Kill the Dragons ตอนที่ 6 : เด็กพลังจิต (6)
‘นึกภาพว่ากำลังดึงพลังออกมาจากทางผ่านบนอก’
หน้าอกของอีฮันเต้นตุ้บ ๆ ด้วยความเจ็บแปลบ
การสร้างภาพในใจเคยเป็นสิ่งที่กำกวมมากสำหรับอีฮัน ก่อนหน้านี้เขานึกไม่ออกเลยว่ามันเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เริ่มที่จะเพ่งสมาธิไปที่แผลบนอกได้แล้ว พลังจิตที่เคยดูคลุมเครือเริ่มรับรู้ได้ง่ายขึ้นเมื่อเป็นระดับกายภาพที่จับต้องได้
‘ขอร้องล่ะ… ฉันยังถูกเตะจากที่นี่ไม่ได้นะ’
อีฮันที่มักจะคงความสงบไว้เสมอกลับระส่ำระส่ายเพราะเส้นตายที่ใกล้เข้ามา เขายังไม่ทันได้เริ่มการฝึกจริงแต่รู้สึกเหมือนติดอยู่ที่ทางตันเสียแล้ว
เลือดจากบาดแผลบนหน้าอกไหลเป็นสายให้สัมผัสเย็นยะเยือกชวนขนลุก
“หมดเวลาฝึกแล้ว!”
ครูฝึกเรดเป่านกหวีดเรียกรวมตัว เด็กคนอื่นทยอยขยับตัวตามคำสั่ง แต่อีฮันยังไม่ลืมตา
‘ขออีกแค่แป๊บเดียว’
อีฮันไม่ขานรับคำสั่งของครูฝึก เขารู้สึกเหมือนกำลังจะคว้าอะไรบางอย่างที่สำคัญได้ ถ้าหยุดตอนนี้คงจะยากที่จะกลับไปรู้สึกแบบเดิมได้อีกครั้ง
“ไอ้เด็กเวรนี่” ครูฝึกเรดสบถ ขมึงตามองอีฮันแล้วเดินฉับ ๆ เข้าหา
เด็กรอบข้างเดาะลิ้นดูเหตุการณ์ อีฮันโดนฟาดแน่
‘อีกหนึ่งนาที ขออีกแค่นาทีเดียว’
เหงื่อเย็นชื้นผุดขึ้นบนหน้าผากของอีฮันเป็นเม็ด
ครูฝึกเรดมองอีฮันด้วยสายตาเย็นเฉียบ เขากอดอกเตรียมจะเล่นงานแต่ก็หยุดการเคลื่อนไหวลงชั่วขณะ ครูฝึกเองก็เป็นไซเกอร์เช่นกัน มองแค่ปราดเดียวก็รับรู้ถึงสถานการณ์ที่อีฮันเผชิญอยู่
‘เด็กนี่ชอบสร้างปัญหาให้ตัวเองจริง อยู่ไม่เป็นเอาเสียเลย’
พลังจิตของแต่ละคนแตกต่างกันไป หลายคนมีพลังจิตในร่างกายแต่ปลุกมันขึ้นมาไม่ได้ ในขณะที่บางคนก็ใช้มันได้เป็นธรรมชาติเหมือนกับการหายใจ ไม่จำเป็นต้องฝึกด้วยซ้ำ
เฮือก–
ในที่สุดอีฮันก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่วูบวาบอยู่ภายในอก มันเป็นความรู้สึกร้อนและเย็นสลับกันในร่างกาย
ม่านตาของเขาพลันสะท้อนแสงสีฟ้า ประกายในดวงตาสว่างจ้า
“สะ… สำเร็จแล้ว” อีฮันพึมพำกับตัวเอง เข่าทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้น
รอบข้างเริ่มมีเสียงตื่นเต้นดังจอแจ อีฮันเป็นหนึ่งในไม่กี่คนสุดท้ายที่ปลุกพลังสำเร็จ คนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขายอมแพ้กันไปเกือบหมดแล้ว
“เงียบ” ครูฝึกตวาดใส่เด็กที่ส่งเสียงฮือฮา เขาเดินเข้ามาใกล้อีฮัน “ก่อนอื่นให้ฉันแสดงความยินดีก่อนก็แล้วกัน ยินดีด้วยอีฮัน”
“ขอบคุณครับ” อีฮันตอบรับ
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มแห่งความพอใจ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอกับรอยยิ้มน่ากลัวของคนตรงหน้า
“แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เร่งด่วนขนาดไหน” ครูฝึกเรดคว้ากระบองออกมา “ถ้าถูกเรียก ก็เป็นหน้าที่ของพลทหารที่จะต้องขานรับ ไม่มีข้อยกเว้น”
ปั้ก! ปั้ก!
เขาลงโทษอีฮันด้วยการฟาดกระบองลงไปไม่ยั้ง
“อึ่ก”
กระบองทำจากวัตถุพิเศษที่จะไม่ทำให้เกิดอันตรายไปมากกว่ารอยช้ำจาง ๆ แต่เสียงของมันดังกังวาลจนน่าตกใจและทำให้สมองคิดไปว่ามันรุนแรงกว่าความเป็นจริง
‘ฉันทำได้แล้ว! สำเร็จแล้ว!’
อีฮันยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แม้ว่าจะถูกตีอยู่ก็ตาม เขาไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว ความยินดีในใจมันท่วมท้นเสียจนไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด
‘ให้ตายสิ ไม่สนุกเลย’ ครูฝึกเรดลดกระบองลงข้างตัว
“วันนี้ฉันใจดีก็เลยจะปล่อยแกไว้แค่นี้ การฝึกยังไม่จบ แต่ช่วงปรับตัวสามอาทิตย์ใกล้จะจบลงแล้ว อีกไม่นานพวกแกจะต้องย้ายเข้าปีหนึ่ง เตรียมตัวไว้ให้ดี ตอนนี้พวกแกอาจจะคิดว่าฉันน่ารำคาญแต่พวกแกคิดผิด ฉันไม่ใช่แค่น่ารำคาญแต่ฉันจะเป็นมารผจญพวกแกไปตลอดชีวิต”
อีฮันเช็ดเลือดที่ไหลซิบตรงมุมปากแล้วลุกขึ้น มองครูฝึกด้วยสายตาขอบคุณ
‘เขารอฉัน อย่างน้อยฉันก็ควรจะขอบคุณเขาสักครั้ง’
ถ้าครูฝึกขัดจังหวะในตอนนั้น อีฮันคงปลุกพลังจิตของตัวเองไม่ทันในสามสัปดาห์แน่
ทั้งที่ทำแบบนั้นได้แต่เขาก็ไม่ทำ
***
“ตั้งแถว ปฏิบัติ!”
สิ้นคำสั่ง เด็ก ๆ ตั้งแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ก่อนหน้านี้มีเด็กทั้งหมด 73 คน แต่ตอนนี้เหลือเพียง 25 คนเท่านั้น เวลาสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเปลี่ยนเด็กเหล่านี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ ท่าทางของพวกเขาคล่องแคล่วขึ้น สายตาก็เฉียบคมมากขึ้น แถมยังตื่นตัวเตรียมพร้อมสำหรับคำสั่งถัดไปอยู่เสมอ
“ยินดีด้วยกับทุกคนที่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ปีหนึ่ง”
เสียงประกาศดังกึกก้อง
ที่อาร์คไม่มีการสอบเข้า มีเพียงการส่งตัวไประดับที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้ามีพลังและความสามารถถึงเกณฑ์ก็จะได้เลื่อนชั้น การแบ่งชั้นปีมีไว้แค่ให้พอเป็นพิธีเพราะนักเรียนที่นี่ยังเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น
ระดับที่สูงขึ้นก็จะต้องถูกส่งเข้าระบบที่อันตรายมากขึ้นไปตามกัน เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็จะถูกรวมพลให้ทำภารกิจภายนอกอาร์ค เด็กชั้นปีสุดท้ายของอาร์คต้องทำงานไม่ต่างจากทหารจริง
“ฉันได้อยู่คลาส D”
“ของฉัน C”
“มีใครอยู่คลาส A ไหม”
คลาสเรียนเรียงจาก A ไปจนถึง D ซึ่งเป็นการแบ่งตามคะแนนเช่นกัน เด็ก ๆ จะถูกให้คะแนนตามความสามารถและพลังจิต จากนั้นจะถูกจัดคลาสให้ตามลำดับ
ในหมู่เด็กที่ได้ย้ายเข้ามารุ่นนี้ ไซมอน เดลล์ เป็นคนเดียวที่ได้รับการยอมรับให้อยู่คลาส A
“ไซมอนอยู่คลาส A แหนะ”
“ก็ชัดอยู่แล้ว หมอนั่นต่างจากพวกเราลิบลับ”
เด็กทุกคนสัมผัสได้ถึงความห่างชั้นเมื่อเทียบกับไซมอน
ไซมอน เดลล์ได้รับการฝึกพื้นฐานมาแล้ว เหลือเพียงการฝึกขั้นสูงกับฝึกควบคุมพลังเฉพาะตัว
ช่องว่างระหว่างความสามารถของพวกเขามันกว้างใหญ่เสียจนไม่รู้สึกถึงการแข่งขัน เพราะทั้งความอิจฉาและการแข่งขันเกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน
“อีฮัน นายอยู่คลาสไหน” คุโระถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ฉันอยู่คลาส B ล่ะ หวังว่าพวกเราจะได้อยู่คลาสเดียวกันนะ”
คุโระมีความไวต่อพลังจิตสูงมาก เขาเป็นคนเดียวที่ควบคุมพลังจิต และใช้พลังเคลื่อนย้ายได้ดังใจในสามสัปดาห์ แม้ว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายและความสามารถในการฟื้นฟูจิตใจของเขาจะไม่สูงนัก แต่ด้วยความสามารถในการควบคุมพลังทำให้คุโระถูกย้ายขึ้นไปอยู่คลาส B
อีฮันยืนดูข้อมูลในกำไลข้อมือโฮโลแกรมเงียบ ๆ ก่อนจะเปิดปากพูด
“ฉันอยู่คลาส D”
“ไม่จริงน่า”
คุโระส่ายหัวปฏิเสธ
“ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นแบบนี้” อีฮันตอบเสียงเรียบ
“อีฮัน นายจะอยู่คลาส D ได้ยังไง แน่ใจนะว่านายไม่ได้มองผิด”
คุโระได้รับความช่วยเหลือมากมายจากอีฮันตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาคิดว่าอย่างน้อยอีฮันน่าจะอยู่คลาส C
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันจะตามไปเร็ว ๆ นี้แหละ”