ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬตอนที่ 25 แปลงใจกับการเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินทางมาสองวันแล้ว เพื่อจะมายังเมืองดราย
เธอขี่สัตว์อสูรจิตวิญญาณขั้นนักรบแห่งจิตวิญญาณ เป็นพญาอินทรีตัวใหญ่ สีขาวล้วน สูงกว่า 2 เมตร
บนหลังพญาอินทรีก็มีสาวงามนั่งอยู่ ความงามของเธอสามารถสะกดให้คนทั่วไปได้หลงใหลได้ในทันที
เธออยู่ในชุดสีเขียวยาว และผ้าคลุมสีขาว
และในที่สุดเธอก็มาถึงเมืองดราย เธอเห็นความเปลี่ยนแปลงยังมากที่เกิดขึ้น มีพื้นที่สีเขียวปกคลุมไปเกือบหมด เห็นพื้นที่การเกษตรที่กว้างใหญ่
เห็นถึงความเติบโตของเมืองได้ยังชัดเจน ทำให้เธอแปลกใจยังมากว่านี้เธอถึงที่ราบทมิฬแล้วยังงั้นหรอ
ยิ่งเมืองดรายนั้นเปลี่ยนไปยังมาก
นี้แค่ผ่านไป 13 เดือนกว่าทำไมเมืองถึงเติบโตได้ขนานนี้ เธอเกิดคำถามมากมายในหัว
เธอค่อยๆ บังคับพญาอินทริลงพื้นทางทิศใต้ของเมือง และเดินทางต่อเข้าเมืองด้วยเท้า เธอเดินไปตามท้องถนนหนทางที่เคยเดินผ่านเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันเลย เธอหลงทางในทันที
นี้มันบ้าอะไรทุกอย่างเปลี่ยนไปได้ขนานนี้!!
เธอไม่เคยเห็นตึกหรืออาคารมากมายขนานเมื่อครั้งก่อน
‘ที่นี้เปลี่ยนไปได้ยังไร ในเวลาสั้นๆ’
เธออุทานในใจ
เมืองดรายนั้นในช่วง 1 ปี มีการเปลี่ยนแปลงยังมาก พื้นที่ว่างกลับถูกใช้สอยจนเต็มพื้นที่สองในสามของเมือง และ หนึ่งส่วนนั้นก็ยังเจริญไม่แพ้กัน
เป็นเพราะอาคมที่ไมนอสนำมาติดตั้งเอาไว้ที่บริเวณใจกลางเมือง ทำให้บริเวณรอบๆ ได้รับผลการเปลี่ยนแปลงไปด้วย
พื้นที่เต็มไปด้วยบ้านและตึกอาคาร อาคารเก่าถูกซ่อมใหม่หรือทุบทำใหม่ถูกขยายเพิ่มขึ้น
นั้นเกิดจากการจัดการบริหารของไมนอสทำให้ผังเมืองดูสวยงามได้ขนานนี้ มันไม่ได้เติบโตอย่างไร้การควบคุม
และต้นไม้ก็เติบโตขึ้นในตัวเมืองเพิ่มความร่มรื่นเข้าไปอีก นี้ถ้าบอกใครคงไม่มีใครเชื่อว่านี้ที่คือที่ราบทมิฬ
“โห!!” หญิงสาวร้องออกมายังตกใจเล็กน้อย แต่ไม่มีใครสังเกตได้ยินเธอ เพราะเธอสัมผัสได้ถึงพลังงานจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้นถึง 50% จากครั้งก่อน
‘มันเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้ยังไงกัน? ฉันคิดว่าที่นี้รากวิญญาณนั้นดูดซับพลังงานทุกอย่างทำให้ไม่สามารถมีความเข้มข้นพลังงานได้หรือปลูกอะไรได้ เขาแก้ปัญหาได้ยังไงกัน’
เธอครุ่นคิดระหว่างที่เดินรอบๆ เมือง
ในที่สุดเธอก็มาถึงคฤหาสน์ ที่เป็นสำนักงานของเมือง หลังจากหลงทางและถามทางจากชาวบ้าน
ตัวคฤหาสน์เปลี่ยนไปยังมาก มีสวนเขียวชอุ่มมีน้ำพุตรงกลาง หลังคฤหาสน์มีตึกอีก 4 ชั้น
ที่จริงไมนอสต้องการปรับปรุงให้ทันสมัยได้มากกว่านี้แต่เนื่องจากขาดแคลนอาคม เขาอยากได้เจ้าแห่งอาคมมาที่เมืองเพื่อช่วยสร้างอาคมให้กับเขา
หญิงสาวเดินเข้าไปในสำนักงาน เธอกับต้องตกใจกับการเปลี่ยนแปลงภายในอาคารอีกครั้ง
เธอรีบเรียกสติกลับมาหลังจากที่มีใครบางคนพูดขึ้น
“ยินดีตอนรับสู่สำนักงานท้องถิ่น มีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ”
มีอากล่าวตอนรับแขกที่มาเยือน
“อะ อื้ม ฉันมาพบไมนอส สจวร์ต”
หญิงสาวรีบบอก
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ ตอนนี้นายน้อย สจวร์ตไม่อยู่ในเมืองสักระยะค่ะ”
มีอาตอบยังสุภาพ
“อะไรนะ! เขาไปไหน”
หญิงสาวรีบยิงคำถามทันที่เมื่อรู้ว่าไมนอสไม่อยู่
“ดิฉันไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ค่ะ”
มีอาตอบยังไม่ใส่ใจ
“ทำไมไม่ได้? แล้วตอนนี้ใครดูแลรับผิดชอบเมืองนี้ตอนนี้ ให้ฉันคุยกับเขาเดียวนี้ ฉันมาตามคำสั่งของ แม่นายน้อยของเจ้า”
หญิงสาวโมโหเมื่อได้ยินคำตอบเลย หาคนที่เธอจะตอบให้เธอได้
ใช่แล้วเธอคือลูกศิษของแม่ไมนอส รูธ ไมล์ส ซึ่งได้ติดตามมากับแม่ของไมนอสครั้งล่าสุด
ตอนนี้ระดับของเธอขึ้นมาเป็น 45 แล้ว หลังจากที่เธอฝึกบ่มเพาะเสร็จเธอก็มาทำตามคำสั่งของอาจารณ์เธอ
“โอ้!! คุณนั้นเอง ตอนนี้ บัตเลอร์ ดิลเลียน เป็นคนดูแลที่นี้อยู่ค่ะ เดียวฉันจะพาไปพบ”
มีอาพา รูธไปพบกับดิลเลียนที่ห้องทำงาน
“คุณบัตเลอ์ ดิลเลียน สุภาพสตรีท่านนี้มาตามคำสั่งของแม่ของนายน้อยค่ะ”
มีอาพูดแนะนำก่อนจะออกจากห้องไป
“คุณนายส่งคุณงั้นหรือขอรับ ไม่ทราบว่ามีเหตุอันใดที่ทำให้คุณเดินทางมาไกลถึงที่นี้ด้วย”
ดิลเลี่ยนถามพร้อมกับยิ้มให้กับรูธ
“อาจารณ์ของข้าได้ให้ข้านั้นกลับมาที่นี้หลังจากผ่านไป1ปีครึ่ง ตั้งแต่การมาครั้งล่าสุดของเรา ข้านั้นบ่มเพาะบรรลุเร็วกว่าที่คิดเลย กลับมาที่นี้ก่อนเวลาที่กำหนดไว้”
“ท่านอาจารณ์สั่งให้ข้านั้นดูการพัฒนาของลูกชายเธอ ว่าพัฒนาการได้ถึงขั้นนักรบแห่งจิตวิญญาณหรือไม่ ถ้าเขาไปถึงระดับนั้นได้ ให้ข้าเชิญชวนเขาไปร่วมการแข่งขันประลองยุทธ์ ที่จะเกิดขึ้นในอีก 7 เดือนข้างหน้า ที่อาณาจักรครอมเวลล์ แต่นั้นก็อยู่ที่เขาจะเข้าร่วมด้วยไหม”
“กระผมเข้าใจแล้ว ขอรับ คุณนายอยากให้นายน้อยนั้นได้ปะมือกับคนรุ่นเดียวกันเพื่อเปิดโลกให้กับนายน้อย”
ดิลเลียนพูดขึ้นแล้วนำมือไปไขว้หลัง
“เป็นความคิดที่ดีขอรับ แต่ตอนนี้นายน้อยกำลังอยู่ในการเดินทางไปเกาะศิลา กระผมเองก็ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ อาจะ สอง หรือ สาม อาทิตย์”
“ห้ะ!! เกาะศิลา เขาไปทำอะไรที่นั้นอีก”
รูธ ถามด้วยความสงสัย
ดิลเลี่ยนไม่อยากจะบอกอะไรมากได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป
“นายน้อยของเราเป็นผู้ปกครองเมือง เขายอมมีแผนการ บ้างอย่างที่ต้องไปทำด้วยตัวเอง”
“แต่ถ้าคุณต้องการจะตามไป กระผมแนะนำให้ตามหาคนชื่อ เอเลน แนช เพราะนายน้อยไปเกาะศิลาเพื่อพบเธอที่เกาะศิลา”
“ได้เข้าใจแล้ว...อันที่จริงที่นี้เปลี่ยนไปยังมากจากครั้งก่อน มันเป็นแบบนี้ได้เช่นไร”
ก่อนที่รูธจะไปเธอได้ถามขึ้น
“ฮ่าๆ คุณอยากรู้สินะขอรับ กระผมไม่ขอลงรายละเอียดทั้งหมด แต่มันเกิดจากนายน้อย
และที่นายน้อยพูดว่าไม่ต้องการการช่วยเหลือจากคุณนายนั้น กระผมบอกเลยว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น”
ดิลเลียนตอบพร้อมกับยิ้มยังภูมิใจในตัวของนายน้อยเขา
เมื่อเห็นและได้ยินสิ่งที่ ดิลเลียนพูด รูธพูดไม่ออกและคิดในใจว่า
‘ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน?? ถึงที่นี้จะพัฒนาไปยังมาก แต่ก็ไม่ถึงกับบอกว่าไม่ต้องการการช่วยเหลือจากนิกายของเรา’
“ฮึ ดูว่าเจ้าจะเชื่อใจนายน้อยของเจ้ามากเลยสินะ”
เธอพูดออกมา
ดิลเลียนไม่ตอบอะไร เพียงยิ้มให้ เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ หรือบอกอะไรถึงแม้ว่าคนคนนี้จะไม่ใช่ศัตรูก็ตาม
เมื่อเธอเห็นว่าคงไม่ได้คำตอบอะไรอีกแล้ว เธอถอนหายใจ เธออยากจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับไมนอสกับคนเหล่านี้เพิ่มขึ้น เพราะไม่ใช่แค่พ่อบ้านที่เชื่อในตัวไมนอส แต่เป็นทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็เชื่อในตัวเขาทั้งสิ้น
เพราะครั้งสุดท้ายที่เธอมา ทุกคนต่างเห็นไมนอสเป็นดังผู้กอบกู้ของพวกเขา
‘ช่างเถอะ ฉันต้องไปพาไมนอสเข้าร่วมการแข่งขัน บางทีฉันอาจจะรู้อะไรเพิ่มก็ได้’
เธอคิดในใจ
“เอาล่ะ เมื่อลูกชายของอาจารณ์ฉันไม่อยู่ ฉันก็หมดธุระกับที่นี้ ฉันจะไปเกาะศิลา”
รูธกล่าวลาและรีบออกเดินทางไปเกาะศิลาทันที
…
ในตอนนี้ไมนอสนั้น ใกล้จะถึงเกาะศิลาเต็มทีเขาเห็นเกาะได้จากเส้นขอบฟ้าแล้ว
ไมนอสเพลินเพลินกับทิวทัศนี้ และคิดในใจว่า
‘เกาะศิลา ดูสิว่าเจ้าจะมีอะไรดีๆ ให้ข้าบ้าง’