ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 30 เริ่มการต่อสู้
ไม่นานนัก ไมนอสสังเกตเห็นกลุ่มคนสี่คนเข้ามาใกล้พวกเข้าพร้อมกับรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์บนใบหน้า
เห็นกลุ่มของไมนอสเป็นแค่หมูที่รอเชือดนิ่มๆ แต่ความจริงแล้วพวกเขานั้นแหละ ที่เดินเข้ามาสู่ปากทางนรก
ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้รอรับ
‘ในที่สุดพวกมันก็มากันแล้ว’
พวกทหารคิดในใจ
ในทันทีหลังจากที่เห็นการมาของกลุ่มตระกูลซิลวา กลุ่มของไมนอสก็เริ่มแสดงละครไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
ทหารคนหนึ่งที่กำลังกินเนื้อย่าง อยู่รีบขึ้นถามยังสงสัย และระมัดระวังทันที เขาแสดงถึงความหวาดกลัวอย่างมาก
‘แสดงได้สมบทบาทมาก..’ ทั้งไมนอสและคนอื่นๆ ก็แสดงละครและเตรียมพร้อมว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในขณะที่กลุ่มของไมนอสแสดงละครตบตาอยู่นั้น ทางกลุ่มซิลวา แดเรลและองครักษ์ก็ต่างพอใจกับใบหน้าที่พวกเขาเห็น
‘นั้นและ ถูกต้องแล้วพวกแกควรมีสีหน้าแบบนี้ฮะๆ’
องครักษ์สองคนพอใจกับสิ่งที่เห็นมาก จนทำให้พวกเขาลดความระมัดระวังลง จนไม่ได้ตรวจระดับพลังของกลุ่มไมนอสที่อยู่ระดับ 40 กันหมดแล้ว
ตามปกติแล้ว ในขั้นแม่ทัพแห่งจิตวิญญาณ พวกเขาจะสามารถตรวจวัดระดับพลังสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเขาได้ ถ้าหากไม่มีอะไรแปลกประหลาดในระดับหลังรอบๆตัว พวกเขาจะสามารถสัมผัสรับรู้ถึงใครหรือบางอย่างที่อยู่รอบตัวได้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะสัมผัสได้ในทันที
ในการตรวจวัดพลังของอีกฝั่งจำเป็นจะต้องอยู่ในระยะสัมผัสพลังของเขาเอง แต่ระยะจะเพิ่มขึ้นตามระดับขั้นไปเรื่อยๆ
ถ้าหาก ได้อยู่ในระยะสัมผัสต้องส่งพลังเข้าไปสัมผัสกับสิ่งที่ต้องการตรวจวัด แต่กลับกันก็จะทำให้อีกฝั่งรู้ด้วยว่าถูกตรวจจับอยู่เหมือนกัน
การที่จะมีตรวจจับระดับพลังได้โดยที่ไม่ต้องเพ่งพลังสัมผัสเองนั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใน ระดับ 70 หรือขั้นนักบุณแห่งจิตวิญญาณ เพราะญาณของพวกเขาจะกล้าแกร่งพอที่จะตรวจสอบรอบๆ ด้วยสัมผัสของญาณของเขา ซึ่งมันไม่ใช้พลังจิตวิญญาณ
แต่พลังของญาณและพลังจิตวิญญาณนั้นมีพลังเท่ากัน
แต่ญาณนั้นสามารถตรวจสอบสัมผัส ที่นอกเหนือจากควบคุมของสิ่งมีชีวิต เช่นการสัมผัสได้ถึงลมหายใจ หรือสามารถรู้ได้ถึงว่าการหายใจแบบนี้สุขภาพแข็งแรงหรือไม่ โดยใช้ญาณสัมผัสเอา
เช่นเดียวกับการสัมผัสพลังจิตวิญญาณ ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้น นักบุณแห่งจิตวิญญาณ จะรู้ถึงระดับของคนรอบข้างทันทีเมื่อเข้าสู่ระยะสัมผัสของเขา
แต่เมื่อถึงเวลาต่อสู้ สัมผัสพวกนี้จะถูกลบเลื่อนไป เพราะการต่อสู้มีการรวมพลังจิตวิญญาณใช้กับวิชาต่างๆ ทำให้สัมผัสจากพลังจิตวิญญาณได้จากการต่อสู้
ด้วยเหตุนี้ ทำให้องครักษ์ แดเรล ไม่ได้ตรวบสอบระดับของกลุ่มไนมอส เพราะไม่อยากยุ่งยากเพ่งพลังเข้าไปสัมผัส ทำให้พวกเขาไม่รู้ตัวกับระดับพลังของกลุ่มไมนอส
ทหารที่ทำท่าทางหวาดกลัวก็ได้ ตะโกนถามออกไปอีกครั้ง
“พะ พวกแกเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไร!!”
“ฮึๆๆ อยากรู้ว่าพวกข้าเป็นใครยังงั้นหรอ”
หนึ่งในองครักษ์หัวเราะและพูดขึ้น
“ฮ่าๆ เควนต์ อย่าไปเสียเวลาทำให้เจ้าพวกโง่งมนี้กลัวเลย”
องครักษ์ฟิลิปพูดต่อทันทีด้วยท่าที่สงบ
“ไอ้พวกหนอนแมลงพวกนี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ฮึๆ นี้จำไม่ได้เลยหรอว่าพวกแกไปทำอะไรไว้ที่เมืองมารีนทาม อย่าบอกนะว่าพวกแกโง้เง่าจนไม่รู้ว่าไปหาเรื่องใครเข้าให้”
องครักษ์อีกคนพูดขึ้นพร้อมกับเตรียมจะชักดาบของเขา
และสุดท้าย แดเรล ซิลวา ก็ก้าวออกมายังสง่าผ่าเผย
“หึ!! ข้าให้โอกาสพวกแก มอบดาบลำดับ 2 ระดับต่ำมาสะ แล้วพวกแกจะไม่ตายทรมาน!”
ไมนอสได้แสร้งแสดงยังหวาดกลัว แล้วถามกลับไป
“ท่านเป็นนายน้อยของตระกูลซิลวา ไม่ใช่รึ!? ท่านก็มีชื่อเสียงและฐานะจากตระกูลที่มีอำนาจ ทำไมถึงทำตัวเยี่ยงโจรยังงี้ละ”
“ฮ่าๆ โจรยังงั้นหรอ? เจ้าคิดได้แค่นี้เองงั้นหรอ ไอ้เด็กอมมือ นี้คือโลกของผู้แข็งแกร่ง และเมื่อแกกล้าที่จะครอบครองสิ่งที่มีค่าเอาไว้ แกก็ต้องตายเพราะของสิ่งนั้น”
แดเรลพูดยังดูถูก และ ถมน้ำลายไปทางไมนอส
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไมนอสก็แกล้งแสดงหวาดกลัวยกใหญ่
เขาพูดยังติดขัดและหวาดกลัว ถามออกไปอีกครั้ง
“ถะ ถะ ถ้านี้จะเป็นจุดจบของพวกข้า ละ..แล้วช่วยตอบคำถามข้าอีกสักข้อได้ไหม?”
แดเรลมองไมนอสยังพอใจ
‘ดูเหมือนว่ามันจะยอมรับในชะตากรรมของมันแล้วสินะ ฮะๆ’
“ว่ามาสิ ข้าก็เป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวาง จะตอบให้เป็นการเมตาแกสักข้อก็ได้”
“บอกที่ว่าตระกูลของเจ้าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารพ่อของข้าหรือไม่”
ไมนอสพูดยังหมดแรง
เมื่อแดเรลได้ยินถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เพราะเขารู้เรื่องทั้งหมด ว่าพ่อของเขาเองนั้นและที่เป็นคนบงการ
“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าอยากรู้เรื่องนี้จริงหรอ ฮะๆ ไม่ต้องรอไปถามพ่อของเจ้าเองในนรกก็ได้ข้าจะบอกให้ พ่อของข้าเองนี้ และที่เป็นคนวางแผนและบงการสอบสังหารนั้นทั้งหมด พอใจรึยัง ฮะๆๆ”
หลังจากได้ยินคำถาม ไมนอสก็เปลี่ยนท่าทีในทันที่ และความคิดต้องเขาก็เปลี่ยนด้วย ตอนนี้เขารู้แล้วว่าใครจะเป็นคนบงการ และต้องไล่ล้างแค้นจากไหน ไม่ว่าจะอีกกี่ปีก็ตาม เมื่อรู้ตัวการมันก็ง่ายกับเขาต่อไปในการวางแผนในอนาคต
ไมนอสเผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา และส่งสัญญาณให้ทหารของเขาเตรียมพร้อม แล้วไมนอสก็ได้เปิด อาคมที่ติดตั้งไว้ทันที
เมื่อกลุ่มของแดเรลเห็นความผิดปกติ พวกเขาก็รู้สึกตัวได้นี้มันมีอะไรไม่ชอบมาพากล เหมือนไมนอสแค่ต้องการข้อมูลอะไรจากพวกเขา ก่อนจะเริ่มต่อสู้
ในตอนนั้น 1 ในองครักษ์ได้ตรวจสอบพลังของทุกคนทันที มันทำให้เขาถึงกับหน้าซีด กับระดับที่ตรวจพบ
การจัดการคน 10 คนในระดับ 39 นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถ้าพวกเขาทั้งหมด อยู่ระดับ 40 มันจะเป็นการสู้เพื่อเอาชีวิตรอดทันที
เมื่อรู้ตัวเขาพยายามตะโกนเตือน คนที่เหลือแต่ไม่ทันแล้ว
“นี้มันกับดัก!!”
อาคมได้ถูกเปิดยังสมบูรณ์ครอบคลุมทั้งบริเวณ
“บัดซบ!! นี้มันอาม สาระยำเอ๋ยย!! รีบเปิดใช้อาคมป้องกันคุ้มกัน นายน้อย”
ฟิลิปพูดด้วยใบหน้าบูดเบี้ยวสุดน่าเกลียด เพราะหากนายน้อยของเขาเป็นอะไรไปก็มีแต่ความตายที่รอเขาอยู่ดี
ถึงพวกเขาจะรอดออกไปก็ตาม
ด้วยระดับพลังขององครักษ์ทั้งสาม ความเร็วของพวกเขาลดลงยังมาก แต่แดเรลนั้น กลับชะงักอยู่กับที่ทำอะไรไม่ได้เลย ประมาน 2-3 วิ นั้นก็เพียงพอที่จะฆ่าเขาแล้ว!!
หนึ่งในองครักษ์เปิดอาคมป้องกัน รอบๆ แดเรลทันที แต่ตอนนี้ แดเรลหมดสติไปแล้วจากพลังของอาคมไมนอส อีกสองคนยังตั้งท่าระวังให้อยู่
กลุ่มของไมนอสไม่ได้รับผลกระทบจากอาคมนี้จึงเข้าโจมตีทันที
วังวนวายุ!!
กรงเล็บปีศาจ!!
ถล่มโลก!
ลมหายใจมังกร!
ทหารของไมนอสระดมโจมตีออกไปทันที ไมนอสเองก็ใช่วิชาสองอย่างของเขาเพื่อโจมตีด้วยนั้นคือ
อัตลักษณ์แห่งการกลืนกิน
กระบี่ไร้ขอบเขต
องครักษ์สองคนที่เห็นการโจมตีถึงกับหน้าถอดสี
“บ้าน่า!! ไอ้พวกนี้มันแข็งแกร่งกว่าที่เห็น!!”
ฟิลิปพูดยังตกใจ
“เควนต์ เราอยู่แบบนนี้นานไม่ได้ เราจะหมดแรงกันก่อน”
องครักษ์อีกคนพูดขึ้นขณะปัดป้องการโจมตี
“ฟิลิป เตรียมหนี ถ้าสู้กันที่นี้ เราไม่สามารถรับประกันชีวิตนายน้อยได้ ถ้าเราหนีออกจากที่นี้ได้ กลับมาเอาคืนก็ยังไม่สาย”
องครักษ์อีกคนพูดขึ้นและเขาก็สังเกตอะไรได้บ้างอย่าง
“นี้คิดว่าข้าไม่อยากออกไปจากที่นี้หรอ!? พวกมันล่อให้พวกเราเข้ามาติดกับ ตอนนี้เราสู้ปกป้องตัวเองพอ!”
เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง องครักษ์สองคนก็เห็นว่าพวกเขาถูก ต้อนให้ไปทางน้ำตก
‘ชิบหาย!!’ ทั้งสองคนต่างคิดขึ้นเมื่อเห็นน้ำตกสูง 50 เมตร อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
หนึ่งในนั้นมองไปที่ไมนอส และพูดกับองครักษ์อีกสองคนด้วยท่าที่หวาดกลัว
“เจ้าเด็กนั้น มันอยู่ระดับ 33 แล้ว! นี้มันเพิ่มระดับมาถึงระดับนี้ได้ยังไง แถมการโจมตีของมันก็ไม่
อนุภาพไม่ด๋อยกว่าทหารพวกนี้เลย!”