ตอนที่แล้วKill the Dragons ตอนที่ 8 : เด็กพลังจิต (8)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปKill the Dragons ตอนที่ 10 : เด็กพลังจิต (10)

Kill the Dragons ตอนที่ 9 : เด็กพลังจิต (9)


อาจารย์เว่ยสอนเฉพาะเด็กที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ คนที่เหลือต่างแยกย้ายกันไปฝึกซ้อมด้วยตัวเอง

นักเรียนทุกคนดูสนุกและมีไฟในการฝึกซ้อมเต็มเปี่ยม คงมีเด็กผู้ชายน้อยคนนักที่ไม่ชอบเล่นกับอาวุธแบบนี้ ยิ่งเมื่อเทียบกับคลาสฝึกความอดทนแล้ว การฝึกใช้อาวุธน่าสนใจกว่าเป็นไหน ๆ

“อาวุธขั้นพื้นฐานที่เราใช้ต่อกรกับมังกรจะเป็นอาวุธประชิด มันสามารถบรรจุพลังจิตไว้ได้ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในมือเรา แต่เมื่อใดก็ตามที่อาวุธหลุดออกจากมือ พลังจิตที่บรรจุไว้จะหายไปกลายเป็นเพียงอาวุธธรรมดา”

อาจารย์เว่ยอธิบาย

“ไซเกอร์ที่เชี่ยวชาญการใช้พลังจิตระยะไกลอาจมีระยะโจมตีได้ถึง 30-40 เมตร แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าการโจมตีระยะประชิด วิธีเดียวที่จะสยบมังกรได้คือต้องแทงอาวุธเข้าไปที่หัวหรือหัวใจของมันพร้อมทั้งระเบิดพลังจิตไปด้วย ไซเกอร์ที่ทำหน้าที่นี้เรียกว่า สไตรค์เกอร์”

เด็ก ๆ นั่งฟังด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก เรื่องราวของสไตรค์เกอร์และหน้าที่ในการสังหารมังกรช่างน่าตื่นเต้นเหมือนเรื่องราวของฮีโร่ในสงคราม

“วันนี้ให้พวกเธอลองหาอาวุธที่เหมาะมือดู แล้วเดี๋ยวครูจะช่วยดูให้เป็นรายคน”

อาจารย์เว่ยมักพูดด้วยท่าทางสุขุมชัดเจนและเข้าใจง่าย แต่น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเหมือนขาดน้ำ เขาเข้าไปคุยกับเด็กใหม่ทีละคนแล้วแนะนำอาวุธพร้อมทั้งอธิบายข้อดีข้อเสียของอาวุธแต่ละชนิดให้เด็ก ๆ ฟัง

ในหมู่ครูฝึก อาจารย์เว่ยน่าจะเป็นคนที่อัธยาศัยดีที่สุดแล้ว

อีฮันสังเกตอาวุธที่เรียงรายบนกำแพง

‘ส่วนใหญ่เป็นดาบหรือไม่ก็หอก’

เพราะว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้อาวุธที่เจาะทะลวงร่างกายของมังกรได้ อาวุธทื่อ ๆ อย่างขวานคงไม่ค่อยเหมาะนักสำหรับไซเกอร์

“เลือกอาวุธได้หรือยังล่ะ” อาจารย์เว่ยเข้าหาอีฮันก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่เขาไม่เคยได้ยินจากครูฝึกคนอื่น

“ยังเลยครับ”

“เธอมาจากเกาหลีสินะ ครูเคยไปที่นั่นหลายครั้งอยู่เหมือนกัน” เขาชวนคุยอย่างคนอัธยาศัยดี “ถ้าเลือกไม่ได้ว่าจะใช้หอกหรือดาบ ลองวิธีนี้ไหมล่ะ”

อาจารย์เว่ยชี้ไปที่กระสอบทราย

“ครับ?”

“ใช้พลังทั้งหมดที่เธอมีชกกระสอบทรายนั่นสิ”

อีฮันไม่เข้าใจมากนัก แต่ก็ทำตามคำแนะนำของอาจารย์เว่ย เขาเข้าประจำที่แล้วปล่อยหมัดออกไป

อาจารย์เว่ยมองท่าทางของอีฮันแล้ววิเคราะห์

ผ่านไปไม่นาน หน้าและแขนของอีฮันก็เต็มไปด้วยเหงื่อไหลพราก กำปั้นของเขาเริ่มชา ส่วนข้อมือก็เจ็บแปลบ เขาหันมองอาจารย์แล้วหยุดถาม “แค่นี้พอหรือยังครับ”

อาจารย์เว่ยพยักหน้าแทนคำตอบ

“วิธีนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรอกนะ เรียกว่าเป็นความเชื่อของครูล้วน ๆ เลยก็ว่าได้”

อีฮันสะดุดกึกกับคำพูดของอาจารย์เว่ย เหมือนเขาเจ็บตัวฟรีอย่างไรอย่างนั้น

"ครูดูจากท่าทางการเคลื่อนไหวและวิธีปล่อยหมัดของเธอ เธอเป็นประเภทโจมตีตรง ๆ ลองใช้หอกดูสิ”

พูดจบอาจารย์เว่ยก็โยนหอกขนาดพอดีตัวให้อีฮัน เขาสอนท่าและเทคนิคเบื้องต้นในการใช้หอกให้ก่อนจะปลีกตัวไปหานักเรียนคนอื่นต่อ

อีฮันตัดสินใจที่จะเชื่ออาจารย์เว่ย เขาฝึกท่าพื้นฐานที่เรียนรู้มาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคล่องแคล่วเป็นธรรมชาติเหมือนเป็นอีกอวัยวะหนึ่งในร่างกาย

ฟึ่บ!

อากาศไหลผ่านหอกที่พริ้วไหวเกิดเป็นเสียงอันน่าภิรมย์ อีฮันชอบเสียงกระทบของอาวุธกับลม และหลงไหลการเล่นกับอาวุธไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ๆ แถมยังเรียนรู้ได้ไวกว่าคนทั่วไปมาก

อีฮันใช้มือและร่างกายในการฉกฉวยและวิ่งหนีมาทั้งชีวิตก่อนเข้ามาอยู่ที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว

เวลาผ่านไปเพียงสองสัปดาห์ การเคลื่อนไหวของอีฮันก็เข้าตาอาจารย์เว่ย เขาโดดเด่นในหมู่เด็กใหม่และไม่หวาดหวั่นที่จะฝึกคู่กับคนที่เรียนใช้อาวุธมาเป็นเวลานานกว่า

‘ดูท่าเราจะได้เจ้าหนูที่มีพรสวรรค์ด้านการเคลื่อนไหวมาร่วมกองทัพแล้วสินะ’

อาจารย์เว่ยชื่นชมในใจระหว่างที่สังเกตการต่อสู้ระหว่างอีฮันกับนักเรียนอีกคนอยู่ไกล ๆ

เสียงดาบและหอกไม้ปะทะกันดังก๊อกแก๊กสลับกับเสียงลมหายใจหอบถี่ คู่ต่อสู้ของอีฮันเป็นนักเรียนตัวท๊อปของคลาส D ในวิชาการใช้อาวุธต่อสู้

“นั่นเขาหลบหรอ” นักเรียนที่มุงดูการต่อสู้พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น

อีฮันย่อตัวหลบการโจมตีได้ทันท่วงที การฝึกต่อสู้ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเร็วขึ้น

“หลบเก่งดีนี่ แต่นั่นแหละที่ฉันวางแผนไว้” คู่ต่อสู้ตะโกนลั่นแล้วกระโดดขึ้นเหนือหัวอีฮันพร้อมตั้งท่าเตะสวยงาม

อีฮันที่ก้มตัวอยู่ไม่มีที่ให้หลบอีกต่อไป เขาตัดสินใจยกหอกขึ้นมากัน

กึก!

หอกของอีฮันถูกเตะหลุดจากมือขึ้นไปลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ แต่ก่อนที่จะไกลเกินคว้า อีฮันก็ยื่นแขนซ้ายออกไปรับแล้วแทงสวนทันที

หอกไม้แทงลึกเข้าไปกลางลิ้นปี่ของคู่ต่อสู้

“อ่อก” เขาสำรอก “พอ– แค่ก ยอมแล้ว”

การต่อสู้จบลงพร้อมเสียงปรบมือดังสนั่นจากรอบด้าน

อาจารย์เว่ยที่ติดตามการต่อสู้มาตั้งแต่ต้นตะโกนเรียกอีฮันให้เข้าไปหา

“ครับอาจารย์”

อีฮันปาดเหงื่อที่อาบหน้าผากแล้วถาม อาจารย์เว่ยมองไปที่มือทั้งสองข้างของอีฮัน

“จังหวะโจมตีครั้งสุดท้าย เธอคว้าหอกด้วยมือซ้ายใช่ไหม” เขาเกริ่นถาม “แต่แทนที่จะเปลี่ยนกลับไปใช้มือขวา เธอกลับใช้มือซ้ายแทงหอกเข้าไปเลย ถึงจะไม่ใช่มือข้างที่ถนัดแต่ท่าทางดูแข็งแกร่งมาก หรือว่าเธอจะถนัดสองมืออย่างนั้นหรือ”

“ครับ แต่เดิมผมถนัดมือซ้าย แต่ที่บ้านเด็กกำพร้าสอนให้ผมใช้มือขวาแทน”

“อืม” อาจารย์เว่ยลูบคางคิด การถนัดสองมือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้ เพราะมันเอาไปสามารถสร้างกระบวนท่าที่ศัตรูคาดไม่ถึงได้

‘แต่ถึงยังไงก็ไม่ได้ฝึกไปสู้กับมนุษย์ คงไม่ได้เปรียบกว่าคนอื่นมากนักเมื่อต้องปะทะกับมังกร แต่ก็อาจจะมีประโยชน์ตอนจัดการกับพวกลูกสมุนไม่น้อย’

อาจารย์เว่ยคิด ก่อนจะให้คำแนะนำแก่อีฮัน

“การถนัดทั้งสองมือเป็นความสามารถที่ได้เปรียบมาก ถ้าเธอฝึกต่อไปมันอาจจะกลายเป็นทักษะที่มีประโยชน์ต่อตัวเธอเอง”

พวกเขาฝึกต่อไปจนหมดเวลา

***

อีฮันเรียนรู้ทุกวิชาได้อย่างรวดเร็วจนเพื่อนนักเรียนคลาส D ขอโน๊ตไปจดตาม ปัญหาเดียวของเขาคือวิชาที่เกี่ยวกับพลังจิต

อีฮันเป็นนักเรียนที่มีพัฒนาการด้านพลังจิตช้าที่สุดในคลาส

‘ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ’

วิชาควบคุมพลังจิตทำลายความมั่นคงในใจของเขามาก อีฮันได้อันดับรั้งท้ายมาตลอดแม้ว่าจะพยายามมากกว่าทุกคนและฝึกฝนเป็นสองเท่าของคนอื่น

หนึ่งเดือนผ่านไป เวลาสำหรับประกาศอันดับก็มาถึง

“อีฮัน” ครูฝึกขานชื่อ “อันดับ 12 ในคลาส D”

อาจารย์เว่ยเงยหน้ามองด้วยความฉงน

“อันดับ 12 ในคลาส D เนี่ยนะ? เป็นไปไม่ได้ ฉันให้คะแนนเขาเกือบเต็มแทบทุกวิชาเลยนะ”

“นั่นแหละเหตุผลที่เขายังได้ตั้งอันดับ 12 หมอนั่นได้ A ทุกวิชา ยกเว้นวิชาพลังจิต”

อาจารย์เว่ยอ่านข้อมูลของอีฮัน คิ้วขมวดเป็นโบว์

“ความคืบหน้าในการควบคุมพลังของเขาอยู่ที่โหล่งั้นหรอ”

“พลังเคลื่อนย้ายของเด็กนั่นห่วยสุด ๆ แม้แต่กระดาษใบเดียวยังทำให้กระดิกไม่ได้สักนิด ถ้าเกรดวิชาอื่น ๆ ไม่ดีด้วยเขาคงถูกเตะออกไปตั้งนานแล้ว มีคุณสมบัติทุกอย่างที่เหมาะจะเป็นทหาร ขาดอย่างเดียวคือพลังจิต”

"เฮ้อ ดันมาขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดแบบนี้ อนาคตเขาคงมืดมนจนหาทางออกไม่เจอเลยล่ะ”

อาจารย์เว่ยสอนการใช้อาวุธต่อสู้เป็นหลักจึงไม่รู้เรื่องที่อีฮันติดปัญหาด้านพลังจิตเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของลูกศิษย์คนโปรดย่ำแย่ขนาดไหน

‘พระเจ้าช่างยุติธรรมดีจริง ๆ ให้ความสามารถมาทุกด้าน ยกเว้นด้านที่สำคัญที่สุด’

อาจารย์เว่ยหัวเสีย เขาอุตส่าห์เจอเด็กที่จะตั้งความหวังไว้ได้แต่กลับต้องมาพลาดเพราะเรื่องแบบนี้

“เรื่องสุดท้าย หลังจบเทอมนี้ ไซมอน เดลล์ จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปปีสอง”

ครูฝึกชื่นชมไซมอนส่งท้ายการประกาศเลื่อนขั้น ไซมอนได้เกรดดีเยี่ยมในทุกวิชาแถมพลังจิตยังอยู่ระดับสูงสุดด้วย

ดูเหมือนว่าความหวังของอาจารย์ส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ที่ไซมอนเสียมากกว่า



0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด