ตอนที่ 427 : กลัวจนน้ำตาไหล(อ่านฟรี)
“เซียนกระบี่พิชิตมาร 3!?” ฟางฉีรู้สึกยินดี แม้ว่าทั้งสองเกมจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายภูเขาชูแต่เทียบความแข็งแกร่งแล้ว ในเกมเซียนกระบี่พิชิตมาร 3 นั้นดูแข็งแกร่งและมีพลังสูงกว่าเซียนกระบี่พิชิตมาร 1 เป็นอย่างมาก
ไม่กี่นาทีต่อมาฟางฉีก็เหลือบไปเห็นโลโก้ของเกมเซียนกระบี่พิชิตมาร 3 ปรากฏขึ้นบนหน้าเดสก์ท็อป
“หัวหน้าสามาคมท่านกำลังทำอะไร?” หลี่ซินเอ๋อหญิงสาวท่าทางขี้อายแห่งตระกูลหลี่เอ่ยถาม ส่วนคนอื่นๆ ในตระกูลมักมีนิสัยแตกต่างกันไปแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เก่งเท่าหลี่หลันเหลียวแต่พวกเขาก็มีความสามารถในแต่ละด้านที่ถนัดไม่แพ้กัน
หลี่ซินเอ๋อ. หลี่วูหยาและหลี่หลันเหลียวยืนอยู่ด้านหลังฟางฉีพวกเขาเฝ้าดูเขาใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วยความสับสน
ฟางฉีวางหูฟังวีอาร์และเอ่ยถาม “พวกเจ้าอยากลองมั้ย?”
พวกเขามองหน้ากันและกัน หลี่หลันเหลียวกล่าวขึ้นหลังจากลังเลอยุ่นาน “ข้าขอลอง!”
เธอสัมผัสได้ว่าสิ่งนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อเธอ เธอหยิบชุดหูฟังเสมือนจริงขึ้นมาและสวมใส่ตามคำแนะนำของฟางฉี
ไม่นานกระจกทรงกลมที่ทำด้วยหยกสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ มีตัวเลือกสองตัวได้แก่ [เรื่องราวใหม่] และ [ความทรงจำ]
ในกระจกมีเมฆและหมอกลอยอยู่รอบๆ ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตอมตะอาศัยอยู่ที่นั่น จากการมองเห็นเธอพบกับพระราชวังและอาคารอันสง่างามที่ดูคลุมเครือพร้อมด้วยตัวอักษร เศียนกระบี่พิชิตมาร 3
“นี่มันอะไร!?” พวกเขาเอ่ยด้วยสีหน้างงงวย
หลี่หลันเหลียวทำตามขั้นตอนที่ฟางฉีบอกเธอเลือกตัวเลือก [เรื่องราวใหม่]
ในไม่ช้าฉากก่อนหน้าเธอก็เปลี่ยนไป เธอรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในโลกของกระจกที่กำลังเคลื่อนที่โดยการขี่ก้อนเมฆ
เธอตะโกนเสียงดัง (การสื่อสารภายนอกได้เปิดขึ้นตามค่าเริ่มต้นในตอนต้น) “หัวหน้าสมาคมนี่มัน .. เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้ารู้สึกเหมือนอยู่ในกระจก!”
“อะไร? เจ้าเข้าไปในกระจก!?” นอกจากเธอแล้วหลี่ซินเอ๋อและผู้อาวุโสวูหยาก็ดูมีท่าทางตื่นตนกไม่น้อย “เกิดอะไรขึ้นเจ้าออกมาได้มั้ย?”
“ไม่ต้องกลัวไป เจ้าสามารถใช้มันได้มันก็แค่ภาพเสมือนจริง” ฟางฉีอธิบายได้คำพูดที่เข้าใจง่าย
“!!?? ภาพเสมือนจริงหรือ!?” ผู้อาวุโสหลี่วูหยากล่าวด้วยความประหลาดใจ “มันคือดินแดนลึกลับใช่หรือไม่?”
หลังจากมองไปรอบๆ มันดูไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อนขนาดนั้นเพียงแต่มันดูแปลกตา กลับกลายเป็นน่าสงสัยว่ามีจริงหรือใครที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรลึกลับผ่านสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณนี้ สิ่งประดิษฐ์นี้ทรงพลังมาก มันเกินกว่าที่เธอเองจะเข้าถึง!
“ไม่ต้องตกใจไปหลันเหลียวพวกเราอยู่ข้างหลังเจ้า!” หลี่วูหยาเอ่ยขึ้น “เจ้าเห็นอะไรข้างในหรือ?”
เธอเห็นฉากต่างๆ พร้อมด้วยหมอกปรากฎขึ้นบนหน้าจอ ดูเหมือนว่าหลี่หลันเหลียวกำลังเหยียบเมฆที่กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง หมอกค่อยๆจางลงปรากฎให้เห็นต้นไม้โบราณต้นใหญ่ขึ้นข้างหน้า มันใหญ่จนหาคำมาอธิบายไม่ถูก
เทียบกับตัวพวกเขาแล้ว พวกเขาตัวเล็กเท่าใบของมัน
ภายใต้แสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ฉากต่างๆ ยังคงเคลื่อนขึ้นสู่สวรรค์ ภูเขาตั้งตระหง่านอยู่เหนื่อเมฆหนาทึบ ข้างหน้าคือวังสวรรค์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือชั้นเมฆหนา เธอรู้สึกเหมือนราวกับว่าอยู่ในโลกของชนชั้นสูงที่มีชีวิจเป็นอมตะอาศัยอยู่
“นี่ .. ที่นี่ที่ไหน!?” หลี่หลัยนเหลียวเบิกตากว้างมองไปข้างหน้า เธอรู้สึกช้อตและไม่สามารถอธิบายได้ว่ารู้สึกอย่างไร ในหัวเต็มไปด้วยความสงสัยว่านี่เป็นโลกของผู้มีชีวิตอมตะจริงๆ หรือ??
หลี่วูหยาและหลี่ซินเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังกำลังจ้องมองไปที่หน้าจอด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ “นี่ .. หลั่นเหลียว เจ้าอยู่ที่นั่นหรอ?”
“ข้า ..” หลี่หลันเหลียวรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เธอไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นประโยคได้ “ข้าเห็นมัน .. ที่นี่ราวกับโลกอมตะ พวกเจ้าเห็นมั้ย!?”
เธอเอื้อมมือออกไปเพื่อสัมผัสเมฆแต่ละก้อน .. มันมีจริงเธอไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าเธอกำลังอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือแค่เสมือนจริงกันแน่
“เราก็เห็นเหมือนกัน!” ใบหน้าของผู้อาวุโสหลี่วูหยาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพลางชี้ไปที่หน้าจอและพูดว่า “นี่ .. นี่เกิดอะไรขึ้น!?”
“ศิษย์พี่หลันเหลียว!” เธอได้ยินเสียงตะโกน “ระวัง! ข้างหลังท่าน!”
ร่างร่างหนึ่งยืนสวมเสื้อคลุมอยู่บนก้อนเมฆลักษณะท่าทางของเขาดูคล้ายผู้ฝึกฝนระดับอมตะ เขาอยู่ในชุดสีมวงพร้อมสวมหมวกสีทอง มองดูในระยะไกลออกไปพร้อมแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาทำเอาเพิ่มความเท่ให้พวกเขาราวกับว่าพวกเขามีมงกุฎทองคำ
ด้วยดาบอมตะในมือแล้ว ดูคล้ายว่าพวกเขาเนี่ยแหละคือผู้ฝึกฝนระดับอมตะที่แท้จริงตามที่มีอธิบายไว้ในตำนาน!
ชายผู้นั้นหันกลับมาสายตาของเขาเหลือบมองไปยังเนินเขาที่ตะหง่านอยู่ในอากาศข้างหน้า จู่ๆ เนินเขาก็ระเบิดราวกับว่ามันถูกกระแทกด้วยพลังที่มองไม่เห็น!
ภาพอันหน้าสยดสยองปรากฎขึ้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น “หลันเหลียววิ่ง!”
“ใจเย็นๆ เขามองไม่เห็นเจ้า” ฟางฉีทำหน้าขรึม เขาอธิบายให้พวกเขาฟัง
“ดูเหมือนว่า .. เขามองไม่เห็นฉัน!” แน่นอนว่าชายคนนั้นกำลังเหลือบมองไปยังทิศทางที่หลี่หลันเหลี่ยว เธอเองก็หันไปเจอเข้ากับชายอีกคนพร้อมกับมองรายละเอียดบนร่างกายที่กำลังสวมชุดเกราะคล้ายครี่งมนุษย์และปีศาจ
เขาดูเหมือนราชาผู้เย่อหยิ่งท่าทางคล้ายกับเทพเคล้ากลิ่นอายปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่ร่องรอยการปรากฎตัวของเขาแม้จะเล็กน้อยก็ยังดูน่าสะพรึง พลังของเขาไม่ใีมนุษย์คนใดต้านทานได้!
หลี่หลันเหลียวยังคงไม่หายจากอาการช้อคเธอยังคงค้างอย่างต่อเนื่อง “พวกเขาเป็นใคร!?”
จอมมารจงลูว!
แม่ทัพเฟ่ยเพ็ง!
การต่อสู้ต่อสู้ของผู้ฝึกฝนอมตะในโลกเสมือนจริงกำลังเริ่มขึ้น!
พลังที่ส่งผ่านดาบไปยังรูปปั้นที่สูงตระหง่านกลางภูเขา ช่างน่ากลัวชวนขนลุก มันทรงพลังมากจนสามารถเจาะรูปปั้นแยกออกเป็นสองส่วนจนพังทลายลงในที่สุด!
นี่เป็นเพียงแค่พลังเล็กน้อยหรือเสี้ยวเดียวที่พวกเขาได้เห็น ยังมีพลังระดับอสูรขั้นสูงสุดอีก! พลังอันยิ่งใหญ่แทบไม่ทิ้งร่องลอยใดๆ นอกจากเสษฝุ่นที่แทบมองไม่เห็น ผู้ชมที่กำลังมองดูเหตุการณ์มีทีท่าที่ดูตกใจเพราะไม่เคยเห็นภาพอันน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังถูกพลังที่มองไม่เห็นบดบัง พวกเขารู้ปากหนักแม้แต่จะอ้าปากพูดยังไม่ได้
เมื่อยืนอยู่ในโลกแห่งผู้ฝึกฝนอมตะ หลี่หลันเหลี่ยวรู้สึกถึงความสำคัญของหลายมุมมาก ความยิ่งใหญ่ของสวรรค์และโลก พลังที่เหนือจิตนาการของผู้ฝึกฝนอมตะและเหล่าปีศาจ ความรู้สึกหลายความรู้สึกประเดประดังเข้าโถมในจิตใจของเธอขณะที่เธอกำลังเฝ้าดูพลังของดาบ มันกำลังทำลายล้างชนกันจนท้องฟ้าสั่นสะเทือน
ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดกลัว เธอวางหูฟังเสมือนจริงพร้อมอุทนด้วยความตกใจและชี้นิ้วไปที่ฟางฉี “หัวหน้าสมาคม! มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
เธอกลัวจนแทบร้องไห้!
ฟางฉีพูดไม่ออก “อืม .. ไม่น่าแปลกที่พวกท่านช่างมีชีวิตเช่นนี้ มันเป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกฝนชั้นสูงไม่มีอะไรต้องกลัว”
เขาหยิบห่อกระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เธอ “เช็ดน้ำตาซะ ข้าจะแสดงวิธีเล่นให้เจ้าได้ดู”