮ่าวเยว่ดูเหมือนจะแผดเผาด้วยแสงสีม่วง ทะเลมรกตที่อยู่ข้างหลังเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ไฟที่แท้จริงก็ปรากฏขึ้นเมื่อดวงจันทร์ที่สว่างไสวเริ่มหมุนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่โดยรอบถูกๆเข้ามารวมตัวกันกลายเป็นภาพที่น่ากลัวถึงขีดสุด
เอี๋ยนรุ่ยหยูยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง ร่างกายที่เหมือนหยกของนางถูกซ่อนอยู่ภายในดอกบัวสีทองพลังชีวิตอันมากมายมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาภายนอก
ท่านใดนั้นดอกบัวสีทองสว่างไสวก็พุ่งเข้าใส่ทะเลสีเขียวมรกตอย่างรุนแรง
ในช่วงเวลานี้ทั่วทั้งภูมิภาคสั่นสะท้าน ดวงจันทร์เคลื่อนลงมาจากท้องฟ้าขณะที่ดอกบัวสีทองดูเหมือนจะแทงทะลุจักรวาล
ทุกคนที่เห็นจากนี้ต่างก็ถอยกลับอย่างรวดเร็วและผู้ฝึกตนจำนวนน้อยจากเผ่าพันธุ์อสูรก็สามารถหลบหนีการล้อมปราบระหว่างความโกลาหลได้สำเร็จ
ในเวลาต่อมาภายในศูนย์กลางของการปะทะกัน ดวงจันทร์ที่เจิดจ้าแตกเป็นเสี่ยงๆขณะที่ดอกบัวสีทองก็เหี่ยวแห้ง แอ่งน้ำอันกว้างใหญ่ถูกทำลายลงเผยให้เห็นฉากอันน่าสยดสยอง
“บูม! บูม! บูม!”
ไม่ว่าทุกคนจะถอยกลับเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าแสง มีคนจำนวนมากคลื่นกระแทกจากการปะทะกันบดขยี้ร่างกายจนแหลกละเอียดเหลือเพียงซากศพที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งไว้บนพื้น
ที่ใจกลางของการต่อสู้ เมื่อทุกอย่างสงบลงเสื้อผ้าสีม่วงของจี้ฮ่าวเยว่ที่องอาจสง่างามก็มีสภาพยับเยินคล้ายกับขอทานหนุ่ม ในทางกลับกันเอี๋ยนรุ่ยหยูดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรและตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็จ้องหน้ากันโดยไม่ได้ขยับไปไหน
“ฝ่าบาท หนีไป! อย่ามัวแต่ถ่วงเวลาให้เรา!”
หญิงชราสามคนตะโกนด้วยความตื่นตระหนกและส่งสมบัติทางจิตวิญญาณของพวกนางออกไปพร้อมกับปิดกั้นร่างกายของเอี๋ยนรุ่ยหยูโดยหวังว่าจะพานางหนีไปในช่วงที่เกิดความวุ่นวายนี้
ในขณะนั้นยอดฝีมือของตระกูลจี้ห้าคนก็ส่งอาวุธออกไปช่วยปกป้องจี้ฮ่าวเยว่ พวกเขาปกป้องร่างศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลอย่างประหม่าราวกับสมบัติล้ำค่า ไม่มีข้อผิดพลาดใดที่จะยอมรับได้
“พวกเจ้าออกไป!”
เอี๋ยนรุ่ยหยูอุทานและบังคับให้หญิงชราสามคนถอยกลับอย่างรวดเร็ว
“บูม!”
เหนือจี้ฮ่าวเยว่กระจกโบราณค่อยๆเคลื่อนลงมาอย่างช้าๆ เมื่อมันส่งลำแสงแห่งพลังปฐมแห่งความโกลาหลก็ปะทุออกมาพร้อมกับบดขยี้ยอดฝีมือทั้งสามของเผ่าพันธุ์อสูรในทันที
แม้ว่าจะแยกจากกันเป็นระยะทางไกลคนทั้งสามสลายตัวทันที กลายเป็นหมอกสีเลือดโดยไม่มีอะไรหลงเหลือแม้แต่น้อย
พลังของกระจกโบราณช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน!
เอี๋ยนรุ่ยหยูล้มเหลวในการปกป้องผู้อาวุโสของเผ่าพันธ์ แสงศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างหยกของนางก็ถูกปลดปล่อยออกมาเป็นการตอบโต้ยอดฝีมือจากตระกูลจี้
“ชิ! จิ! ชิ!”
ยอดฝีมือห้าคนจากตระกูลจี้ได้รับการปกป้องจากกระจกทองแดงแต่ยังมีแสงสีทองเล็กน้อยที่เล็ดลอดเข้ามาได้และพวกเขาก็ถูกสังหารแทบจะในทันที
ในระยะไกลผู้อาวุโสสามคนของตระกูลจี้ที่มีผมสีขาวพลิ้วไหวและรัศมีแห่งความเป็นอมตะล้อมรอบร่างกายก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอสูรนั้นช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
ตระกูลจี้มีภูมิหลังที่ลึกซึ้งและพลังของกระจกโบราณนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่อาวุธธรรมดาสามารถเปรียบเทียบได้ แท้จริงแล้วมันเป็นเคยเป็นอาวุธประจำตัวของปรมาจารย์คนแรกของตระกูลจี้ ว่ากันว่ามันถูกส่งต่อๆกันมาหลายหมื่นปีแล้ว
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกำมือของเอี๋ยนรุ่ยหยูก็มีภูมิหลังที่น่าอัศจรรย์เช่นกัน มันคืออาวุธของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูร ไม่จำเป็นต้องสงสัยถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของมัน
ภายในแดนรกร้างตะวันออกทั้งหมด นอกจากเจดีย์รกร้างและสมบัติที่มีสถานะใกล้เคียงกัน กระจกโบราณและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน
ในขั้นต้นพวกเขาทั้งคู่ยังคงลังเลที่จะใช้อาวุธโบราณพวกนี้เพราะพวกเขากลัวผลลัพธ์ที่รุนแรงเมื่ออาวุธทั้งชิ้นชิ้นปะทะกัน
กระจกทองแดงเรียบง่ายและไม่มีการตกแต่ง มันถูกแกะสลักด้วยจารึกลึกลับและลึกซึ้งที่ให้ความรู้สึกของการผสมผสานระหว่างเต๋าและเส้นทางทำให้เกิดพลังปฐมแห่งความโกลาหลที่ท่วมท้น
ในขณะนี้กระจกโบราณรวมกับดวงจันทร์ที่สว่างไสวของจี้ฮ่าวเยว่ วัตถุทั้งสองลอยอยู่บนท้องฟ้ามีอำนาจน่ากลัวอย่างถึงที่สุดสามารถบดขยี้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดินแดนได้
ในขณะเดียวกันเอี๋ยนรุ่ยหยูก็เป็นเหมือนเทพธิดาท่ามกลางหมู่เมฆ ตาข่ายที่สร้างจากดอกบัวสีทองปลุกคลุมร่างกายของนางไว้ทั้งหมดทำให้ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิอสูรออกได้
ในช่วงเวลานี้ผมยาวของนางพลิ้วไหวและดวงตาที่เศร้าโศกของนางดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ดอกบัวสีทองที่ล้อมรอบนางบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อปะทะกับกระจกโบราณอีกครั้ง
หลังจากเวลาผ่านไปนาน คนสองคนที่อยู่ตรงกลางการต่อสู้ก็สั่นสะท้านขณะที่พวกเขาถอยกลับอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างในบริเวณใกล้เคียงกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างไร้เสียงเหมือนหิมะละลายหายไปในพริบตา
ฉากที่น่าสยดสยองนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกหนาวในหัวใจ หากพวกเขาไม่ถอยไปยังพื้นที่ปลอดภัยจะไม่มีใครสามารถอยู่รอดได้