ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 7 รากแห่งวิญญาณ
“ปู่ดิลเลี่ยน ลองรวบรวมพลังโลกและสวรรค์ แล้วส่งผ่านลงพื้นดินดูครับ”
ไมนอสพูดสั่งพ่อบ้านของเขา
การรวบรวมพลังโลกและสวรรค์นั้นคือการดึงพลังทางจิตวิญญาณในธรรมชาติมาใช้ การจะทำได้นั้นต้องอยู่ในขั้นแม่ทัพแห่งจิตวิญญาณถึงจะรวบรวมได้ ผู้ฝึกตนสามารถนำพลังนี้ไปประสานกับวิชาของตนได้
พ่อบ้านดิลเลียนนั้นอยู่ในระดับที่ 45 ซึ่งอยู่ในขั้นแม่ทัพแห่งจิตวิญญาณคนเดียวในกลุ่มที่นี้ ที่ทำได้
พ่อบ้านดิลเลี่ยนค่อยๆ รวบรวมพลังโลกและสวรรค์ยังตั้งใจและส่งลงพื้นดินทันที่
การที่ไมนอสสั่งให้พ่อบ้างของเขาทำแบบนี้เพื่อทดสอบว่า รากแห่งวิญญาณในดินแดนนี้ตายไปรึยังด้วยการทดสอบว่า รากยังดูดซับพลังจิตวิญญาณอยู่หรือไม
รากแห่งวิญญาณถือเป็นสิ่งมีชีวิตแทบจะเป็นอมตะ ซึ่งมีอายุเท่าๆกันโลกเลย รากแห่งวิญญาณนั้นจะไม่ตายง่ายๆ แต่จะเกิดขึ้นได้บ้าง หากผู้ทรงพลังเป็นคนทำลายมัน หรือเกิดจากการที่ผู้ทรงพลังต่อสู้กันจนไปกระทบมันเข้า
รากแห่งวิญญาณ มีความคล้ายคลึงกับเขตอาคมที่จะรวบพลังจิตวิญญาณเอาไว้ในพื้นที่
แต่รากแห่งวิญญาณนั้นเหนือกว่าเขตอาคม อาคมนั้นจะคลุมพื้นที่ได้น้อยกว่ารากแห่งวิญญาณหลายเท่าตัวและประสิทธิภาพนั้นด้อยกว่า
ทำให้รากแห่งวิญญาณนั้นไปปรากฏที่ใดจะทำให้พื้นที่แถวนั้นมีความเข้มข้นพลังจิตวิญญาณมาก ทำให้เหมาะกับการบ่มเพาะพลัง
เพราะยังงั้นไมนอสจึงได้ทำการทดสอบการคงอยู่ของรากแห่งวิญญาณ เพื่อหาความผิดปกติที่เกิดขึ้น กับความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณในที่นี้
หลังจากไม่กี่วินาที ที่พ่อบ้านดิลเลียนส่งพลังลงไป พลังนั้นถูกดูดกลืนยังรวดเร็ว ยังกับการเทน้ำจากแก้วลงไปในทะเลทรายที่แห้งแล้ง
‘รากแห่งวิญญาณยังไม่ตาย แต่กลับดูดพลังจากพื้นดินทำให้ทำการเพาะปลูกอะไรไม่ได้เพราะถูกดูพลังชีวิตไปหมด”
ไมนอสได้คำตอบทันที และได้ถาม ไปกี้ต่อ
“ผู้การไปกี้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญคนก่อนมาศึกษาไว้ได้ข้อสรุปว่าอย่างไร”
ไปกี้ ตอบทันที่
“ตามที่ผู้เชียวชาญท่านนั้นได้บอกเอาไว้ รากแห่งวิญญาณดูเหมือนกำลังอ่อนแอยังมาก ถึงดูดซับพลังงานหรือพลังจิตวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในดินเพื่อไม่ให้ตัวเองตายครับ”
ทำให้ไมนอสยิ้มยังมั่นใจเพิ่มขึ้นไปอีกและคิดวิธีแก้ปัญหานี้
‘ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้ที่ดินปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น แต่วิธีแก้ปัญหาที่ไมนอสมีและได้ผลดีสุดและง่ายสุดไม่ต่างจากการเอาพิมเสมไปแลกกับเกลือ เพราะสำหรับตอนนี้วิธีที่แก้ได้เร็วที่สุดคือใช้ยาระดับพระเจ้าฝั่งไปในดินเพื่อให้รากแห่งจิตวิญญาณดูดซับ’
แม้ว่ายาระดับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อการบรรลุระดับ 100 ก็ตาม
ไมนอสจึงพูดขึ้น
“ข้ามีวิธีที่จะแก้ไขปัญหานี้ และสามารถทำให้ดินแดนนี้กลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้ง”
หลังจากที่ทุกคนได้ยินก็ตกใจยังมาก โดยเฉพาะผู้คนของที่ราบทมิฬที่ไม่คิดว่าจะมีวิธีแก้ไขได้
ผู้บัญชาการ ไปกี้ ได้ถามทันที่ด้วยท่าที่จริงจัง
“นายน้อย จะใช้วิธีการใดในการแก้ไขครับ”
“นำทีมงานที่ข้าให้จัดหามาที่นี้แล้วขุดหลุมลงไป 100 เมตร เมื่อขุดเสร็จแล้วค่อยแจ้งให้ข้าทราบอีกครั้ง”
ไมนอสได้สั่งการไปทันที่
“กลับกันเถอะปู่ดิลเลียน เราหมดธุรที่นี้แล้ว”
กลุ่มสำรวจก็ได้เดินทางกลับเข้าเมือง และมีบ้างส่วนแยกออกไปหาทีมงานขุดหลุม
…..
หลังจากกลับมาที่คฤหาสน์ ดิลเลียนก็รีบถามด้วยความสงสัยเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาทันที่
“นายน้อย จะทำอะไรกับหลุมนั้นครับ”
“ปัญหาในตอนนี้คือรากแห่งวิญญาณอ่อนแอ เลยดูดซับทุกอย่างที่อยู่บนดิน ผมไม่รู้ว่าเหตุนี้มันเกิดขึ้นจากอะไร แต่การแก้ไขคือให้พลังงานมหาศาลกับรากแห่งวิญญาณเพื่อไม่ให้รากไปดูดซับพลังยังอื่นในดิน ก็จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้”
ไมนอสตอบออกไปทั้งหมดยังไม่ปิดบังอะไร
“สำหรับวิธีเพิ่มพลังให้กับรากแห่งวิญญาณนั้น ผมจะใช้ยาระดับพระเจ้าฝั่งลงไปในหลุมนั้นเพื่อให้รากแห่งวิญญาณดูดแทน”
“ไม่ใช่แค่หยุดการขโมยพลังจากดินของรางแห่งวิญญาณ ยังจะบำรุงรากแห่งวิญญาณให้กลับมาอีกครั้งด้วย อาจจะใช้เวลาประมาณ 30 ปี และที่ราบทมิฬจะกลับมามีความเข้มข้นทางวิญญาณอีกครั้ง”
“แต่น่าจะเห็นผลตั้งแต่ 10 ปีแรกแล้ว ความเข้มข้นทางวิญญาณน่าจะเท่ากับหุบเขาแดงเลยที่เดียว”
พ่อบ้านดิลเลี่ยนถึงกับแทบเป็นลมจับ เพราะตกใจไม่เชื่อในสิ่งที่นายน้อยเขาพูด
“นายน้อย!! จะเอายาระดับพระเจ้ามาใช้แก้ปัญหานี้มันสิ้นเปลืองเกินไปนะครับ แม้ว่าจะทำให้ที่ราบทมิฬ ฟื้นคืนชีพ แต่ไม่คุ้มกับยาระดับพระเจ้าแน่นอน”
ที่จริงสิ่งที่ไมนอสพูดนั้นไปพูดกับใครก็คงเป็นลมหงายหลัง หรือหัวเราะเพราะมันคงไม่มีใครกล้าทำแบบนี้แน่นอน เหมือนกับการ เผาทำลายคลังสมบัติของตัวเองด้วยความสนุกเฉยๆ
แต่เพราะไม่มีใครรู้ว่า ไมนอสร่ำรวยสุดๆ จากมรดกที่มีอาณาจักรในห้วงความว่างเปล่า กับแค่ยาระดับพระเจ้า 1 - 2 ชิ้น เขาเสียได้โดยไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว
“ฮึๆๆ ปู่ดิลเลียน ไม่ต้องกังวลไป ผมนะมียาระดับเจ้าอีกเยอะแยะ จ่ายออกไปแค่นี้ถือว่าคุ้มค่าแล้ว”
ไมนอสพูดยังสบายใจกับพ่อพ่อบ้านของเขา
เพราะไมนอสนั้นมียาระดับพระเจ้าเกือบ 30 ชนิด
ยาแต่ละชนิดสามารถทำให้ ผู้ฝึกตนระดับ 99 ถึง 100ได้ด้วยการดูดซับยาเดียวชิ้นเดียว ถ้านับตั้งแต่มีมนุษย์ที่ไปถึงขั้นพระเจ้าได้คนแรก จนผ่านไปหลายล้านปี ก็มี ขั้นพระเจ้าแค่ 42 องค์ เท่านั้น
ไม่ใช่เพราะว่าขาดทรัพยากรหรืออะไร แต่คือกว่าจะถึงระดับ 100 ได้นั้น ก็จะตายก่อนถึงขั้นพระเจ้า
ดังนั้นไมนอสก็ไม่ได้สนใจที่จะช่วยเหลือคนที่ใกล้ถึงขั้นพระเจ้า แต่เอายากลับมาสร้างรากฐานความแข็งแกร่งให้กับตระกูลกับดินแดนตัวเองดีกว่า
เมื่อ ดิลเลี่ยนได้ยินก็ถอนหายใจเพราะได้ยินว่า ไมนอส ยังไงก็คงใช้ยาระดับพระเจ้าแก้ไขปัญหา
“ปู่ดิลเลียน ผมต้องการให้จัดทีมงานอีกทีม ไปขุดสร้างทะเลสาบ ห่างจากเมืองไปสัก 30 กิโลเมตร ผมตั้งใจจะผสมน้ำจากมิติของมรดกกับน้ำในดินแดนนี้เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดินและพืชที่จะใช้ปลูกในอนาคต”
พ่อบ้านดิลเลี่ยนก็ได้ออกไปจัดการเรื่องที่ ไมนอสร้องขอไว้
ตอนนี้ไมนอสอยู่คนเดียวจึงกลับเข้าไปในอาณาจักรห้วงแห่งความว่างเปล่าเพื่อฝึกฝนต่อ
หลังจากเข้าไปฝึกฝนอยู่สามชัวโมง ไมนอสก็ถึงระดับ 3
เขาพอใจกับความเร็วในการพัฒนาของเขามาก ภายใน 5 วัน จาก 0 เป็น 3 ได้ซึ่งมันเร็วมาก หากมีใครรู้เข้าคงทำให้อัจฉริยะของอาณาจักรใหญ่ๆ จุกอกตายด้วยความอิจฉา
…
หลังจากบ่มเพาะเสร็จไมนอสได้ทำการเก็บเกี่ยวยาระดับพระเจ้าเพื่อจะนำมารักษารากแห่งวิญญาณ
เขานำอุปกรณ์ออกมาจากบ้านพักในอาณาจักร ไปยังสวนขนานใหญ่ที่มีสมุนไพร และผลหมากลากไม้
ทั้งหมดเป็นระดับพระเจ้าทั้งสิ้น
ไมนอสจึงเลือกเก็บพืชที่เป็นพืชแบบฝั่งอยู่ในดิน จากวิชาและความรู้ที่ได้รับมา ทำให้เขาสามารถเก็บเกี่ยวได้ไม่ยากนะ ที่เขาเก็บเกี่ยวมานั้นเป็น แครอทยักษ์ ที่ดูน่ากิน สีของแครอทดูส้มสดใสยังมาก
ไมนอสเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติ และกลับออกไปจากมิตินี้
สามวันผ่านไปหลุมที่สั่งให้ขุดไว้ก็ เสร็จสิ้น ส่วนทะเลสาบก็กำลังจัดเตรียมทำ ตอนนี้ปัญหาทั้งหมดของที่ราบทมิฬกำลังจะถูกแก้ไขแล้ว