ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 6 เปิดเผยมรดก
“นี้...มันวิชาบ่มเพาะระดับทอง!!! นี้กระผมฝันไปรึเปล่า ว่าจะมีของแบบนี้มาอยู่ต่อหน้ากระผม แม้แต่กษัตย์แห่งอาณาจักรบราวน์ ยังมีแค่วิชาระดับเงิน เท่านั้นเอง”
“นายน้อยเร็วเถอะ มันจะดีกับตัวนายน้อยถ้าฝึกวิชาบ่มเพาะนี้แม้ว่าจะมี แค่ 6 ขั้น แต่มันก็ดีกว่าวิชาของกระผมมากนัก นายน้อยน่าจะไปถึงขั้นราชาแห่งจิตวิญญาณในอีกไม่กี่สิบปี”
ดิลเลี่ยนกำลังตื่นเต้นกับวิชาบ่มเพาะทอง ‘เคลื่อนนภา’ พ่อบ้านก็ได้ตระหนักว่าสิ่งที่นายน้อยของเขานั้นพูดเป็นความจริง
เพราะนี้เป็นวิชาระดับนี้ ไม่สามารถที่จะหาได้แม้จะเป็นแม่ของนายน้อยก็ตาม ก็คงไม่เคยแม้แต่จะเห็นวิชาระดับทอง
มันทำได้อธิบายกับพ่อบ้านว่า นายน้องของเขาได้รับมรดกสืบทอดมาจากตัวตนที่หยิ่งใหญ่
เมื่อไมนอสเห็นท่าที่ของพ่อบ้านของเขาที่กำลังมีความสุขอยู่ตรงหน้าเขาไมนอสก็พูดต่อ
“ปู่ดิลเลียน นี้เป็นแค่ส่วนเล็กๆ จากมรดกที่ผมได้รับมา มรดกที่ผมได้รับมานั้นมีทั้งวิชาทั้งความรู้ และของวิเศษอีกมากมาย รวมถึง มิติพิเศษที่ในนั้นเป็นอาณาจักรที่มีทรัพยากรไว้บ่มเพาะจิตวิญญาณระดับสูงมากมายที่ท่าน ลองกัสได้มอบไว้ให้กับผม แต่ในตอนนี้ผมไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ เพราะระดับของเรายังต่ำกว่าที่จะรองรับได้”
“ส่วนวิธีการแก้ปัญหาปรับปรุงดิน ในอาณาจักรในห้วงความว่างเปล่า ต้องมีของที่ช่วยได้แน่นอน แต่แค่ผมต้องรู้ถึงปัญหานั้นก่อน”
“ส่วนวิชาบ่มเพาะ ‘เคลื่อนนภา’ อันนี้สำหรับปู่ ตอนนี้ผมมีวิชาบ่มเพาะแล้ว อยู่ในระดับทองเหมือนกันและมี 11 ขั้น”
พ่อบ้านรู้สึกตกใจที่ได้ยินเรื่องทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องที่ นายน้อยของเขาฝึกวิชาบ่มเพาะแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ทราบ
“นายน้อยฝึกฝนไปแล้ว ทำไมกระผมถึงไม่อาจสัมผัสได้เลย ตลอดการเดินทาง ตอนนี้นายน้อยอยู่ที่ระดับ 1แล้วรึยังขอรับ”
พ่อบ้านพูดด้วยความรู้สึกดีใจยังมาก
“ผมเริ่มฝึกวิชาและบ่มเพาะพลังมาตั้งแต่ก่อนออกเดินทางมาที่นี้แล้ว ตอนนี้ผมอยู่ระดับ 2 แล้วจะเพิ่มเป็นระดับ 3 ในอีก 2 3 วันข้างหน้านี้”
เมื่อพ่อบ้านได้ยินก็มีความสุขยังยิ่ง ด้วยความเร็วระดับนี้ นายน้อยของเขาจะต้องมีอนาคตที่สดใสยิ่งกว่า พ่อของนายน้อยสะอีก ต่อไปคงไม่มีใครมารังแกหรือทำร้ายนายน้อยได้อีกแน่นอน
“สวรรค์มีตา นายน้อยจะต้องแข็งแกร่งกว่านายท่านยังแน่นอน ถ้านายท่านยังอยู่ นายท่านคงจะภูมิใจในตัวนายน้อยแน่นอน และคงมีงานเลี้ยงฉลองใหญ่แน่ ถึงแม้นายท่านจะไม่ชอบงานเลี้ยงก็ตาม”
พ่อบ้านพูดความปิติยินดีและมั่นใจในตัวนายน้อยของเขา พ่อบ้านดิลเลียนได้เจอกับพ่อของไมนอสเมื่อ 80 ปีก่อน พ่อของไมนอสได้ช่วยชีวิเขาไว้ ดิลเลียนเลยขอติดตามพ่อของไมนอสมาตั้งแต่ตอนนั้น และได้ดินทางด้วยกันผ่านร้อนหนาวมามากมาย จึงทำให้พ่อบ้านดิลเลี่ยนรู้จักนิสัยของพ่อไมนอสเป็นยังดี
เมื่อไมนอสได้ยินก็รู้สึกโหว่งๆ ในอก เพราะการพูดถึงพ่อของเขา
เพราะเหตุนี้เขาจะต้องหาทางแก้แค้นให้กับพ่อของเขาให้ได้
เมื่อความเศร้าจางหายไปไมนอสได้เอ่ยถาม พ่อบ้าน
“ปู่ พอจะรู้ไหมว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื่องหลังการลอบสังหารพ่อ ถึงแม้ตอนนั้นผมจะเห็นการต่อสู้ แต่พวกนั้นมันพรางตัวตนของมันไว้”
พ่อบ้านตอบด้วยความโกรธแค้น
“ในช่วง 6 ปี ที่นายน้อยสลบอยู่กระผมได้ตามหา เบาะแสที่จะสืบหาผู้ที่อยู่เบื่องหลังเหตุการณ์นั้น เท่าที่กระผมรู้ มีสองคนเป็นนักฆ่ารับจ้าง ส่วนที่เหลือผมไม่สามารถสืบค้นได้”
“แต่ว่าหลังจากที่นายท่านตาย ตระกูล ซิลวา ก็ได้พื้นที่ หุบเขาแดงที่ควรเป็นของตระกูลสจวร์ตทำให้ผมมั่นใจว่าตระกูลซิลวามีส่วนเกี่ยวข้องยังแน่นอน และตระกูล มิลเลอร์ก็ด้วยทำการแย่งชิงหุบเขาแดงกับตระกูลซิลวา”
“อื้ม ตอนนี้เราคงไม่สามารถทำอะไรพวกนั้นได้ ต้องรอให้เราเข้มแข็งกว่านี้ และสืบหาความจริงว่าใครเป็นไม่เช่นนั้นคงไม่ต่างจากรนหาที่ตายกันหมด เราต้องหาคนบงการเรื่องนี้ทั้งหมด แล้วล้างแค้นให้กับท่านพ่อ แต่เมื่อเราแข็งแกร่งกว่านี้”
ไมนอสพูดยังใจเย็นและสุขุม
เขามีความตั้งใจที่จะปิดบัญชีแค้นนี้ทั้งหมด แต่เขาไม่ใช่เด็กโง้ที่จะชีวิตเข้าไปทิ้ง ที่เข้าไปหาเรื่องโดยที่ไม่พร้อม เมื่อพร้อมเขาจะไปแน่ไม่ว่ายังไงก็ตาม
เขาจะท้วงความเป็นธรรมให้กับพ่อของเขาให้ได้
‘ช้าๆได้พราเล่มงาม’ นั้นคือสิ่งที่เขาคิด
จากนั้นไมนอสก็เปลี่ยนบทสนทนา กลับมาคุยเรื่องแผนการพัฒนาที่ดินแถวนี้
“ตอนนี้ปัญหาของที่ราบทมิฬต้องมาก่อน ส่วนการล้างแค้นเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ปู่ดิลเลียน รีบสั่งการจัดตามรายการที่ผมขอไปด้วย ทั้งจัดตั้งทีมงานเกษตร และหาข้อมูลเกี่ยวกับ เจ้าอาคมและช่างตีหลักด้วยนะครับ และเราจะได้วางแผนกันต่อว่าจะไปทางไหน”
“พรุ่งนี้ผมจะออกสำรวจพื้นที่ข้างเมืองเพื่อศึกษาสถานที เตรียมทีมงานไปกับผมด้วย”
ดิลเลี่ยนตอบอย่างสงบนิ่ง
“ขอรับนายน้อย กระผมจะเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้โดยเร็ว”
หลังจากนั้น พ่อบ้านก็เริ่มทำตามที่ไมนอสร้องขอ ในขณที่ ไมนอสนั้นนั้งศึกษาเอกสารต่างๆ
ของเมืองดราย
เมื่อตกค่ำไมนอสรับประทานอาหารเสร็จก็เข้าห้องนอน และเปิดมิติสู่อาณาจักแห่งความว่างเปล่า เพื่อเริ่มการฝึก
เขาฝึกอยู่ 4 ชัวโมง ก่อนจะหยุดพัก นั้นเพราะระดับในตอนนี้ของเขานี้ทนฝึกได้แค่นนี้ เขาต้องพักเพื่อฟื้นฟูกำลังในแต่ละวัน
นอกจากนั้นการฝึกบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณมีขีดจำกัดในการซึมซับพลังงาน จำเป็นต้องใช้เวลาในการฝึก
ตอนนี้ไมนอสอยู่ที่ขั้นพื้นฐาน เท่านั้น เขาไม่สามารถดูดซับคริสตัลจิตวิญญาณ เขาต้องอยู่ในขั้นจิตก่อตั้งก่อนถึงจะดูดซับคริสตัลจิตวิญญาณระดับต่ำได้ ทำให้การฝึกของเขาล่าช้า
โดยปกติการฝึกบ่มเพาะนั้น มีได้ทั้งดูดซึมพลังจากพื้นที่ที่มีความเข้มข้นของพลังงานวิญญาณหรือใช้คริสตัลในการดูดซับพลัง
ไมนอสหลังจากฝึกฝนเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าพักผ่อนทันที่
…..
เมื่อแสงอาทิตย์ขึ้น สาดลงมาที่เมืองดราย เป็นสัญญาถึงการเริ่มต้นวันใหม่
เริ่มมีชาวเดินออกมาเดินสันจร และเปิดร้านกิจการกัน ในขณะที่มีกลุ่มของไมนอสขี่สัตว์วิญญาณระดับต่ำเข้าสำรวจพื้นที่
ไมนอสเมื่อโตขึ้นจาก 6 ปี ก่อนเริ่มเป็นหนุ่มมากขึ้น ผมสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล และใบหน้าที่ดูดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หล่อเหลามากนัก แต่ก็เริ่มมีเสน่ห์น่าหลงใหล
ผู้ติดตามที่อยู่รอบๆ ไมนอสนั้นสองคนมาจากหน่วยรักษาความปลอดภัยของเมืองดราย นั้นคือผู้บัญชาการ ไปกี้ และมีทหารยามอีกสองคนเป็นคนของไมนอสที่ติดตามมาจากเมืองหลวง และคนสุดท้ายคือพ่อบ้าน
พวกเข้าเดินทางไปยังทางทิศตะวันตกของเมือง ที่เขาปกครองและต้องการสร้างที่ดินทางการเกษตรที่นี้ พวกเข้าไปสำรวจปัญหาและจะหาวิธีพื้นฟูดินให้กับดินแดนนี้
ไม่นานหนักพวกเขาก็มาถึง สถานที่แห่งนี้แห้งแล้งยังมาก ไม่มีแตกต่างจากสถานที่อื่นในที่ราบทมิฬ แต่ตามที่ ผู้บัญชาการ ไปกี้ บอกมาที่นี้อยู่ใกล้กับรากแห่งจิตวิญญาณของพื้นที่นี้ที่สุด
นั้นคือสิ่งที่เขารู้เมื่อ 20 ปี ก่อนผู้เชี่ยวชาญได้เข้ามาสำรวจเพื่อแก้ไขปัญหาในดินแดนนี้ ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้กล่าวไว้ว่าทางตะวันตกของเมืองเป็นที่ใกล้กับรากแห่งวิญญาณมากที่สุด เป็นสถานที่ดีที่สุดที่จะวิจัย