ผู้กอบกู้แห่งที่ราบทมิฬ ตอนที่ 24 เดินเรือ
ดวงอาทิตย์สาดแสงสีทองที่ขอบฟ้า ยามเช้าที่เส้นขอบฟ้า
เรือขนานกลางได้แล่นออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบทมิฬ เรือลำนี้ถึงไม่หรูหรามาก แต่ก็ถูกดูแลไว้ในสภาพที่ดี สามารถที่จะรองรับคนได้ถึง 15 คน
น้ำทะเลที่ใสจนมองเห็นไปใต้ผิวน้ำได้เป็นเมตร จะสามารถมองเป็นฝูงปลาที่ว่ายไปมาได้เลย และเสียงนกนางนวลที่ร้อง ให้ได้ยินอยู่ไกลๆ
บนเรือนี้มีคนอยู่ 14 คน ทั้งคณะเดินทางของไมนอสและลูกเรือ พวกเขาออกเดินทางจากเมืองท่าเร็วกว่ากำหนด ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเสียอีก
สำหรับการเดินทางไปเกาะศิลานี้ จะใช้เวลาประมาณ 3 วัน กว่าจะถึงด้วยเรือลำนี้ หากเรือที่ใหญ่กว่านี้หรือเร็วกว่านี้ก็จะถึงไวกว่า
แต่นี้ก็ไม่สำคัญอะไรกับไมนอสมากนัก แต่สำหรับคนติดตามของไมนอสนั้นคงไม่ใช่
พวกเขาพึ่งเคยเดินทางด้วยเรือเป็นครั้งแรกจึงเกิดอาการเมาเรือ
ถ้าพวกเขาระดับถึง ขั้นแม่ทัพแห่งจิตวิญญาณได้แล้วนั้น ปัญหาพวกนี้จะไม่มีอีกต่อไปเพราะสามารถปรับพลังงานธรรมชาติ ได้ยังอิสระ นำมาช่วยทำให้ประสาทสัมผัสของผู้ฝึกตนไม่รู้สึกต่ออาการเหล่านี้
ไมนอสวางแผนที่จะไปซื้อยาจิตวิญญาณเพื่อเพิ่มระดับพวกคนของเขา เมื่อถึงเกาะศิลา
ในขณะนั้นมีหญิงสาวแต่งชุดแม่ครัวหน้าตาน่ารักนำอาหารมาเสิร์ฟให้ไมนอสได้ลองกิน
“นายน้อยเจ้าค่ะ ลองทานอาหารว่างที่ฉันทำไว้ดูไหมค่ะ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะไพเราะ
มันมี ผลไม้หั่นบางๆ และมีแผ่นพาสต้าเล็กๆ เหมือนขนมปังทาข้างบนด้วยแยม
พร้อมกับน้ำผมไม้สองประเภทให้เลือกดื่ม
“โห! ดูน่ากินมากเลย”
ไมนอสพูดยังสนใจ
เขาไม่ได้หวังว่าบนเรือจะมีบริการอะไรมากมายจากที่คุยกัน เขาจึงประหลาดใจเมื่อเห็นบริการดังกล่าว
ไมนอสถึงกับตบหน้าตักตัวเอง เพราะรสชาติมันดีมาก
“อร่อยมาก ไม่ทราบว่าเจ้าชื่ออะไรรึ”
ไมนอสถามขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหาร
“ดิฉัน ชื่อ เวนดี้ เจ้าค่ะนายน้อย”
เธอตอบ
“เวนดี้ เธอไปเอาของพวกนี้มาจากไหนกัน”
ไมนอสยิงคำถามต่อทันที่ เพราะเขาสงสัยว่าของที่กินอยู่นี้ทำไมถึงมีพลังงานจิตวิญญาณอยู่ในปริมาณที่พอดีอยู่ด้วย
“ดิฉันก็ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าจะมาจากอาณาจักรครอมเวลล์ เจ้าค่ะ เพราะมันมีพลังงานจิตวิญญาณดีเยี่ยม”
เวนดี้ตอบกลับ
“ข้า เข้าใจแล้ว...”
“ว่าแต่ เจ้ามาจากเมืองมารีนทาม หรือมาจากเกาะศิลากันละ?”
ไมนอสถามเวนดี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ใครที่เห็นเหตุการณ์นี้คงคิดว่า ไมนอสนั้นกำลังสนใจในตัวเธอยังแน่นอน แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นสะทั้งหมด ไมนอสนั้นยังมีภาระมากมายที่ต้องทำ เขาเลยยังไม่จะผูกพันกับใครมาก่อนเลย
และเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะต่อต้านการมีภรรยาหลายคน หรือความสัมพันธ์แบบชั่วคราว
แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์อะไรแบบนั้นกับคนที่เพิ่งเจอ เขาอยากจะรู้จักเธอสักหน่อย
“ดิฉันมาจากเมืองมารีนทาม ค่ะ นายน้อย”
เธอตอบ
“แล้ว การกินการอยู่ที่เมืองนั้นเป็นยังไงบ้างหรอ มีปัญหาอะไรที่เจอบ่อยๆ ไหม”
ไมนอสได้ถามต่อยังสงสัย
“ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเจ้าค่ะ ถึงแม้จะอยู่ในที่ราบทมิฬแต่ก็มีความเข้มข้นทางจิตวิญญาณสูงกว่าสภาพแวดล้อมโดนรอบ”
“ผู้คนที่มีพรสวรรค์น้อย การจะย้ายไปอยู่ที่อื่นนั้น ค่าใช้จ่ายมันสูงเจ้าค่ะ ทั้งค่าอยู่ทั่งภาษี การอยู่ในเมืองท่านี้ก็ดีมีโอกาสให้แก่ผู้ที่อาศัยในดินแดนนี้บ้าง และคงไม่มีอะไรดีไปกว่าบริเวณรอบๆ นี้แล้วละเจ้าค่ะ”
เธอตอบยังจริงใจ
“ยังงั้นหรอ…”
ไมนอสครุ่นคิด
“แต่ทำไมนายน้อยถึงถามแบบนี้เจ้าค่ะ”
เธอถามกลับยังสงสัย
“ป่าวหรอกๆ ข้าได้ยินมาว่ามีสถานที่รอบๆ ที่ราบทมิฬ มีแหล่งโอกาสที่ดีสำหรับผู้มีความสามารถน้อยอยู่”
ไมนอสตอบยังเลี่ยงๆ ไป
“ข้าว่าเจ้าน่าจะลองหาสถานที่นั้นดูนะ ภายใน 1 ปีนี้ ถ้าเจ้าอาจจะได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตเลยก็ได้”
หลังจากหญิงสาวได้ยินก็เดินกลับไปห้องครัวไป
เธอไม่เข้าใจสิ่งที่นายน้อยของเธอจะสื่อหมายถึงอะไร เพราะมันไม่มีที่แบบนั้นในที่ราบทมิฬ
นอกจากเมืองมารีนทามแล้ว ไม่มีที่ให้โอกาสได้ดีเท่านี้ในบริเวณหลายพันกิโลเมตรจากตรงนี้
…..
ในขณะที่คณะเดินทางของไมนอส ค่อยๆ เดินทางไกลออกไปจากเมืองท่า มีชายสามคนอยู่คุยกับชายหนุ่มแต่งตัวมีฐานะในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองมารีนทาม
ทั้งสามยืนอยู่ที่ระเบียงนอกห้อง ส่วนชายหนุ่มกำลังรับประทานอาหาร ทั้งสามให้ข้อมูลที่สำคัญกับชายหนุ่มคนนั้น
“นายน้อย ข้าสืบรอยทราบแล้วว่าใครเป็นคนที่ทำให้นายน้อยต้องอับอายในหอการค้า”
“และเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน นายน้อยก็รู้จักดี”
ฟิลิปกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“ยังงั้นรึ มันเป็นใคร มาจากตระกูลไหน? หรือเป็นพวกตระกูลมิลเลอร์?”
แดเรลถามยังใคร่รู้ความจริง
“ไม่เลยนายน้อย มันไม่ได้เป็นคนจากตระกูลใหญ่ไหนเลย”
“มันคือลูกชายของอดีตนายพลอัลเบิร์ต สจวร์ต!!”
หมับ!!
“เป็นไปไม่ได้!! ไอ้เด็กนั้นไม่น่าจะเข้ามาขวางทางข้าได้ นี้มันไม่กลัวตายเลยยังงั้นหรอ ที่กล้ามาท้าทายข้าแบบนี้”
แดเรลพูดยังโมโหขึ้นเรื่อยๆ
เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่ทำให้เขาอับอายนั้นจะเป็นแค่มดปลวกในสายตาเขา
ไอ้แมลงตัวนี้มันสลบไป 6 ปีเสียเวลาในการบ่มเพาะพลังไป ทำไมถึงกล้ามาทำแบบนี้
“ไอ้มดปลวกตัวนี้คงใช้เงินสมบัติของพ่อมันทั้งหมดเพื่อซื้อดาบเล่มนั้นไปแล้ว แต่มันทำแบบนั้นเพื่ออะไร..”
แดเรลพูดขึ้นยังสงสัย
“ระดับของมันยังไม่น่าจะฝึกถึง ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ตามไม่มีทางที่จะใช้เวลา 1 - 2 ปีแล้วจะใช้ดาบเล่มนั้นได้”
“ถ้ามันอยู่ในระดับนั้นจริง มันก็คงเป็นเหมือนแย่งขนมจากมือเด็กสิครับนายน้อย ฮึๆ”
ฟิลิปกล่าวขึ้น
เพราะเขามั่นใจว่าสามารถจัดการคณะเดินทางของไมนอสได้สบายๆ ด้วยว่าฝั่งเขามี ขั้นแม่ทัพแห่งจิตวิญญาณ ถึง 3 คน ถึงว่าฝั่งไมนอสจะมากกว่าแต่ด้วยวิชาที่หน่วยองครักษ์ของตระกูลซิลวามีวิชาต่อสู้มากกว่า 1
จำนวนวิชาจะสร้างความได้เปรียบในการต่อสู้ขึ้นไปอีก
แล้วสำหรับไมนอส ฟิลิปคิดว่าระดับคงไม่เกิน 19 ถึงแม้จะเริ่มฝึกตั้งแต่ฟื้นตัวก็ตาม
“ฮ่ะๆ จริงด้วย มันยิ่งง่ายยิ่งกว่าแย่งของจากมือเด็กเสียอีก ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แถมได้อาวุธมายังง่ายได้เสียอีก”
แดเรลยิ้มหัวเราะยังพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ไหน”
แดเรลรีบถามทันที
“มันและคณะของมันเช่าเรือออกเดินทางไปเกาะศิลาเมื่อเช้ามืดนี้เองครับ เหมือนพวกมันกำลังหนี”
ฟิลิปตอบคำถามทันที
“เยี่ยมไหนก็ไหนๆ ฉันจะได้ไปเกาะศิลาเลย ไปเราจะออกเดินทางกันทันที และฆ่ามันกับคนของมันให้หมด”
“ฮะๆๆ นอกจากที่ข้าจะได้อาวุธลำดับ 2 แล้ว ยังหาซื้อยาจิตวิญญาณเพิ่มระดับพลังได้อีก ในการแข่งขันที่จะมาถึง ข้าผู้นี้จะโดดเด่นแค่ไหนกัน”
แดเรลพูดยังฝันหวาน
กลุ่มของซิลวารีบออกจากโรงแรม มุ่งหน้าไปยังท่าเรือทันที พวกเขาต้องตามหาพวกไมนอสให้เจอให้ได้!!